สงครามโลกครั้งที่ 3 จะเกิดขึ้นในยุคนี้หรือไม่ ยังไม่มีใครตอบได้ แต่เราสามารถเรียนรู้บทเรียนในอดีตได้ จากสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งใช้เวลายาวนานเกือบ 4 ปี 4 เดือน ระหว่างวันที่ 28 กรกฎาคม ค.ศ. 1914 -11 พฤศจิกายน 1918 และเป็นฝ่ายสัมพันธมิตรที่ชนะสงคราม
ชนวนเหตุที่นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 1
การลอบปลงพระชนม์อาร์คดุยค ฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์ รัชทายาทลำดับที่ 1 แห่งจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี โดย กาฟริโล พรินซิป สมาชิกกลุ่มก่อการร้ายกลุ่ม “มือดำ” ของเซอร์เบีย เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ.1914 นำไปสู่การประกาศทำสงครามระหว่างออสเตรเลีย-ฮังการี กับราชอาณาจักรเซอร์เบีย จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อทั้งสองฝ่ายมีพันธมิตรเข้าร่วมให้การสนับสนุนด้วย
ฝ่ายมหาอำนาจกลาง กับฝ่ายสัมพันธมิตร
หลังจากมีการเลือกข้าง ทำให้แบ่งเป็นสองฝักสองฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายมหาอำนาจกลาง (อักษะ) ประกอบด้วย ออสเตรีย-ฮังการี , บัลแกเรีย, เยอรมนี และจักรวรรดิออตโตมัน (ปัจจุบันคือประเทศตุรกี)
ฝ่ายสัมพันธมิตร ประกอบด้วย เซอร์เบีย, เบลเยียม, ฝรั่งเศส, สหราชอาณาจักร, กรีซ, อิตาลี, มอนเตเนโกร, โปรตุเกส, โรมาเนีย, รัสเซีย และสหรัฐอเมริกา
สำหรับสหรัฐอเมริกานั้น ในตอนแรกประกาศตัวเป็นกลาง แต่หลังจากถูกเยอรมนีทำสงครามเรือดำน้ำอย่างไร้ขอบเขต ทำให้สหรัฐฯ ตัดสินใจเข้าร่วมสงครามด้วยในที่สุด
กองกำลังที่เข้าร่วมสงคราม
เยอรมนี : เสียชีวิต1,773,000 บาดเจ็บ 4,216,058
รัสเซีย : เสียชีวิต 1,700,000 บาดเจ็บ 4,950,000
ฝรั่งเศส : เสียชีวิต 1,357,800 บาดเจ็บ 4,266,000
ออสเตรีย-ฮังการี : เสียชีวิต 1,200,000 บาดเจ็บ 3,620,000
สหราชอาณาจักร : เสียชีวิต 908,371 บาดเจ็บ 2,090,212
อิตาลี : เสียชีวิต 650,000 บาดเจ็บ 947,000
โรมาเนีย : เสียชีวิต 335,706 บาดเจ็บ 120,000
จักรวรรดิออตโตมัน (ตุรกี) : เสียชีวิต 325,000 บาดเจ็บ 400,000
สหรัฐฯ : เสียชีวิต 116,516 บาดเจ็บ 204,002
บัลแกเรีย : เสียชีวิต 87,500 บาดเจ็บ152,390
เซอร์เบีย และ มอนเตเนโกร : เสียชีวิต 48,000 บาดเจ็บ 143,148
เบลเยียม : เสียชีวิต13,716 บาดเจ็บ 44,686
โปรตุเกส : เสียชีวิต 7,222 บาดเจ็บ 13,800
กรีซ : เสียชีวิต5,000 บาดเจ็บ 21,000
สรุปยอดทหารที่เสียชีวิตรวมกันทั้งสิ้น 8,528,831 นาย
