สวรรค์มีจริงไหม? เชื่อว่านี่น่าจะเป็นคำถามที่ทุกคนเคยมีความคิดแว่บ ๆ ขึ้นมาอย่างน้อย 1 ครั้งในระหว่างที่กำลังมีชีวิตอยู่ แต่ก็อาจจะหาคำตอบไม่ได้หรอกว่าสถานที่ที่เรียกว่าสวรรค์นั้นมันมีอยู่จริงหรือเปล่า เพราะก็ยังไม่มีใครเคยไปโลกหลังความตายแล้วกลับมาบอก แต่…ในซีรีส์เรื่อง Heavenly Ever After อาจจะมีภาพจินตนาการของสวรรค์ที่ชัดเจนขึ้น ว่าจริง ๆ แล้ว สวรรค์คือสถานที่ หรือเป็นความรู้สึกมีความสุขแบบที่เปรียบเทียบได้ว่า “เหมือนอยู่บนสวรรค์” กันแน่

Heavenly Ever After เป็นซีรีส์ที่บอกเล่าเรื่องราวหลังความตายของสองสามีภรรยาคู่หนึ่ง ในดินแดนของโลกหลังความตายที่ถูกเรียกว่า “สวรรค์” พวกเขาจากโลกใบนี้ไปในวัยชราภาพทั้งคู่ โดยตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ คนที่เป็นสามีประสบอุบัติเหตุเป็นอัมพาตตั้งแต่วัยหนุ่ม ทำให้หลังจากนั้น เขาต้องใช้ชีวิตติดเตียงโดยมีภรรยาเป็นคนหาเลี้ยงและดูไปตามสภาพ ส่วนภรรยา หลังจากได้เงินประกันของสามีมา เธอนำมันไปปล่อยกู้แล้วเก็บดอกเบี้ยรายวันเพื่อหาเลี้ยงชีพ เธอหาเงินด้วยวิธีตั้งแต่หัวดำยันหัวหงอก เพื่อที่จะได้มีเวลาดูสามี อย่างไรก็ตาม ในบ้านหลังนี้ยังมีเด็กอีกคนอาศัยอยู่ เธอเป็นลูกของลูกหนี้รายหนึ่ง ถูกพ่อเลี้ยงดูแบบทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ และทำร้ายร่างกาย เจ้าหนี้จึงนำขัดดอก

เมื่อถึงเวลา สิ่งที่ธรรมชาติมอบให้กับผู้ที่เกิดมาทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน คือความตาย ฝ่ายสามีเป็นคนที่จากไปก่อน แต่ไม่นานหลังจากนั้นภรรยาก็ตามไป บนดินแดนที่ถูกเรียกว่าสวรรค์นั้น คนที่เคยมีความสัมพันธ์ผูกพันกันมาก่อนตายสามารถมาเจอกันอีกครั้งและเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นี่ได้ และแต่ละคนสามารถเลือกได้ว่าที่สวรรค์นี้ ตนเองจะมีรูปลักษณ์ตามช่วงอายุไหน ฝ่ายสามีที่มาก่อน ก็มาเตรียมการทุกอย่างเพื่อรอภรรยา โดยที่เขาเลือกรูปลักษณ์วัย 30 ในขณะที่ภรรยาที่ตามมาทีหลัง เลือกรูปลักษณ์วัย 80 ปี ด้วยเหตุที่ว่าตอนยังมีชีวิตอยู่ สามีของเธอเคยบอกกับเธอว่า “เธอสวยที่สุด” เมื่อพวกเขามาเจอกันอีกครั้งบนสวรรค์ สามีจึงอยู่ในร่างวัยหนุ่ม ส่วนภรรยาอยู่ในร่างวัยชรา
ตอนอายุ 20 คุณก็สวย ตอนอายุ 40 คุณก็สวย แต่ตอนนี้…คุณสวยที่สุดแล้ว เพราะเราใช้ชีวิตด้วยกันทุกวัน ผูกพันกันมากขึ้นทุกวันหรือเปล่านะ แต่ตอนนี้เมียของผมสวยที่สุดเลยล่ะ
นี่แหละ คือจุดเริ่มต้นของความบันเทิงบนสวรรค์เมื่อสองสามีภรรยาได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง แต่…คนละช่วงอายุ 555 แล้วแบบเอ็นดูคุณยายมากเลยอ่า เลือกที่จะใช้ชีวิตบนสวรรค์ด้วยรูปลักษณ์วัย 80 ปี เพราะสามีบอกว่าตอนนี้แกสวยที่สุด! แล้วดูแกจะอินกับคำพูดของคุณตามาก ๆ ซะด้วยนะ ซึ่งก็ไม่แปลกหรอก ประโยคบอกรักไม่มีคำว่ารักแบบนี้ มันสัมผัสถึงความรักซึมลึกได้ดีนัก ผัวอวยเมียว่าสวยที่สุดตอนอายุ 80 ทั้งที่เมียก็รู้ตัวเองดีว่าสังขารคนวัยนี้มันโรยราไปขนาดไหน แล้วก็ด้วยความคลั่งรักทั้งผัวทั้งเมีย คนเป็นเมียคก็อินไม่ยากหรอก ที่สำคัญคู่นี้เขาก็ขยันหยอดคำหวานกันเป็นปกติอยู่แล้วด้วยไง ขนาดที่ว่าเด็กในบ้านยังทนฟังไม่ได้ ต้องเอากระทะมาฟาดหัวตัวเองให้น็อกไปแบบนั้น

