เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดประเด็นวิพากษ์วิจารณ์สนั่นโลกออนไลน์เกาหลี เมื่อแบรนด์ไอศกรีมยี่ห้อหนึ่งจัดทำสื่อโฆษณาแบบวิดีโอ 30 วิ โดยใช้นักแสดงเป็น เอลล่า กรอสส์ นางแบบเด็กลูกครึ่งอเมริกัน – เกาหลีใต้อายุ 11 ปีมาถ่ายทอดเรื่องราว และกลายเป็นดราม่าแทบจะทันทีหลังโฆษณาชิ้นนี้ถูกปล่อยออกมา
ความเห็นของผู้วิพากษ์วิจารณ์ส่วนใหญ่เป็นไปในประเด็นไม่เห็นด้วยกับโฆษณาชิ้นนี้เพราะเต็มไปด้วยนัยยะแอบแฝงการยั่วยุทางเพศและโชว์ความเซ็กซี่เกินวัยของนางแบบวัย 11 ปีคนนี้ อีกทั้งมีความเห็นตรงกันว่าตัวโฆษณาไอศกรีมนี้สอดแทรกสัญลักษณ์เกี่ยวกับเรื่องเพศ
อนึ่ง.. เอลล่า กรอสส์ (Ella Gross) นางแบบอายุ 11 ปี เชื้อสายอเมริกัน-เกาหลีใต้ มีผลงานมากมายโดยเริ่มตั้งแต่ 2 ขวบ โดยมีตั้งแต่ถ่ายแบบ โฆษณา เล่นมิวสิควิดีโอ เดินแบบ รวมถึงความสามารถอย่างการเต้น ร้องเพลง และ เล่นกีต้าร์ โดยแบรนด์ที่น้องเอลล่าได้ร่วมงานส่วนใหญ่ไม่ใช่ธรรมดา แต่ล้วนเคยผ่านการร่วมงานกับแบรนด์ระดับทอปทั้งนั้น ทั้ง GAP Kids, Levi, Zara Kids และ Lacoste อีกทั้งการได้เซ็นสัญญากับค่าย The Black Label ซึ่งเป็นค่ายในสังกัด YG Entertainment ในฐานะนางแบบและศิลปินฝึกหัด ปัจจุบัน เอลล่า กรอสส์ มีผู้ติดตามบน Instagram มากกว่า 3.2 ล้านคน
ซึ่งภายหลังกระแสโจมตีในประเด็นดังกล่าว ทางแบรนด์ไอศกรีมได้ยุติการเผยแพร่โฆษณาชิ้นนี้ลงทันที แต่การถกเถียงยังคงดำเนินต่อไปอย่างคึกโครมและไม่ใช่แค่ในสังคมออนไลน์เกาหลีใต้แต่กระจายไปในหลายประเทศทั่วโลก เกี่ยวกับ Mood and Tone ของโฆษณานั้นไม่เหมาะสมกับการเอาเด็กอายุ 11 มาเล่น เพราะทั้งเสื้อผ้าหน้าผม รวมถึงนัยยะและสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่แฝงอยู่ในโฆษณาสื่อถึงการยั่วยุทางเพศเสียมากกว่า ซึ่งมีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยในประเด็นนี้
โดยประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องที่ตัดสินยากโดยเฉพาะกับความเห็นของสังคม ซึ่งการโฆษณาไอศกรีมนั้นต้องแสดงภาพของปากนักแสดงและการกินอยู่แล้วแน่นอน และมีหลายจังหวะของวิดีโอที่ส่อไปยังเรื่องเพศค่อนข้างชัดเจน แต่หากไม่ใช่นางแบบวัยเด็กเรื่องคงไม่บานปลาย
อีกทั้งยังขึ้นอยู่กับบริบททางสังคมของแต่ละประเทศด้วย เนื่องจากเกาหลีใต้เป็นประเทศที่ผู้คนค่อนข้างจริงจังกับเรื่องการคุกคามทางเป็นต่อเด็กและผู้หญิงอย่างมาก จึงเป็นที่มาของการแสดงความไม่พอใจต่อโฆษณานี้
ไม่ใช่เรื่องใหม่
หลายคนอาจคิดว่าเรื่องแบบนี้เพิ่งเคยเกิดขึ้น แต่สังคมในประเทศแถบยุโรปก็มีข่าวคราวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการไม่ยอมรับการใช้เด็กผู้หญิงมาถ่ายแบบให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ยกตัวอย่างเช่น
ย้อนไปเมื่อปี 2011 หากยังจำกันได้ กับกระแสวิจารณ์ความเหมาะสมของภาพจากนิตยสาร Vogue Enfants ที่คว้าเด็กสาวอายุเพียง 10 มาถ่ายแบบ ด้วยท่าทางการโพส การแสดงสีหน้า เสื้อผ้าหน้าผม ที่นักรณรงค์ให้ความเห็นว่ายัดเยียดความ “เกินวัย” ให้กับเด็ก ส่งผลให้เกิดความกังวลในสังคมเกี่ยวกับการสื่อภาพลักษณ์ที่ค่อนข้างโตกว่าวัยและไม่เหมาะสมของนางแบบอายุน้อย
ประเด็นนี้เกี่ยวโยงกับความเหมาะสมและผลกระทบต่าง ๆ มากมายที่จะเกิดขึ้นกับเด็กที่ถูกปรุงแต่งให้ทำงานในลักษณะนี้ตั้งแต่วัยเด็ก เนื่องจากมีความกังวลว่า การให้เด็กใส่ส้นสูง แต่งตัวแต่งหน้า สวยสง่าทั้งที่วัยยังเยาว์ จะส่งผลให้เด็กมองตัวเองเป็นวัตถุทางเพศ และเป็นการส่งเสริมทางเพศกับเด็กมากเกินไป
กระทั่งในประเทศฝรั่งเศสเองนั้นก็ได้ยื่นออกกฎหมายห้ามประกวดนางงามเด็กด้วยเหตุผลข้างต้น และอีกประการสำคัญคือไม่อยากให้เด็กเกิดความเข้าใจว่า คุณค่าของคนอยู่ที่ความสวยงาม ซึ่งสาเหตุสำคัญของกระบวนการความคิดนั้นล้วนมาจากพ่อแม่ที่ส่งเสริมให้ลูกเข้าวงการ ด้วยคำพูดที่ว่า ลูกต้องสวย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ความคิดของเด็กถูกปรับเปลี่ยนและเกิดผลกระทบทั้งระยะสั้นและระยะยาวได้ ทั้งเรื่องความมั่นใจ ความสวยความงาม ไปจนอาจเกิดการลดความนับถือในตัวเองลงได้
เพราะฉะนั้นการที่สังคมส่วนใหญ่มองภาพเด็กสาวที่ทำงานในแวดวงนางแบบและโฆษณาถูกปรุงแต่งภาพลักษณ์ให้ดูโตเกินวัยนั้นค่อนข้างไม่ถูกไม่ควร และยิ่งการแสดงท่าทีที่แฝงความยั่วยุทางเพศนั้นยิ่งเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ตามบริบทสังคม นอกจากข้อเสียด้านภาพลักษณ์แล้วผลกระทบระยะยาวที่จะเกิดกับตัวเด็กสาวเองก็จะตามมาเช่นกัน