ใครที่เป็นแฟนกีฬา รวมไปถึงแฟนข่าวทั่ว ๆ ไป น่าจะคุยเคยกับวลี “ก๊อกสอง” กันไม่มากก็น้อยนะครับ โดยเฉพาะกีฬาประเภทต่อสู้ ที่ดูเหมือนจะเพลี่ยงพล้ำให้คู่แข่งไปแล้ว แต่กลับมีก๊อกสอง ฮึดกลับมาจนสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาเอาชนะคู่แข่งไปได้ในที่สุด
เคยสงสัยกันไหมครับว่า ไอ้เจ้าก๊อกที่ว่านั้นมันคืออะไร และมีก๊อกหนึ่ง ก๊อกสาม หรือก๊อกสี่ด้วยหรือไม่ ผมเองก็เคยนึกสงสัยเช่นกัน ฉะนั้น ในพื้นที่คอลัมน์สัปดาห์นี้ ผมเลยจัดการเสาะหาคำตอบมาฝากกัน
แท้จริงแล้ววลีดังกล่าวมันมีที่มาจากรถมอเตอร์ไซค์ในสมัยก่อนครับ เท่าที่จำได้ในสมัยเด็ก บรรดาน้า ๆ อา ๆ ของผมที่ขี่มอเตอร์ไซค์ มักจะชอบพูดว่า “ให้บิดไปก๊อกสองถ้าน้ำมันหมด” มาตั้งแต่ตอนนั้น
แต่เพื่อให้รายละเอียดถูกต้องและชัดเจนยิ่งขึ้น ผมมีโอกาสได้พูดคุยกับ “น้าบาน” สุทธิสาร แววสมณะ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องรถมอเตอร์ไซค์เบอร์ต้น ๆ ของเมืองไทย และได้สอบถามกันถึงประเด็นนี้ จึงถือโอกาสสอบถามน้าแกเรื่องนี้ให้กระจ่างขึ้นมาสักหน่อย
น้าบานบอกว่า วลี “ก๊อกสอง” น่าจะมีอายุมากเกือบ 60 ปีแล้วครับ ตั้งแต่ยุคที่จักรยานยนต์เข้ามาเมืองไทยใหม่ ๆ ในปี 2505 ซึ่งรถยุคนั้นใช้เครื่องยนต์คาบูเรเตอร์ และไม่มีเกจ (Gauge) วัดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิง เวลาเราขี่จะต้องมีการเปิดก๊อกน้ำมัน เพื่อให้เชื้อเพลิงไหลไปเผาไหม้เครื่องยนต์คาบูเรเตอร์
ตามปกติแล้ว เราจะบิดก๊อกน้ำมันไปที่ตำแหน่ง 1 หรือก๊อกหนึ่ง และเมื่อขี่ไปจนเครื่องดับ นั่นหมายความว่าระดับน้ำมันจากก๊อกหนึ่งหมดแล้ว ต้องบิดก๊อกน้ำมันไปที่ตำแหน่ง 2 หรือก๊อกสอง ซึ่งยังพอมีน้ำมันเหลือก้นถังราว ๆ 1 ลิตร เพื่อให้ขี่ต่อไปได้
การบิดไปที่ก๊อกสอง ก็เป็นสัญญาณที่บอกว่าต้องรีบหาปั๊มเพื่อเติมน้ำมันนั่นเอง และเมื่อเติมน้ำมันเรียบร้อยก็ให้บิดกลับไปที่ก๊อกหนึ่งเหมือนเดิม จึงเป็นที่มาของวลี “ก๊อกสอง” ที่ใช้ในวงการข่าวมาจนถึงปัจจุบันนั่นเองครับ
“น้าบาน” ยังบอกว่าหลังจากปี 2525 เป็นต้นมา มอเตอร์ไซค์รุ่นหลังจากนั้นก็เริ่มทำเกจ (Gauge) น้ำมันเชื้อเพลิงติดมาจากโรงงานกันเกือบทั้งหมดแล้ว ก็ทำให้คนขี่รถ 2 ล้อส่วนใหญ่ไม่ต้องบิดไปที่ก๊อกสองอีกต่อไป
ทั้งหมดคือที่มาของคำว่า “ก๊อกสอง” ส่วนในชีวิตจริง หากถึงคราวที่เราต้องงัดก๊อกสองออกมาใช้จริง ๆ นั่นหมายความว่าคุณจวนตัวจนถึงที่สุดแล้ว ซึ่งจุดนั้นเอง ผมเชื่อว่ามันคือพลังแฝงอันมหาศาลที่จะทำให้คุณฮึดกลับมาได้ ไม่ว่าจะเผชิญกับเรื่องอะไรก็ตามครับ
