เป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องล่าสุดที่มีคำวิจารณ์จากผู้ชมแบบ “เสียงแตก” ไม่ใช่เพราะใช้ลำโพงด้อยคุณภาพ เสียงแตกในที่นี้หมายถึงความคิดเห็นที่มีต่อหนังค่อนข้างผสมปนเปแตกออกเป็นสองฝั่ง มีทั้งคนที่อินสุดจับจุดขั้วหัวใจ และคนที่ไม่อินกับอะไรเลยแถมยังค่อนไปทางไม่ชอบอีกด้วย
เป็นธรรมดาสำหรับผู้กำกับที่ชื่อ เต๋อ นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ หนึ่งในผู้เขียนบทและกำกับภาพยนตร์ที่มีลายเช็นเป็นของตัวเองค่อนข้างชัดเจนไม่ว่าจะกี่เรื่องต่อกี่เรื่อง หากลองได้ฟังไดอะล็อกหรือคำพูดตัวละครในหนังเพียงไม่กี่ประโยค คงจะรู้กันแทบทันทีว่าใครกำกับ
ฮาวทูทิ้ง ..ทิ้งอย่างไร ไม่ให้เหลือเธอ เป็นเรื่องราวที่ว่าด้วย จีน ผู้มีบุคคลิกนิสัยที่ออกแนวแคร์ตัวเองเป็นสำคัญ ความรู้สึกของคนอื่นคืออะไรฉันไม่รู้ เธอต้องการรีโนเวทบ้านของเธอ(ที่อาศัยอยู่กับแม่และพี่ชาย)ยกใหญ่เพื่อทำเป็นออฟฟิศสไตล์มินิมอล เรียบ ๆ แต่เท่ โดยมอบหมายว่าจ้างให้ พิ๊งค์ เพื่อนของเธอเป็นคนออกแบบให้
**มีการเปิดเผยเนื้อหาของภาพยนตร์ในส่วนนี้**
หลังจากนั้นก็เป็นอย่างที่เราเห็นจากตัวอย่างหนังเลยล่ะครับ กับมหกรรมการเก็บกวาดบ้านครั้งใหญ่โดยมี เจย์ พี่ชาย(ที่โคตรจะแสนดี)คอยซัพพอร์ตช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา ซึ่งของโดยส่วนใหญ่ จีน ล้วนแล้วแต่เลือกที่จะทิ้งเกือบทั้งหมด ไม่แม้แต่แยแสถึงอดีตและความทรงจำกับของชิ้นนั้น ๆ แม้เป็นของที่เพื่อนสนิทของเธอเคยให้มา
ซึ่งในจุดนี้เองที่เกิดคอนฟลิคที่สะกิดความคิดของจีน พาให้เธอล้มเลิกความคิดของการทิ้งสิ่งของเหล่านั้นให้จบ ๆ ไป แต่เปลี่ยนเป็นการนำไป คืน สำหรับของที่มีประวัติ เช่น ต่างหูของเพื่อน ดับเบิลเบสของเพื่อน ภายหลังการคืนของเหล่านั้นทำให้ตัวจีนเองรู้สึกมีชีวิตชีวาและรู้สึกดีขึ้น ถึงกับประมาณตนเองอวดเพื่อนว่า “กูเป็นคนดี” กระทั่งมาถึงของชิ้นสำคัญซึ่งเป็นของของแฟนเก่าเธอ โดยแต่แรกนั้นจีนเลือกที่จะส่งของชิ้นนั้นผ่านไปรษณีย์แต่เกิดปัญหา(บางอย่าง)ทำให้ของตีกลับ และเธอเลือกที่จะนำมันไปคืนให้กับ เอ็ม ด้วยมือตัวเอง จนสุดท้ายกลายเป็นเรื่องดราม่าของการหวนอดีตแซะแผลเป็นขุดรากถอนโคนความรู้สึกเก่า ๆ จนกลายเป็นเรื่องราวอันเจ็บปวดกระเด็นกระดอนบาดเจ็บกันทุกฝ่าย ถึงแม้กระทั่งมีคนโดนลูกหลงจากพายุหวนอดีตลูกนี้