ลำดับเหตุการณ์
28 มิถุนายน 1914 : อาร์คดุยค ฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์ ถูกลอบปลงพระชนม์ โดยกาฟริโล พรินซิป
28 กรกฎาคม 1914 : ออสเตรีย-ฮังการี ประกาศสงคราม
2 สิงหาคม 1914 : จักรวรรดิออตโตมัน และเยอรมนี เซ็นสัญญาร่วมเป็นพันธมิตร
4 สิงหาคม 1914 : เยอรมนีบุกรุกเบลเยียม , สหรัฐฯ ประกาศเป็นกลาง, สหราชอาณาจักรประกาศสงครามกับเยอรมนี
10 สิงหาคม 1914 : ออสเตรีย-ฮังการี บุกรุกรัสเซีย เปิดฉากต่อสู้ตรงแนวรบตะวันออก
สิงหาคม 1914 : เกิดการสู้รบที่หมู่บ้านทานเนนแบร์ก ในปรัสเซีย
12 กันยายน 1914 : สู้รบครั้งแรกที่ฝรั่งเศส
3 พฤศจิกายน 1914 : รัสเซียประกาศสงครามกับจักรวรรดิออตโตมัน
5 พฤศจิกายน 1914 : สหราชอาณาจักร และฝรั่งเศส ประกาศสงครามกับจักรวรรดิออตโตมัน
7 พฤษภาคม 1915 : เรือดำน้ำเยอรมนีจมเรือเดินสมุทรลูซิเทเนียของอังกฤษ มีผู้เสียชีวิต 1,198 ราย
22 เมษายน 1915 : เยอรมนีใช้ก๊าซพิษครั้งแรก ในการสู้รบที่เมืองอีเปร เบลเยียม
มิถุนายน 1915-พฤศจิกายน 1917 : สู้รบตามแนวแม้น้ำอิซอนโซ อิตาลี
1915 : สู้รบที่จักรวรรดิออตโตมัน
21 กุมภาพันธ์ – กรกฎาคม 1916 : สู้รบที่แวร์เดิง ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นสงครามที่ยาวที่สุด และมีผู้ได้รับผลกระทบเกือบล้านคน
31 พฤษภาคม – 1 มิถุนายน 1916 : สหราชอาณาจักรและเยอรมนีสู้รบกันที่คาบสมุทรจัตแลนด์ ทะเลเหนือใกล้เดนมาร์ก
1 กรกฎาคม – พฤศจิกายน 1916 : สู้รบครั้งแรกที่แม่น้ำซอมม์ ฝรั่งเศส โดยอังกฤษสูญเสียกำลังพลจำนวนมาก
6 เมษายน 1917 : สหรัฐฯ ประกาศสงครามกับเยอรมนี
26 มิถุนายน 1917 : กองกำลังสหรัฐฯ บุกเข้าพื้นที่ฝรั่งเศส
20 พฤศจิกายน 1917 : สู้รบกันที่กองเบร ฝรั่งเศส
3 ธันวาคม 1917 : รัสเซียเซ็นสัญญาสงบศึกกับเยอรมนีเป็นการชั่วคราว
3 มีนาคม 1918 : รัสเซียถอนตัวจากฝ่ายสัมพันธมิตร และถอนตัวจากสงคราม
21 มีนาคม-5 เมษายน 1918 : สู้รบที่แม่น้ำซอมม์ ฝรั่งเศส ครั้งที่ 2
29 กันยายน 1918 : เบลเยียมเซ็นสัญญาสงบศึกชั่วคราว
30 ตุลาคม 1918 : จักรวรรดิออตโตมันเซ็นสัญญาสงบศึกชั่วคราว
3 พฤศจิกายน 1918 : ออสเตรีย-ฮังการี เซ็นสัญญาสงบศึกชั่วคราว
11 พฤศจิกายน 1918 : เยอรมนียอมรับสัญญาสงบศึกตามที่ฝ่ายสัมพันธมิตรเรียกร้อง เป็นการยุติสงครามโลกอย่างเป็นทางการ โดยที่ฝ่ายสัมพันธมิตรเป็นผู้ชนะสงคราม
28 กรกฎาคม 1919 : เซ็นสัญญาสนธิแวร์ซายส์ ที่พระราชวังแวร์ซายส์ ฝรั่งเศส
ที่มา : edition.cnn.com