แฟน “ขุนค้อน” ปวดหัว! เจาะประวัติ 3 ทีมงานของ “มอยส์”

เดวิด มอยส์ (ภาพจาก whufc.com)

ถ้าผลงานไม่ดี ก็ต้อง “ไล่” เป็นธรรมดา นี่คือชะตากรรมของ สลาเวน บิลิช ที่กลายเป็นอดีตกุนซือของทีม “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด หลังพาทีมตกลงไปอยู่ใกล้โซนหนีตาย แต่อย่างไรก็ตาม การตั้ง เดวิด มอยส์ กุนซือชาวสก็อต ผู้ที่เพิ่งพาซันเดอร์แลนด์ตกชั้นมาหมาดๆ บวกกับผลงานอันไม่เป็นชิ้นเป็นอันกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เรอัล โซเซียดัด ทำให้มีเสียงวิจารณ์บอร์ดบริหารของ “เดอะ แฮมเมอร์ส” เยอะมาก จนถึงขั้นมีแฟนบอลโทรไปบ่นกับตำรวจเมืองผู้ดีกันเลยทีเดียว!

แต่สิ่งที่น่าปวดหัวไปอีก คือทีมงานของ “น้ามอยส์” ที่ดูแล้วมีผลงานการทำทีมที่ไม่ค่อยดีนัก เรื่องราวของทีมงานชุดใหม่ในถิ่น “ลอนดอน สเตเดี้ยม” จะเป็นอย่างไรบ้าง วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึง 3 ทีมงานคนสำคัญที่ “มอยซี่” เป็นคนเลือก เพื่อมาช่วยกู้ “ขุนค้อน” ออกจากโซนตกชั้น ก่อนจะสายเกินแก้

สจ๊วต เพียร์ซ

ภาพจาก whufc.com

“เดอะ ไซโค” ได้รับเลือกจากมอยส์ ให้มาเป็น “มือขวา” ของเขาในถิ่น “ลอนดอน สเตเดี้ยม” ทั้งที่ก่อนหน้านี้ มีข่าวว่ามอยส์อยากได้ “ฟิล เนวิลล์” อดีตนักเตะทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมาเป็นผู้ช่วย

ประสบการณ์ของเพียร์ซนั้นเรียกได้ว่า “โชคโชน” แต่ผลงานอาจจะไม่ค่อยเข้าตานัก เช่นการรับบทเป็นกุนซือขัดตาทัพ “เจ้าป่า” น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ แต่ไม่สามารถช่วยทีมให้รอดพ้นการตกชั้นได้ และแม้ว่าเขาจะได้โอกาสกลับไปแก้ตัวอีกครั้งในปี 2014 ผลงานก็ยังไม่ดีมากนักจนโดนปลดออกในปี 2015 นอกจากนี้ ผลงานการทำทีมอื่นๆ เช่นแมนเชสเตอร์ ซิตี้ (ก่อนยุคบุกเบิก) ก็ไม่เป็นที่ถูกใจของแฟนๆนัก

แต่สิ่งที่มอยส์อาจจะมองถึง คือการที่เพียร์ซนั้นมีประสบการณ์การเป็นนักเตะ “ขุนค้อน” มาก่อนในปี 1999 ถึง 2001 บวกกับการทำทีมชาติอังกฤษชุดอายุไม่ต่ำกว่า 21 ปี แถมยังเคยขึ้นไปขัดตาทัพ “สิงโตคำราม” ชุดใหญ่มาก่อนด้วย มอยส์จึงอาจจะมองผ่านเรื่องผลงานระดับสโมสรไป และเลือกให้โอกาสเพีร์ซในวัย 55 ปีมาช่วยเขาแทน

อลัน เออร์ไวน์

ภาพจาก whufc.com

เออร์ไวน์เคยพูดว่า รู้สึกดีใจที่ได้กลับมาร่วมงานกับมอยส์อีกครั้ง หลังโค้ชวัย 59 ปี เคยรับบทผู้ช่วยของมอยส์ ที่ “เพรสตัน นอร์ธ เอนด์” และ “เอฟเวอร์ตัน” มาก่อน

แต่เขากลับขอแยกทางกับมอยส์ ในปี 2007 เพื่อไปเป็นผู้จัดการทีมเต็มตัว โดยไปรับงานกับหลายทีม เช่นเพรสตันฯ, เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ และ เวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน แต่ก็ไม่มีผลงานโดดเด่น โดยเฉพาะการพา “เวสต์ บรอม” เก็บชัยชนะได้เพียง 5 นัดจาก 22 นัด ซึ่งถือว่าเลวร้ายพอตัว ต้องมาดูกันว่า การกลับมาร่วมงานของทั้งสองนั้น จะลงเอยเช่นใด

บิลลี่ แม็คคินเลย์

ภาพจาก whufc.com

เป็นคนที่ติดสองห้อยตามมอยส์มาตั้งแต่ยุคที่เขาคุม “เรอัล โซเซียดัด” แม็คคิลเลย์ โดนปลดออกจาก “โซเซียดัด” พร้อมกับมอยส์ และแยกทางเพื่อไปรับงานโค้ชทีมชุดใหญ่ของวัตฟอร์ด ในยุคของ ออสการ์ การ์เซีย ก่อนจะโดนปลดออกไล่หลัง “การ์เซีย” จากไปไม่นาน

ผลงานของ “แม็คคินเลย์” ในบทบาทกุนซือนั้นถือว่าไม่ค่อยจะสู้ดีนัก เพราะหลังจากที่เขาออกจากวัตฟอร์ดไป เขาก็ไปจับงานกับทีม “สตาเบค” ในนอร์เวย์ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ แถมโดนทีมจากเวลส์สอยตกรอบคัดเลือก “ยูโรปา ลีก” ด้วย จนเขาได้กลับมาร่วมงานกับมอยส์อีกครั้งที่ “ซันเดอร์แลนด์” ในฐานะแมวมอง ซึ่งผลลัพธ์กลายเป็นว่า “แมวดำ” ก็ตกชั้นไปอีก เรียกได้ว่าโชคร้ายจริงๆ