ปัจจุบันราคาของยำนั้นพุ่งขึ้นสูงมาก ซึ่งก็มีข่าวออกมาให้เห็นอยู่บ่อยๆ ว่าราคายำกับปริมาณและวัตถุดิบที่ใช้ ไม่น่าจะทำให้ราคายำแพงได้ขนาดนี้ ซึ่งยำถือเป็นอาหารที่ถูกปากคนไทย และสามารถพบเจอได้ตั้งแต่ร้านอาหารระดับ Street food ไปจนถึงระดับโรงแรม และภายหลังธุรกิจการเปิดร้านขายยำ ก็เริ่มมีกระแสมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ต้นปี 2019 จนเรียกได้ว่าเป็น “ปีแห่งยำ”
โดยราคายำส่วนใหญ่ที่พบเห็นในกรุงเทพฯ จะเริ่มต้นที่ราว 50-60 บาท แต่นี่มักจะเป็นราคาของยำมาม่ากับยำวุ้นเส้นเท่านั้น ด้านยำที่มีการใส่วัตถุดิบประเภทอื่น เช่น ปู กุ้ง กั้ง หอย ปลาหมึก แซลมอน ไข่แดงเค็ม ฯลฯ ก็จะมีราคาที่สูงขึ้นไปอีก เป็นหลักหลายร้อยบาท จนบางทีซื้อยำ 1 ถุง ราคาก็เกือบเท่าค่าแรงที่ทำงาน 1 วันเลยทีเดียว นั่นจึงทำให้หลายคนเกิดความสงสัยและตั้งคำถามว่า ราคายำทุกวันนี้แพงเกินไปไหม? เราจึงจะพาไปดูกันว่าที่ราคายำมันแพงเป็นเพราะอะไร
- ทำเลที่ขายมีการจ่ายค่าเช่า และยิ่งอยู่ในทำเลดี ค่าเช่าก็จะยิ่งสูง ทำให้ราคาของที่ขายแพงขึ้น
- ใช้วัตถุดิบที่ดี มีความสดใหม่ และได้คุณภาพ ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น จึงส่งผลต่อการตั้งราคาที่สูง
- ค่าแรงที่ต้องจ่ายให้กับพนักงาน กรณีที่เป็นร้านขนาดใหญ่ นั่นจึงทำให้ต้องบวกตรงนี้เข้าไปอีก
- ปราศจากคู่แข่ง ทำให้เจ้าของฉวยโอกาสตั้งราคาสูงไว้ก่อน
ถึงอย่างไรก็ตาม ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าผู้บริโภคอย่างเราๆ มีสิทธิ์ที่จะเลือกกินเลือกซื้ออยู่แล้ว ดังนั้นหากเรารู้สึกว่าไม่โอเคกับราคาหรือรสชาติของร้านไหน ต่อไปก็แค่เปลี่ยนร้าน โดยควรเลือกจากร้านที่มีราคาบอกชัดเจน มีรสชาติถูกปาก ปริมาณสมเหตุสมผลกับราคา สุดท้ายถ้าเรายอมรับและยินดีที่จะจ่าย ก็ถือว่าจบแบบแฮปปี้แล้ว
แต่สำหรับผู้บริโภคที่พบเจอปัญหาค้าขายแพงเกินจริง หรือขายของไม่บอกราคา ก็สามารถติดต่อสอบถาม หรือร้องเรียนโดยตรงได้ที่ กรมการค้าภายใน สายด่วน 1569, www.dit.go.th หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและร้องเรียนได้ที่สายด่วน สคบ. 1166 (ในวันและเวลาราชการ) หรือออนไลน์ www.ocpb.go.th