“กรี๊ดคลายเครียด” วิธีบำบัดที่ไม่ต้องจ่ายอะไรเลย

ตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณได้เรียนรู้เคล็ดลับมากมายเกี่ยวกับวิธีการลดความเครียด ตั้งแต่การทำสมาธิ การออกกำลังกาย ไปหาหมอ หรือความพยายามจะเมามายลดเครียด ซึ่งวิธีเหล่านั้นก็ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง แถมบางวิธีก็เสียค่าใช้จ่ายไปไม่น้อย แต่ถ้าคุณรู้วิธีคลาดเครียดด้วยการ “กรี๊ด” แล้วล่ะก็ ครั้งต่อไปคุณไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย เพราะงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้แสดงให้เห็นว่า “การกรี๊ด” นั้นดีต่อสุขภาพจิตของคุณ

บำบัดความเครียดด้วยการกรีดร้อง

การกรีดร้อง ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการบำบัดความเครียดมาตั้งแต่ปี 1970 พัฒนาโดย Arthur Yanov เขาเชื่อว่าการที่คนเราต้องอดทนอดกลั้นเก็บเอาความเจ็บปวดชอกช้ำในอดีตไว้ในจิตใจ ไม่แสดงออกให้ใครรู้เลยนั่นแหละเป็นตัวการของความเครียด Yanov จึงได้สนับสนุนให้ผู้ที่มีความเครียดทั้งหลายได้ย้อนกลับไปหาความเจ็บปวดในอดีต แล้วจัดการมันให้สิ้นด้วยการกรีดร้องออกมา ซึ่งผู้ป่วยที่มีชื่อเสียงของเขา คือ John Lennon และ Yoko Ono

Yanov กล่าวว่า “นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของจิตวิทยาที่มีวิธีการเข้าถึงความรู้สึกในอดีตที่ถูกเก็บซ่อนไว้อย่างมิดชิด เพื่อช่วยลดความทุกข์ทรมานใจของมนุษย์ โดยพื้นฐานแล้ว นี่เป็นศาสตร์แรกของจิตบำบัด”

เพราะหากย้อนไปถึงมนุษย์ในยุคดึกดำบรรพ์ คุณคิดว่ามนุษย์ยุคนั้นจะมีเครื่องมืออะไรทันสมัยในการคลายเครียด สิ่งที่มนุษย์ยุคหินสามารถทำได้ทุกคนเพื่อหวังจะคลายเครียด คือการกรีดร้องออกมาให้ดังมาก ๆ หรืออาจจะตั้งใจให้เสียงนั้นกระแทกเข้ากับหินก็ได้

ผลสำรวจของ Washington Post-UMass Lowell จากการสุ่มเลือกผู้ใหญ่จำนวน 1,000 คนมาร่วมทำแบบสำรวจ พบว่า มีแฟนกีฬาจำนวน 19 เปอร์เซ็นต์ที่บอกว่าพวกเขามักจะตะโกนใส่ทีวีเสมอเมื่อดูกีฬา ผู้ทำแบบสำรวจคนหนึ่งยังบอกอีกว่า “การตะโกนใส่ทีวีอาจดูไร้สาระจริง แต่ในเวลานั้นมันไม่ไร้สาระเลย มันทำให้รู้สึกว่าทุกอย่างดีขึ้น” ผลการสำรวจยังพบว่าผู้หญิงมีปฏิกิริยาตะโกนใส่ทีวี “เป็นบางครั้ง” มากกว่าผู้ชาย ในสัดส่วน 62 เปอร์เซ็นต์ (ผู้ชาย 56 เปอร์เซ็นต์)

