
หลังบรรดาเวทีใหญ่ทยอยประกาศผลรางวัลทางโทรทัศน์ออกมาตั้งแต่ช่วงต้นปี ในวันที่ 5 สิงหาคม 2561 ก็ถึงคิวของรางวัล “นาฏราช” ที่ครั้งนี้ มีชื่อระดับตัวแม่ของวงการบันเทิงอย่าง อั้ม พัชราภา จากละครเพลิงพระนาง ทางช่อง 7 หรือ หมิว ลลิตา จากละครล่า ทางช่อง ONE 31 มาร่วมชิงรางวัลด้วย
และก่อนที่จะรู้ผลรางวัลนาฏราช เราลองไปดูกันว่า การประกาศผลรางวัลทางโทรทัศน์ อย่าง “รางวัลโทรทัศน์ทองคำ” กับ “รางวัลนาฏราช” มีความเป็นมาอย่างไร การได้รับรางวัลดังกล่าว มีผลต่องานในวงการบันเทิงหรือไม่
ความเป็นมา รางวัลโทรทัศน์ทองคำ vs รางวัลนาฏราช
โทรทัศน์ทองคำ
เป็นเวทีใหญ่ที่ตัดสินผลงานซึ่งเกี่ยวข้องกับวงการโทรทัศน์ รวมถึงรางวัลมิวสิกวิดีโอดีเด่น เพื่อส่งเสริมและเป็นกำลังใจแก่ผู้เกี่ยวข้องในสายงานโทรทัศน์และส่งเสริมให้มีการผลิตรายการที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมต่อไป จัดขึ้นโดยชมรมส่งเสริมโทรทัศน์ เริ่มจัดงานครั้งที่ 1 ประจำปี 2529 เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2530 จวบจนถึงปัจจุบัน ถือว่าเป็นรางวัลสำหรับผลงานทางโทรทัศน์ที่มีอายุยาวนานที่สุด (งานประกาศผลรางวัลโทรทัศน์ทองคำ ครั้งที่ 32 ประจำปี 2560 ในวันที่ 31 มีนาคม 2561)
สำหรับผู้ตั้งชื่อ “โทรทัศน์ทองคำ” คือ ศ.ดร.สุรพล วิรุฬห์รักษ์ และการประกาศรางวัลโทรทัศน์ทองคำ ในยุคแรกทำการตัดสินมอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะเลิศและรองชนะเลิศ ก่อนปรับการตัดสินใหม่ มอบรางวัลให้แก่ผู้ชนะเลิศเพียงผลงานเดียวเท่านั้น (จากผู้เข้ารอบสุดท้าย 5 ผลงาน) ซึ่งผู้ลงคะแนนตัดสิน คือ คณะกรรมการอิสระ (นักวิชาการและวิชาชีพ) รวม 9 ชุดด้วยกัน
นาฏราช
คือ รางวัลที่เกิดภายใต้การอำนวยการของ “สมาพันธ์สมาคมวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์” เพื่อสร้างมาตรฐานการตัดสินที่คำนึงถึงศาสตร์และศิลป์ของสื่อวิทยุโทรทัศน์อย่างแท้จริง โดยมีผู้ลงคะแนนที่เป็นบุคคลในวิชาชีพวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์โดยตรง จัดงานครั้งที่ 1 ประจำปี 2552 เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2553 และเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
จำเป็นหรือไม่ เมื่อได้รางวัลโทรทัศน์ทองคำ ต้องได้รางวัลนาฏราชด้วย ?