แต่มันไม่ใช่แค่นั้น น้ำหนักของภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เทไปอยู่ในพาร์ทของพระเอกและนางเอกมากตามที่หลายคนเข้าใจ หรือ ตามที่ตัวอย่างทำให้เราเข้าใจ โดยในอีกด้านหนึ่งยังมีพาร์ทของครอบครัวอยู่เยอะด้วย โดยมีโจทย์ปัญหาเป็นเปียโนสภาพเก่ามาก ๆ หนึ่งตัว ที่จีนอยากทิ้งแต่แม่อยากเก็บ เนื่องจากเปียโนตัวนี้เป็นเปียโนของพ่อจีนทิ้งไว้ ก่อนจะทิ้งเมียและลูกไป โดยในพาร์ทนี้เราจะได้เห็นและรับรู้เข้าใจความรู้สึกของทั้งคนที่ต้องการ Move on และ คนที่ยังยึดติดมีความสุขกับภาพอดีต กับบทสรุปสุดท้ายที่ค่อนข้างเจ็บปวดเรียกน้ำให้รื้นขึ้นตาได้อย่างดี
สำหรับความรู้สึกที่มีต่อหนังเรื่องนี้ โดยส่วนตัวแล้วความเป็น นวพล ที่เด่นชัดอาจมีมากเกินไปในบางส่วน ซึ่งในช่วงแรกเราจะได้ยินคำว่า มินิมอล จนรำคาญเลยล่ะ กับอีกหนึ่งเรื่องที่อาจจะขัดหูไปนึดคือ น้ำเสียงโมโนโทนของตัวละครจนอาจทำให้เข้าใจว่า นี่ทุกคนในเรื่องเป็นญาติพี่น้องกันหมดเลยหรือเปล่าหว่า ขนาดคำอุทานติดปากอย่าง “เชี่ย” ยังดูเนิบแบบสุด ๆ
และด้วยการใช้บรรยากาศเล่าเรื่องและถ่ายทอดความรู้สึกมากกว่าให้ตัวละครพูดบอก เราจึงอาจได้ยินคำพูดหรือประโยคแปลก ๆ จากปากตัวละครทั้งหลาย ที่เมื่อได้ยินแล้วเราจะคิดว่า มันมีคนพูดแบบนี้ในชีวิตประจำวันด้วยเหรอ ซึ่งเป็นคำพูดแบบ ออกแนวคำคม คำเท่คนเท่ อะไรประมาณนี้
เป็นอันว่า ฮาวทูทิ้ง จัดเป็นหนังที่ควรดูอย่างน้อยหนึ่งรอบและดูแบบตั้งใจดูเทความรู้สึกไปกับตัวละคร ซึ่งสำหรับบางคนอาจมีปมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวในหนัง และสิ่งที่ชอบมากที่สุดในเรื่องนี้คือเสียงประกอบแปลก ๆ ต่าง ๆ ที่ใส่เข้ามาสามารถเปลี่ยนบรรยากาศและอารมณ์ให้อินยิ่งขึ้น ส่วนตัวละครนั้นผมคงชอบ เจย์ พี่ชายของจีนมากที่สุดแล้ว ในแง่ของความอบอุ่น เห็นใจ ประนีประนอม ยอมน้อง ซัพพอร์ตน้อง คือดีจริง ๆ เอาเป็นว่าถ้าเรื่องนี้ไม่มีเจย์หนังเรื่องนี้ไม่ได้กินน้ำตาผมหรอก ถ้าไม่เชื่อก็ลองไปพิสูจน์กันด้วยตัวเองเลย ต้องเร็วนะ ก่อนหนังจะออก