ขึ้นชื่อว่า “โดนัลด์ ทรัมป์” แม้แต่เรื่อง “จับมือ” ก็ยังเป็นประเด็น!

นับตั้งแต่ โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา เขามีโอกาสได้พบปะกับผู้นำประเทศต่างๆ มากหน้าหลายตา ซึ่งในทุกครั้งก็มักมีประเด็นให้สื่อจับจ้องอยู่เสมอ ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่อง “การจับมือ”

เมินจับมือ “อังเกลา แมร์เคิล”
โดยเหยื่อของทรัมป์คนล่าสุด คือ อังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีของเยอรมนี ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก แต่ดูเหมือนทรัมป์จะไม่ได้ใส่ใจนัก เมื่อระหว่างที่ทั้งคู่นั่งอยู่ในห้องทำงานรูปไข่ ทำเนียบขาว และเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้บันทึกภาพ ทรัมป์กลับมีท่าทีเมินเฉยไม่ยอมสัมผัสมือกับแมร์เคิลตามที่สื่อเรียกร้อง

แม้ว่าผู้นำเยอรมนีจะโน้มตัวไปถามว่า “Do you want to have a handshake?” (ท่านอยากจะจับมือกันหน่อยไหม) แต่ทรัมป์กลับไม่มีท่าทีสนใจ และทำเป็นเหมือนไม่ได้ยินในสิ่งที่แมร์เคิลพูต ทำให้ทุกคนได้เห็นท่าทีอันกระอักกระอ่วนที่เกิดขึ้น ก่อนจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอย่างหนาหู โดยเฉพาะสื่อในเยอรมนี

อย่างไรก็ตาม การที่ทรัมป์ไม่จับมือด้วย อาจจะเป็นการดีสำหรับแมร์เคิลก็เป็นได้ เพราะที่ผ่านมา การจับมือของทรัมป์กับผู้นำชาติต่างๆ ล้วนมีลักษณะที่แปลกประหลาดทั้งสิ้น ถึงขั้นที่สื่อต่างๆ ต้องหยิบเรื่องนี้มาวิเคราะห์เลยทีเดียว

“ชินโซ อาเบะ” เหยื่อรายแรก
โดยคนแรกที่ตกเป็นเหยื่อของทรัมป์คือ ชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น เมื่อครั้งไปเยือนที่ทำเนียบขาว เพราะช่วงที่จับมือเพื่อให้สื่อได้บันทึกภาพนั้น แทนที่จะยื่นมือให้สัมผัสแบบสากลทั่วไป ทรัมป์กลับทำท่าเหมือนแบมือ เพื่อให้อีกฝ่ายวางมือบนฝ่ามือของตัวเอง ในลักษณะที่ทำให้อีกฝ่ายต้องงอข้อมือเข้าหา ก่อนจะใช้มืออีกข้างตบบนหลังมือของอีกฝ่ายเบาๆ เพื่อแสดงว่า “ตัวเองเหนือกว่า”

แม้จะเป็นการจับมือกันแค่ 19 วินาที แต่ดูจากสีหน้าและท่าทางของอาเบะแล้ว คงเป็นระยะเวลายาวนานที่สร้างความอึดอัดให้กับผู้นำญี่ปุ่นอยู่พอสมควร เพราะทันทีที่ปล่อยมือกัน ดูเหมือนอาเบะจะโล่งใจอย่างมากทีเดียว ขณะที่ในโลกออนไลน์ก็พูดถึงเรื่องนี้กันอย่างสนุกปาก

“ทรัมป์” มีท่าจับมือสุดแปลก
อันที่จริง ทรัมป์มีลักษณะการจับมือแบบแปลกๆ มาตั้งแต่ก่อนขึ้นมานั่งตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯแล้ว โดยทุกครั้งที่สัมผัสมือกับใคร เขาจะแสดงให้เห็นว่าตัวเองเป็นฝ่ายควบคุมการจับมือนั้น ด้วยการดึงมืออีกฝ่ายเข้าหาตัว และตบที่หลังมืออีกฝ่ายเบาๆ ทำให้บ่อยครั้งผู้ที่จับมือด้วยไม่ทันได้ระวัง จึงเกิดอาการ “เสียการทรงตัว” และกลายเป็นตัวตลกไป

“ชุสแต็ง ทรูโด รอดจากการเป็นเหยื่อ”
แต่สำหรับ ชุสแต็ง ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา คงต้องบอกว่าเตรียมตัวมาอย่างดี หรือาจจะมีการทำการบ้านมาก่อนหน้านี้แล้ว เพราะเมื่อต้องสัมผัสมือกัน หลังก้าวออกมาจากรถ ทรูโดไม่ยอมให้ตัวเองต้องเสียการทรงตัวเหมือนคนอื่น ด้วยการแก้ลำใช้มืออีกข้างจับที่หัวไหล่ของทรัมป์แทน ขณะที่การจับมือกันในห้องทำงานรูปไข่ ทำเนียบขาว ทรูโดก็ยังคงแสดงให้เห็นว่าเขาไม่เพลี่ยงพล้ำต่อการจับมือแบบแปลกๆ ของทรัมป์ จนได้รับเสียงชื่นชมตามมา

ท่าจับมือที่ดูเกินเพื่อนกับ “เธเรซ่า เมย์”
ส่วนผู้นำอีกคนที่ถูกพูดถึงอย่างมาก คือ เธเรซ่า เมย์ นายกรัฐมนตรีหญิงของอังกฤษ เพราะการจับมือระหว่างเธอกับทรัมป์หลังเดินออกมาจากทำเนียบขาวนั้น ดูเป็นลักษณะของการกุมมือกันเสียมากกว่า อีกทั้งทรัมป์ยังตบหลังมือของเมย์เบาๆ ด้วย จนทำให้ถูกแซวว่า “มีความสัมพันธ์ที่พิเศษต่อกัน”

การจับมือของทรัมป์กับผู้นำชาติต่างๆ นั้น ไม่ว่าเขาจะมีจุดประสงค์ใดๆ แอบแฝงอยู่ แต่เชื่อว่า จากนี้ไป ผู้นำคนอื่นๆ คงต้องระวังตัวอย่างมากในการพบปะกับทรัมป์ ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องการจับมือทักทายกัน!