ลองบำบัดความเครียดด้วยการกรี๊ด

คุณอาจเคยได้ยินทฤษฎีเกี่ยวกับจิตวิเคราะห์และการบำบัดพฤติกรรมต่าง ๆ มาบ้าง แต่คุณเคยได้ยินว่าการกรีดร้องนี้เป็นหนึ่งในวิธีบำบัดทางจิตหรือไม่? Kanye West เป็นหนึ่งในผู้ที่ยกย่องวิธีการบำบัดด้วยเสียงกรีดร้องเป็นวิธีบำบัดทางจิตที่ได้ผล แม้ว่ามันจะค่อนข้างขัดแย้งกับการทำให้จิตใจสงบก็ตาม

การบำบัดความเครียดด้วยเสียงกรีดร้อง สามารถทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่ยืนในท่าที่มั่นคง (คล้ายกับท่านักรบ) จากนั้นก็กรีดร้องมันออกมาให้ดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ มันช่วยให้คุณปลดปล่อยความโกรธ ความขุ่นมัวในจิตใจ และสลัดความวิตกกังวลทิ้งไป Gin Love Thompson นักจิตอายุรเวท เคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร SHAPE ว่า “การกรี๊ด ทำให้เกิดความสั่นสะเทือนทางร่างกาย จากนั้นการสั่นที่ว่าจะไปกระตุ้นระบบประสาทและจิตใต้สำนึกว่าให้ปลดปล่อยสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจออกมา”

นอกจากนี้ ยังมีหลักฐานว่าการกรีดร้อง ก็เป็นหนึ่งในวิธีการรักษาของแพทย์แผนจีนโบราณด้วย Mrs He หญิงวัย 60 ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNN ว่าเธอมักจะขึ้นไปตะโกนดัง ๆ บนเขาทุกวันก่อนที่จะเริ่มออกกำลังกาย และยังบอกว่าคนจีนสอนวิธีนี้มาจากรุ่นสู่รุ่น โดยเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมพื้นบ้าน

สอดคล้องกับข้อมูลของ Dr. Nan Lu ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรและชี่กง (คล้ายไทเก๊ก) กล่าวว่าพลังงานที่ไปเลี้ยงตับจำเป็นต้องไหลเวียนอยู่ตลอดเวลา แต่อาจถูกขัดขวางด้วยความหงุดหงิด ดังนั้นวิธีการรักษาคือต้องกำจัดสิ่งที่ขวางอยู่ ตั้งท่าด้วยการยืน จากนั้นโอนเอนร่างของคุณลงไปที่พื้นแล้วแกว่งขึ้นมาให้เหมือนต้นไม้ต้องสายลม ขณะเดียวกัน เขย่าปลายเท้า รวบรวมความหงุดหงิดทั้งหมดออกมา แล้วปล่อยมันไปด้วยเสียงกรีดร้องด้วยพลังเสียงอันดัง

เหตุใดการกรี๊ดถึงลดความเครียดได้

มีหลายวิธีที่ช่วยปลดปล่อยอารมณ์ความรู้สึกที่อยู่ในใจได้ การกรีดร้องก็เป็นหนึ่งในวิธีนั้น เช่นเดียวกับการร้องไห้หรือหัวเราะนั่นแหละ ที่สามารถทำให้เกิดความสงบได้ในช่วงเวลาที่คุณรู้สึกเศร้าหรือในช่วงที่มีความสุข การตะโกนจึงช่วยให้เราคลายความโกรธและความขุ่นมัวในใจได้ชั่วคราว

Dr. Peter Calafiura กล่าวว่า “การตะโกนอาจทำให้สารเอนดอร์ฟินในร่างกายสูงขึ้นตามธรรมชาติ ทำให้ผู้ที่ได้ตะโกนออกมารู้สึกสงบลง (และอาจทำให้เสพติดได้เล็กน้อย) คล้ายกับการหลั่งสารเอนดอร์ฟินในนักกีฬา พวกเขาจะได้ผลลัพธ์เดียวกัน แต่ในลักษณะที่ต่างออกไป” ส่วน Avi Klein นักจิตอายุรเวชกล่าวว่า “มันรู้สึกดีจริง ๆ ที่ได้ระบายอารมณ์นั้นออกไป”

