ฟุตบอลโลก 2018 ได้จบลงอย่างเป็นทางการ ต้องชมเชยผู้จัดอย่างรัสเซียที่สามารถบริหารจัดการได้ค่อนข้างราบรื่น ไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงต่างๆ อย่างที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
และก็ขอแสดงความยินดีกับแฟนทีมตราไก่ทุกท่านด้วย หลังจากที่ห่างหายจากถ้วยแชมป์โลกมา 20 ปี ก็ถือว่าในฟุตบอลโลกครั้งนี้ ฝรั่งเศสมีความพร้อมมากกว่าทุกทีม ขุมกำลังของตัวสำรองข้างสนามก็จัดว่าระดับโลก สามารถทดแทนกันได้อย่างไร้รอยต่อ
อย่างเช่นในนัดสำคัญที่สุดก็คือนัดชิงชนะเลิศก็องเต้นั้นไม่ฟิตสมบูรณ์ เพราะมีอาการท้องเสียก่อนเกม ซึ่งเดชองส์ ก็ได้เปลี่ยนเอ็นซ็องซี่ลงสนามมาแทนก็องเต้ในช่วงครึ่งหลัง และสามารถทำผลงานได้อย่างดี เล่นเอาโครเอเชียนั้นฮึดไม่ขึ้นเลยทีเดียว
และหลังจากเกมคู่ชิงชนะเลิศได้จบลง ก็เป็นธรรมเนียมที่คณะจัดการแข่งขันจะประกาศรางวัลของผู้เล่น อย่างเช่น รางวัลรองเท้าทองคำ
ซึ่งในวันนี้คอลัมน์ชีวิตติดรองเท้าก็จะมาทบทวนต่างๆ ของผู้เล่น ทั้ง 4 รายการว่ามีนักเตะคนไหนได้รับรางวัลอะไรไปบ้าง รวมถึงสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ นักเตะคนนั้นใส่รองเท้าสตั๊ดคู่ใจเป็นรุ่นไหน
เรามาเริ่มกันเลยที่รางวัล “รองเท้าทองคำ”
รางวัล “รองเท้าทองคำ” ได้แก่ “แฮรี่ เคน” ของทีมชาติอังกฤษ
สตั๊ดคู่ใจ “Nike Hypervenom Phantom III Elite”
แฮรี่ เคน ลงสนามไปทั้งหมด 7 นัด ทำประตูได้ 6 ประตู จากรองเท้าคู่ใจสายยิงอย่าง Nike Hypervenom Phantom ซึ่งถึงแม้จะไม่สามารถพาทีมไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้ แต่ก็ทำให้แฟนบอลทีมชาติอังกฤษปลื้มกันไม่ใช่น้อย เพราะทีมชาติอังกฤษนั้นไม่ได้ทะลุถึงรอบรองชนะเลิศมานานหลายทศวรรษ
รางวัล “ลูกบอลทองคำ” ได้แก่ “ลูก้า โมดริช” ของทีมชาติโครเอเชีย
สตั๊ดคู่ใจ “Nike Mercurial Vapor Elite”
นักเตะเจ้าของความสูงเพียง 172 เซนติเมตร แต่ก็ไม่มีใครสามารถเบียดเขาลงได้ มีทั้งทักษะในเกมรุกและความขยันในเกมรับอีกทั้งยังมีความฟิตที่ไม่เป็นรองใคร สามารถเล่นเกมต่อเวลาพิเศษได้สบายๆ ซึ่งรองเท้าที่พาเขาวิ่งลงสนามจนได้เป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมนั้นก็คือ Nike Mercurial Vapor
รางวัล “ถุงมือทองคำ” ได้แก่ “ธีโบ กูตัวส์” ของทีมชาติเบลเยียม
สตั๊ดคู่ใจ “Nike Magista Obra II Elite”
ฟอร์มการเซฟในนัดที่เขี่ยบราซิลตกรอบยังติดตาทุกคนอยู่ รวมทั้ง เนย์มาร์ และคูตินโญ่ โดยในนัดนั้นกูตัวส์สามารถเซฟลูกอันตรายได้ถึง 8 ครั้ง ซึ่งฟอร์มของกูตัวส์ก็เป็นเหตุผลสำคัญที่สามารถพาทีมชาติเบลเยียมทะยานไปคว้าตำแหน่งรางวัลที่ 3 ได้สำเร็จ
รางวัล “ผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยม” ได้แก่ “คีเรียน เอ็มปั๊บเป้” ของทีมชาติฝรั่งเศส
สตั๊ดคู่ใจ “Nike Mercurial Superfly Elite”
นักเตะอายุเพียง 19 ปี แต่สามารถแบกภาระได้ขนาดนี้ถือว่ายอดเยี่ยมมาก เอ็มปั๊บเป้ ลงสนาม 7 นัด ทำผลงานยิงไปได้ถึง 4 ลูก ซึ่งถือว่าเป็นผลงานระดับเวิลด์คลาสเลยทีเดียว เอ็มปั๊บเป้มีทั้งความเร็ว ความคล่องตัว และความเฉียบคม ซึ่งก็ตรงกับคอนเซ็ปท์ของ Nike Mercurial Superfly อย่างแท้จริง
ซึ่งโดยสรุปแล้วผู้ชนะในรางวัลต่างๆ นั้นต่างก็ใช้สตั๊ดยี่ห้อไนกี้ และในรอบชิงชนะเลิศก็เป็นเกมระหว่างทีมที่มีไนกี้เป็นสปอนเซอร์ ก็ทำให้ค่ายสามขีดอย่างอาดิดาสร้อนๆ หนาวๆ ไปพอสมควร
จากนี้ถ้าหากมีประเด็นอื่นๆ ในฟุตบอลโลกที่น่าสนใจ ผมจะมาสรุปให้อ่านกันอีกครั้งหนึ่ง แต่ถ้าไม่แล้วล่ะก็ เราจะไปต่อกันที่สีสันของฟุตบอลลีกดังในยุโรป ที่ขณะนี้กำลังเข้มข้นเรื่อยๆ
สำหรับอาทิตย์นี้ ขอลาไปก่อนครับ สวัสดีครับ
ขอบคุณภาพจาก Facebook @fifaworldcup