ที่ผ่านมามีอยู่หลาย ๆ ครั้งที่รายชื่อผู้เข้าชิงรางวัลโทรทัศน์ทองคำ และรางวัลนาฏราช จะเหมือนกัน แต่ผลรางวัลก็ไม่มีความจำเป็นเสมอไปที่นักแสดงที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงจะได้รับรางวัลจากทั้ง 2 เวที ถึงแม้เมื่อปี 2553 เคน ธีรเดช ควง แอน ทองประสม คว้ารางวัลนำชาย-หญิง จากการประกาศผลโทรทัศน์ทองคำ และนาฏราช ก็ตาม
และไม่ได้มีเพียงรางวัลดารานำเท่านั้น กระทั่งรางวัลผู้กำกับละคร เพลงประกอบละคร หรือนักแสดงสมทบชาย-หญิง ก็อาจมีผลรางวัลที่ไม่เหมือนเช่นเดียวกัน อีกทั้งบางรางวัลใหญ่ก็มีการกระจายไปยังช่องอื่น ๆ อาทิ ช่อง ONE31, ช่อง Gmm25 ช่อง โมโน 29 หรือช่อง PPTV เป็นต้น
อย่างไงก็มารอลุ้นกันว่า หลัง ณเดชน์ คูกิมิยะ คว้ารางวัลดารานำชายดีเด่น โทรทัศน์ทองคำ ครั้งที่ 32 ได้แล้ว รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จากเวทีนาฏราช ครั้งที่ 9 ที่เตรียมประกาศผลอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 5 สิงหาคมนี้ จะตกอยู่ในมือหนุ่มณเดชน์ ด้วยหรือไม่
รางวัลโทรทัศน์ทองคำ และรางวัลนาฏราช มีผลต่องานในวงการหรือไม่
เรื่องนี้ อาจเป็นเรื่องที่ยากจะหาคำตอบ เพราะที่ผ่านมางานของเหล่านักแสดงทั้งงานละคร พรีเซ็นเตอร์โฆษณา งานอีเวนท์ หรืองานโชว์ตัวต่าง ๆ ล้วนเข้ามาตามกระแสละครที่ออนแอร์ในช่วงดังกล่าวเกือบทั้งสิ้น ดังเช่นคู่จิ้นคู่ขวัญ โป๊ป ธนวรรธน์ และเบลล่า ราณี ที่กำลังรับทรัพย์จากงานพรีเซ็นเตอร์ และงานอีเวนท์แบบถล่มทลาย กับกระแสออเจ้าฟีเวอร์ จากละครบุพเพสันนิวาส
นอกจากนี้ บรรดานักแสดงจากละครบุพเพสันนิวาส อย่าง ซูซี่ สุษิรา, ปราง กัญญ์ณรัณ, ก๊อต จิรายุ, หยา จรรยา, นุ่น รมิดา หรือโมสต์ วิศรุต (ไอ้จ้อย) ก็ล้วนได้รับอานิสงส์จากกระแสออเจ้าฟีเวอร์ด้วยเช่นกัน
และอีกหนึ่งตัวอย่าง เวียร์ ศุกลวัฒน์ นักแสดงหนุ่มที่สามารถคว้ารางวัลจากเวทีต่าง ๆ ได้เกือบทุกปี (นับตั้งแต่เข้าวงการ เมื่อปี 2549 จนถึงปัจจุบัน) แม้บางปีจะพลาดรางวัล แต่อย่าคิดว่า หนุ่มเวียร์ มีเวลาพักนะ เพราะเจอทั้งงานละคร งานอีเวนท์ และพรีเซ็นเตอร์ อัดเข้ามาจนแทบไม่ได้พักกันทีเดียว
เมื่อเห็นตัวอย่างในข้างต้น คงบอกได้ว่า งานที่วิ่งเข้าหานักแสดงนั้น อาจไม่ใช่เป็นผลจากการคว้ารางวัลบนเวทีใด เวทีหนึ่ง แต่อย่างไรก็ดี การได้รับรางวัลใหญ่จาก 2 เวที อย่างรางวัลโทรทัศน์ทองคำ และรางวัลนาฏราช ก็ไม่ต่างจากการการันตีฝีมือการแสดงของนักแสดงว่า สามารถเข้าถึงบทบาทจนสร้างความประทับใจแก่ผู้ชม และกรรมการที่ตัดสินรางวัล
สำหรับเวทีนาฏราช คงต้องจับตามองว่า ท้ายที่สุดแล้วนักแสดงหรือละครจากช่องใดกวาดรางวัลนาฏราชไปครองมากที่สุด และมีม้ามืดเกิดขึ้นหรือไม่
ติดตามถ่ายทอดสดงานประกาศรางวัลนาฏราชครั้งที่ 9 ได้ในวันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม นี้ เวลา 16.00 – 18.00 น. ทางช่อง 33 HD