นอกจากนี้ John Norcross ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลัย Scranton ยังได้เปรียบเทียบการระบายความเครียดด้วยการกรี๊ด ว่าคล้ายกับการยกฝาหม้อต้มน้ำก่อนที่มันจะเดือด การส่งเสียงตะโกนให้กับความเจ็บปวดนั้นมีประโยชน์มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณรู้สึกว่ากำลังจะระเบิด ที่อาจทำให้ความสัมพันธ์ของคุณกับคนรอบข้างเปลี่ยนไป การระบายไอน้ำออกมาเล็กน้อย จะช่วยให้คุณใจเย็นลง และไม่ทำอะไรให้เกิดเหตุแตกหักกับคนรอบข้าง

ระวัง! คนรอบข้างจะตกใจเสียงกรี๊ด

แม้ว่าการกรีดร้องด้วยพลังเสียงอันดังจะทำให้คุณรู้สึกดี แต่เสียงกรีดร้องของคุณอาจส่งผลเสียต่อคนอื่นที่ได้ยิน การวิจัยในห้องปฏิบัติการ แสดงให้เห็นว่าเสียงกรีดร้องของมนุษย์ทำให้คนฟังเกิดการตอบสนองต่อความกลัวที่อยู่ลึกลงไปในจิตใจ หากคุณเคยได้ยินเสียงกรีดร้องมาแต่ไกล ๆ โดยไม่รู้ว่ามันมาจากไหน คุณจะรู้ดีว่ามันน่ากลัวแค่ไหน

ดังนั้น แทนที่จะกรีดร้องด้วยเสียงอันทรงพลังจนสุดปอด แต่มีคนโทรแจ้งตำรวจให้มาจับคุณในข้อหาก่อกวน ส่งเสียงดังรบกวนชาวบ้าน ให้ลอง “กรี๊ดใส่หมอน” หรือไปหาสิ่งที่เรียกว่า “The Scream Box” มันคือกล่องที่มีโฟมดูดซับคลื่นเสียงและลดเสียงรบกวนได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์

และแน่นอน อย่าเที่ยวไปกรีดร้องใส่หน้าใครเขา หลบออกมากรี๊ดเองคนเดียวตามลำพัง!

แต่อย่าคาดหวังว่าปัญหาของคุณจะหายไป

ย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษที่ 60-70 การบำบัดด้วย “เสียงกรีดร้อง” เป็นที่นิยมในหมู่ผู้คนมากมาย แต่การจัดการกับปัญหาทางจิตใจด้วยการกรีดร้องนี้ ทำได้เพียงไล่ความรู้สึกแย่ ๆ ที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้นไปได้แค่ชั่วคราว เช่นเดียวกับหม้อที่ระบายไอน้ำไปแล้ว แต่น้ำก็ยังสามารถเดือดต่อได้อยู่ดี หากคุณทิ้งหม้อไว้บนเตา การกรีดร้องจึงเป็นการปลดปล่อยในระยะสั้นเท่านั้น

ดังนั้น ในครั้งต่อไปที่คุณรู้สึกว่าคุณกำลังจะระเบิดอารมณ์ อย่ากลัวที่จะกรีดร้องมันออกมา (พยายามอย่าทำให้คนข้างบ้านตกใจ) เมื่อคุณรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย ค่อยกลับไปเผชิญกับสถานการณ์นั้น ๆ

แต่ถ้าหากคุณไม่ได้รู้สึกอยากจะกรีดร้องใส่ปัญหาทุกครั้งที่เครียด คุณอาจต้องทำอะไรที่มันซับซ้อนกว่านั้น อย่างการหาต้นตอของปัญหาที่จะทำให้คุณถึงจุดเดือด แล้วพยายามหาวิธีการรับมือที่ดีที่สุดเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว Norcross กล่าวว่าการพยายามหาวิธีการรับมือปัญหานั้นดีต่อสุขภาพและให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในระยะยาว

ข้อมูลจาก The Ladders, Truly Experiences, Popular Science