9 สิ่งที่ เจ ชนาธิป บอกไว้ชัด ๆ สำหรับนักบอลรุ่นใหม่และเก่า (ตอนที่ 5)

ในอาทิตย์ที่ผ่านมา มีเพื่อนมาปรึกษาเรื่องจะนำลูกเข้าเรียนอคาเดมีฟุตบอลเฉพาะทาง ซึ่งถือว่าถามถูกคนมาก และเมื่อได้พูดคุยถึงที่มาที่ไปแล้วปรากฏว่าเป็นความต้องการของทั้งเด็กและผู้ปกครอง ผมจึงส่งแรงสนับสนุนอย่างเต็มที่ แล้วก็เลยส่งคอลัมน์ที่ได้เขียนในตอนที่ 1-4 ไปให้ประกอบการตัดสินใจ ถือว่าสิ่งที่ผมได้ลงแรงไปนั้นไม่เสียเปล่า มีประโยชน์ต่อคนอื่นอย่างน้อยหนึ่งคน

โดยวันนี้หัวข้อที่เจอยากบอกนั้นมีความเชื่อมโยงกับคำแนะนำครั้งล่าสุดผม ที่ว่าควรใช้วิทยาศาสตร์หลายแขนงในการพัฒนาวงการกีฬา เพราะเหตุใดมาติดตามกันครับ

9 สิ่งที่ เจ ชนาธิป บอกไว้ชัด ๆ เรื่องที่ 5 โภชนาการเป็นสิ่งสำคัญ

เรื่องที่ 5 นี้ เจได้พูดไว้ในการสัมภาษณ์ในรายการของพี่ซิโก้ใจความว่า “ต้องเน้นเรื่องโภชนาการมากขึ้น” เพราะในช่วงที่เจเล่นอยู่ในเมืองไทย เขาตื่นกันสาย และไม่ได้กินอาหารเช้า

แต่ผมจะไม่ตัดสินนะครับว่าในเมืองไทยโภชนาการดีหรือไม่ดี เพราะเราก็ไม่ทราบวิถีการกินของนักกีฬาทุก ๆ คน เพียงแต่เจเขาเน้นว่าจากประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้ต้องตระหนักมากขึ้นกว่าเดิม

ซึ่งผมก็พอเข้าใจอยู่นะครับ เพราะขนาดตัวผมเองก็เพิ่งคิดได้ว่า ที่ผ่านมาเรากินโปรตีนไม่เพียงพอมาตลอด ส่วนคาร์โบไฮเดรตก็กินเกินโควตาไปมาก ทำให้เริ่มส่งผลต่อร่างกายตามมา และถ้ายังยึดวิถีเดิมไปเรื่อย ๆ คาดว่าพอแก่ตัวลง ร่างกายก็คงเสื่อมโทรมไปก่อนเวลาอันควร เพราะว่าร่างกายต้องการโปรตีนไปซ่อมแซมร่างกายส่วนที่สึกหรอ แต่เรากินโปรตีนไม่ครบ ร่างกายมันจะซ่อมได้สมบูรณ์ได้อย่างไรกัน คิดง่าย ๆ แค่นี้ก็เข้าใจกันแล้ว 

การกินโปรตีนไม่เพียงพอนั้นพิจารณาอย่างไร? ถ้าค้นตามกูเกิลเขาก็จะแนะนำว่าคนปกติควรจะทานโปรตีนให้ได้ 1 กรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ตัวอย่างคนน้ำหนัก 60 กิโลกรัมก็ต้องทานโปรตีน 60 กรัม หรือถ้าคิดเป็นน้ำหนักของเนื้อหมูก็ประมาณ 250 กรัมต่อวัน ถึงจะได้โปรตีนตามต้องการ (เนื้อหมู 100 กรัม มีโปรตีน 23 กรัม)

แล้วลองถามตัวเองสิว่าในชีวิตปกติแต่ละมื้อกินเนื้อสัตว์ได้รวมกัน 250 กรัมมั้ย ตอบเลยว่ายาก เพราะถ้ากินข้าวตามสั่ง ข้าวเต็มจาน แต่มีเนื้อสัตว์หรือโปรตีนอื่น ๆ แค่นิดเดียว มันก็อิ่มแหละแต่สารอาหารไม่ครบถ้วน

ส่วนคาร์โบไฮเดรตเขาแนะนำให้กิน 300 กรัมต่อวัน อันนี้เกินตลอด เพราะข้าวถ้วยขนาดย่อม ๆ ในเซเว่น 1 ถ้วย มีคาร์โบไฮเดรตตั้ง 66 กรัม ดังนั้น ถ้ากิน 3 ถ้วยต่อวัน บวกกับน้ำหวาน กาแฟ ขนม น้ำอัดลม คิดยังไงก็เกิน 300 กรัม พอกินคาร์โบไฮเดรตเกิน ส่วนใหญ่ก็นำไปเก็บเป็นไขมันในร่างกาย สร้างภาระโรคภัยให้เราต่อไปอีกหากไขมันมันเยอะมากเกินไป

ซึ่งถ้าเป็นนักกีฬา ก็ต้องเน้นเรื่องโภชนการมากกว่าคนปกติ แถมถ้าต้องการไปสู่ระดับท็อปก็ต้องเน้นมากเป็นพิเศษ ทั้งอาหารก่อนการแข่งและการซ้อม รวมถึงอาหารหลังการแข่งขันและการซ้อมที่แตกต่างจากอาหารก่อนการแข่ง ส่วนมื้ออื่น ๆ ก็ต้องทานอาหารตามแผนที่นักโภชนาการกำหนด ให้ได้อย่างน้อย 80% แต่ผมจะไม่ลงลึกในรายละเอียดมากเพราะว่าไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องนี้ แต่ทุกคนก็สามารถค้นคว้าในกูเกิลหรือไปสอบถามนักโภชนาการได้เพื่อประโยชน์ของตนเอง

ดังนั้น มันจึงสอดคล้องกับที่ผมบอกว่านักกีฬาต้องการความรู้จากผู้เชี่ยวชาญในวิทยาศาสตร์หลาย ๆ แขนงมาช่วยงานกัน นักกีฬาถึงจะมีคุณภาพในระดับสูงได้

เรื่องที่ 5 เรื่องขุมกำลังที่จำเป็นต่อร่างกาย ถ้าเครื่องยนต์แรงแต่น้ำมันไม่พอ มันก็วิ่งได้ไม่เต็มที่ และถ้าทานอาหารดีต่อร่างกาย อายุการค้าแข้งก็จะยืดยาวออกไปด้วยอีก

สำหรับเรื่องที่ 6 จะเป็นเรื่องอะไรนั้น ผมจะนำไปเขียนต่อในคอลัมน์หน้าครับ ผมชื่อต้นนะครับ อย่าลืมติดตาม เป็นกำลังใจฝากกด Like & Share ด้วยนะครับผม