[รีวิว] Extinction 2018 ฝันร้ายภัยสูญพันธุ์

ภาพจาก netflix.com

หนังใหม่ในช่วงนี้ มีแต่เรื่องน่าดูน่าสนใจเต็มไปหมด รวมไปถึงหนังใน Netflix อย่าง Extinction 2018 ฝันร้ายภัยสูญพันธุ์ ที่นำแสดงโดย ไมเคิล พีน่า (ลูอิส ในเรื่อง Ant-Man) ตัวละครที่มีบทบาทกวนโอ๊ยมาก ในหนัง Ant-Man 1 และ 2 แต่ในหนังเรื่อง Extinction 2018 ฝันร้ายภัยสูญพันธุ์ เขาได้สลัดมาดกวนออกไป กลายเป็นคนรักครอบครัว ทั้งยังดูสุขุมและมีวิสัยทัศน์มากขึ้นอีกด้วย

มาดกวนๆ ของเขาได้ถูกลบล้างไปกับหนังเรื่องนี้ ซึ่งจะถูกเล่าถึงเรื่องราวแนวใหม่ คือการถูกรุกรานจากต่างดาว โดยที่หนังหลายๆ เรื่องก็ทำออกมาให้เห็นบ่อยอยู่เหมือนกัน แต่ที่แปลกก็คือพระเอกของเรา กลับมีนิมิตเกี่ยวกับการรุกรานนี้ ทำให้เขานอนหลับไม่ค่อยสนิท แถมบอกกล่าวเรื่องราวที่เขาฝันถึงให้ครอบครัวฟัง ก็ดันไม่มีใครเชื่ออีก ยังบอกให้เขาไปรักษาอาการทางจิตจะได้หลับสบายขึ้น แต่แล้วความฝันของเขาก็กลายเป็นจริง ดังนั้นเขาจึงคือกุญแจสำคัญในการเอาชีวิตรอดครั้งนี้

ในหนังนั้นทำออกมาได้น่าสนใจมาก จนทำให้ Tonkit360 ต้องเอามารีวิวบอกต่อกันเลยว่า Trailer นั้นหลอกได้อย่างแนบเนียนจริงๆ ขอกระซิบไว้ก่อนว่า จะมีบางช่วงบางตอนที่อาจจะเผลอสปอยไปบ้าง แต่เนื้อหาหลักของหนังผมจะไม่พูดถึงอย่างแน่นอน ในหนังจะบอกถึงการรุกรานจากต่างดาว แต่ผมว่าจริงๆ แล้วหนังเรื่องนี้ต้องการจะสื่ออะไรที่มากกว่านั้น ถ้าเราตีความหมายของบทออกมาได้ จะเห็นว่าแกนหลักคือการเหยียดนั่นเอง ทั้งการเหยียดชนชาติ เหยียดเผ่าพันธุ์ เหยียดสีผิว ฉะนั้นมันก็สามารถตีความหมายได้หลายอย่าง

แต่ถ้าจะเปรียบหนังเรื่องนี้เป็นประวัติศาสตร์ ผมขออิงถึงชาวยิวกับฮิตเลอร์ เพราะเนื้อเรื่องก็แทบไม่ต่างกันเลย ฮิตเลอร์มาบุกฐานชาวยิวและคิดว่าชาวยิวนั้นอันตราย แต่แท้จริงแล้วเปล่าเลย ถ้าต่างฝ่ายต่างอยู่มันคงจะดีกว่านี้ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์กัน มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น แต่ก็มีบางคนที่ไม่เห็นด้วยกับสงคราม และพร้อมที่จะช่วยเหลือศัตรู ทุกคนรู้ดีว่า สงครามไม่ได้ก่อให้เกิดสันติ มีแต่ก่อไฟแค้น คนที่ถูกรุกรานนี้ก็ไม่ต่างกัน

ถ้าถามว่าหนังชาวยิวกับฮิตเลอร์นี้จะมีภาคต่อไหม ผมขอเดาว่าอาจจะมี แต่ส่วนตัวคิดว่าอย่าทำเลยดีกว่า ให้มันจบไปแบบนี้แหละดีแล้ว โดยส่วนตัวคิดว่าถ้ามีอีก มันก็ไม่ต่างอะไรกับ Terminator หรือหนังคนเหล็กที่มีอยู่ และหวังว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นตัวกระตุ้น คนที่เหยียดชนชาติคนอื่นให้หันกลับมามองตัวเองบ้างว่า อย่างน้อยเรากับเขาก็มนุษย์เหมือนกัน การฆ่าไม่ใช่การแก้ปัญหา เพียงแต่เราต้องยอมรับกันและกันให้ได้ นั่นแหละถึงจะเป็นสิ่งที่เรียกว่าสันติภาพ และต้องยกนิ้วให้กับ สเปนเซอร์ โคเฮน ที่เขียนบทได้หักมุมจริงๆ หักมุมจนขนลุกเลยล่ะครับ แต่ถ้าเทียบ CG แล้วมองออกง่ายไปหน่อย แต่มองข้ามไปเถอะเพราะตัวหนังสนุกจริงๆ

Tonkit360 ให้คะแนนความน่าดู 10/10