ปกติเราจะทราบกันอยู่แล้วว่าวิธีรักษาความสะอาดในช่องปากที่ควรทำเป็นประจำคือ การแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง เพื่อขจัดคราบสกปรกและจุลินทรีย์ ซึ่งส่วนใหญ่ทุกคนคุ้นเคยกับการบ้วนน้ำจากก๊อกน้ำ ซึ่งเป็นน้ำอุณหภูมิห้องกันอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ดอกเตอร์ริชาร์ด มาร์เกส ทันตแพทย์ชื่อดังของอังกฤษ เผยว่า การบ้วนปากด้วยน้ำอุ่นก็สามารถทำได้เช่นกันสำหรับผู้ที่มีอาการเสียวฟัน แต่ควรระวังไม่ให้น้ำร้อนจนเกินไป เพราะอาจลวกปาก และในระยะยาวก็อาจทำให้ขนแปรงเสื่อมคุณภาพได้
นอกจากนี้ ทันตแพทย์ริชาร์ต ยังแนะนำเทคนิคดีๆ ในการแปรงฟัน เพื่อให้มีรอยยิ้มที่สดใส เพิ่มเส่นห์ให้กับตัวเองด้วย
1.ใช้แปรงสีฟันไฟฟ้า
การแปรงฟันด้วยแปรงสีฟันไฟฟ้า จะช่วยแก้ปัญหาการแปรงฟันที่รุนแรงเกินไปจนเหงือกร่น และฟันสึกได้
2.แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง
นอกจากแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง เช้า-ก่อนนอนแล้ว ในแต่ละครั้งที่แปรงฟัน ควรจะใช้เวลานานอย่างน้อย 2-3 นาที
3.ใช้ไหมขัดฟัน
การใช้ไหมขัดฟัน หรือเดนทัล ฟลอส จะช่วยทำความสะอาตตามซอกฟันที่แปรงสีฟันเข้าไปไม่ถึงได้เป็นอย่างดี
4.แปรงฟันให้ถูกต้อง
ถ้าใช้แปรงสีฟันธรรมดา ก็ต้องแปรงให้ถูกวิธี ด้วยการเอียงแปรงให้ทำมุม 45 องศา เพื่อให้แปรงสัมผัสกับฟันได้อย่างทั่วถึง
5.อย่าแปรงฟันแรงหรือเบาไป
การแปรงฟันไม่จำเป็นต้องออกแรงให้มากเกินไป เพราะจะทำให้ผิวเคลือบฟันกร่อนหรือสึกได้ แต่ถ้าเบาเกินไป ก็ไม่สามารถขจัดคราบพลัคหรือหินปูนบนฟันได้เช่นกัน
6.เหงือกอักเสบ ยังแปรงฟันได้
หลายคนอาจกังวลเรื่องการแปรงฟันกรณีที่เหงือกบวมและมีเลือดออก แต่ความจริงแล้วการแปรงฟันจะช่วยฟื้นฟูเหงือกให้กลับมาดีดังเดิมได้ในไม่ช้า
7.ใช้น้ำยาบ้วนปากหลังแปรงฟัน
น้ำยาบ้วนปากจะช่วยทำความสะอาดช่องปากได้ดีกว่าการกลั้วน้ำเปล่า แต่ก็ควรเลือกน้ำยาบ้วนปากที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
8.กลั้วปากด้วยน้ำมันมะพร้าว
การกลั้วปากด้วยน้ำมันมะพร้าวได้รับการยอมรับในวงกว้าง เพราะน้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติในการขจัดคราบหินปูนระหว่างฟันได้เป็นอย่างดี
9.ใช้ยาสีฟันไวเทนนิ่งที่มีส่วนผสมธรรมชาติ
การใช้ยาสีฟันที่ช่วยให้ฟันขาว ควรมีส่วนผสมที่เป็นธรรมชาติ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยยาสีฟันที่ใช้ควรมีส่วนผสมของ แคลเซียม คาร์บอเนท และซิลิก้า เพราะเป็นผงขัดฟันที่ไม่เป็นอันตราย
10.พบทันตแพทย์เป็นประจำ
ควรจะพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็กฟันทุก 6 เดือน และขูดหินปูน เพราะคราบเหล่านี้ไม่สามารถเอาออกเองได้หากติดแน่นจนเกินไป
