ช่วงที่พายุฝนกระหน่ำเมืองไทยแทบไม่เว้นแต่ละวัน ผมเชื่อว่าคนใช้รถส่วนใหญ่บอกลาการล้างรถไปโดยปริยาย เพราะไม่รู้จะล้างไปเพื่ออะไร ล้างไปเดี๋ยวฝนก็เทลงมาอีก พรรคพวกผมบางคนบอกเลยว่าช่วงนี้ไม่ได้ล้างรถมาหลายเดือนแล้ว!
หากเป็นรถที่มีอายุการใช้งาน 7 ปีขึ้นไป เจ้าของรถบางท่านอาจไม่ซีเรียสเรื่องความเงางามของสีรถสักเท่าไหร่ และอาจจะปล่อยทิ้งไว้เป็นแรมเดือนก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่หากเป็นรถใหม่ หรือกลางเก่ากลางใหม่ ไม่เกิน 7 ปี แนะนำว่าอย่าคิดเช่นนั้นเลยครับ
ในฐานะที่ผมใช้รถสีดำ บอกเลยครับว่าล้างออกมาเจอฝนทีเดียวก็เละแล้ว โดยเฉพาะสีดำเป็นสีที่ขึ้นคราบชัดเจนที่สุด แต่ในทางกลับกัน หากฝนไม่ตกรถสีดำของคุณจะกลายเป็นรถที่สีเงางามที่สุดไปในทันที และยิ่งผ่านการขัดเคลือบด้วยแล้ว เงาวับแน่นอน
ประเด็นในสัปดาห์นี้ผมไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องล้างรถทุกวัน หรือทุกสัปดาห์นะครับ แต่จะเตือนว่า พวกคราบน้ำฝน คราบโคลนต่าง ๆ หากปล่อยทิ้งไว้นานเกินไปมันจะยิ่งฝังแน่น และบางทีอาจล้างไม่ออก กลายเป็นผลเสียระยะยาวได้
บางคนชอบมากเวลาเมื่อรถเปื้อนมาแล้ว ขับรถไปเจอฝนตกหนัก ๆ ลงมาชุดใหญ่และบอกว่านี่แหละคือการล้างรถไปในตัว บอกเลยคิดผิดมาก จริงอยู่ที่คราบสกปรกต่าง ๆ อาจจะหายไป แต่เมื่อรถแห้งแล้ว ไปสังเกตได้เลยครับ มันจะยังมีคราบเกาะอยู่ไม่ว่าจะเป็นรถสีใดก็ตาม
หากเป็นการเจอฝนหนักครั้งแรก นับจากขับออกมาจากที่ล้างรถใหม่ ๆ และขับต่อเมื่อฝนหยุดจนรถแห้ง เคสนี้ยังพอไหวนะครับ เพราะบางร้านที่ขัดเคลือบมาให้ น้ำแทบจะไม่เกาะสีรถเลย แต่หากผ่านฝนและมีคราบมาก่อนแล้ว เจอฝนตกหนักอย่างไรก็ไม่มีวันสะอาดได้แน่นอน
ฉะนั้นทางที่ดี หน้าฝนแบบนี้ เราควรจะล้างรถสัก 2 สัปดาห์ต่อครั้ง ไม่ควรทิ้งไว้เป็นเดือน เพราะคราบน้ำฝนในบางพื้นที่อาจจะมีความเป็นกรด จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมในบริเวณนั้นด้วย หรือหากมีเวลา ก็ควรฉีดน้ำกำจัดเศษสิ่งสกปรกออกไปก่อนในเบื้องต้นก็ยังดีครับ
ส่วนใครที่กังวลว่าล้างรถออกไปแล้วจะเจอฝนรถเละขึ้นอีก ร้านคาร์แคร์ส่วนใหญ่ที่ผมเคยใช้บริการ เขาจะมีบริการล้างฟรีภายใน 24 ชั่วโมง หากล้างขับออกไปเจอฝนอีกนะครับ ฉะนั้นล้างมันเข้าไปเถอะครับ เพื่อรถของคุณจะได้ไม่เก่าก่อนเวลาอันควรครับ