แต่ถ้าถามว่าจริง ๆ แล้วคุณยายแกเชื่อจริงไหมว่าสามีคิดว่าแกสวยที่สุดตอนอายุ 80 ส่วนตัวคิดว่าแกไม่ได้เชื่อคำพูดคุณตาหรอก คนผ่านโลกมาตั้งขนาดนั้น แต่ที่แกเลือกช่วงอายุ 80 ตอนที่ไปสวรรค์น่ะ นี่ว่าแกเชื่อใจสามีมากกว่า อารมณ์ว่าแบบผัวชมว่าฉันสวยทั้งที่ฉันอายุตั้ง 80 แล้วนะ แล้วเราสองผัวเมียก็ใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกันมานาน มันเป็นทั้งความคุ้นเคย ความปกติ ความสุข ผัวก็คงอยากจะอยู่กับฉันในช่วงอายุนี่แหละ แก่แต่ก็มีความสุขดี แก่ไปด้วยกันงี้ ให้พูดก็คือแกยอมอยู่ร่างแก่เพราะความรักนั่นแหละ ถ้าไม่รักไม่ยอมแบบนั้นหรอก (แกเองก็คิดถึงวัยเยาว์ของตัวเองเหมือนกัน) หลักฐานคือสามีนอนป่วยติดเตียงค่อนชีวิต แกก็คอยดูแลสามีของแกเต็มที่ตลอด ไม่เคยทอดทิ้ง

แต่จ้าแต่…ไหงผัวแกกลับหักหลัง เลือกช่วงอายุวัยหนุ่มเฉยเลยล่ะ 555 คุณยายจ๋อยไปเลยหลังจากที่เห็นสามีตัวเองในเวอร์ชันหนุ่ม รูปลักษณ์ที่แกไม่เห็นมานานมากแล้ว ในขณะที่ตัวเองมาในสภาพไม้ใกล้ฝั่งเต็มที เดินกับสามีตัวเองเหมือนลูกชายพาแม่แก่ ๆ เดินเล่น ซึ่งมันก็น่าน้อยใจอยู่ที่สามีจำคำพูดตัวเองไม่ได้ ก็นะ การที่คุณตาชมคุณยายว่าสวยตอนที่อายุ 80 ก็ไม่ได้หมายความว่าแกจะอยากขึ้นสวรรค์มาอยู่กับเมียตอนอายุ 80 ซะหน่อยนี่ เพราะต้องไม่ลืมว่าสภาพวัย 80 กว่าของคุณตาตอนยังมีชีวิตอยู่นั้นมันเป็นเหมือนปมของแก ป่วยตั้งแต่หนุ่ม ทำได้แค่นอนให้เมียเลี้ยงไปวัน ๆ แกก็คงอยากจะย้อนเวลากลับไปสมัยที่ยังไม่ป่วยอยู่แล้ว เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่กับเมีย

เพราะงั้น เด็ก ๆ จำไว้นะจ๊ะ ว่าคำพูดของผู้ชายน่ะ เป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือที่สุดในโลกนี้แล้วล่ะ พูดอะไรไว้ไม่เคยจะจำได้หรอก 555 แต่ก็อบอุ่นใจนะที่สุดท้ายทั้งสองคนก็ได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้งบนสวรรค์ หลังจากที่ความตายได้พรากพวกเขาออกจากกัน แล้วมันก็ชวนให้เราวิเคราะห์ต่อว่าจริง ๆ แล้ว สวรรค์คือสถานที่ หรือมันเป็นเพียง “ความรู้สึกที่มีความสุข” จากการได้พบเจอและได้กลับไปอยู่กับสิ่งที่ตนเองรักอีกครั้งในโลกหลังความตาย ที่ที่เขาไม่อนุญาตให้ดวงวิญญาณนำเอาอะไรผ่านเข้าไปได้สักอย่าง มีแค่ดวงวิญญาณที่ได้กลับไปหาคนที่รักอีกครั้งก็พอ
การตายส่วนใหญ่มักกะทันหัน เราไม่มีทางรู้ว่าจะตายเมื่อไหร่ ตายยังไง ถ้าอย่างนั้นพวกท่านได้ใช้ชีวิตคุ้มค่าหรือเปล่าครับ
ถ้าเอาข้อเท็จจริงมาคุยกัน เรา ๆ ในทีนี้ก็อาจจะไม่มีใครรู้หรอกว่าสวรรค์มีอยู่จริงไหม ถ้ามีจริงหน้าตาเป็นยังไง (ก็นะ ยังไม่เคยตายกันนี่หว่าจะรู้ได้ไง คนที่ตายไปแล้วก็ไม่เคยกลับมาบอกหรือเล่าให้ฟังด้วย) แต่ถ้าอ้างอิงตามซีรีส์เรื่องนี้ สวรรค์จะหน้าตาคล้ายคลึงกับโลกก่อนตายที่ทุกคนเคยใช้ชีวิตอยู่แทบทุกอย่าง มันเป็นสถานที่ที่ทำเลียนแบบขึ้นมาเพื่อให้ชีวิตหลังความตายของทุกคนได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย และที่สำคัญที่สุด เพื่อให้ทุกคนได้ “สะสาง” เรื่องที่ค้างคาในชีวิตอีกครั้ง เรื่องที่ยังไม่ได้ทำก่อนที่จะตาย ซึ่งในที่นี้ ทุกคนเคยตายมาแล้ว ก็จะมีประสบการณ์แล้วใช่ไหมล่ะว่าควรต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้ชีวิตมีความสุข แม้ว่าในโลกหลังความตายจะตายไม่ได้อีกแล้วก็ตาม

ซึ่งถ้าถามว่าเรื่องที่ค้างคาใจของสองผัวเมียนี้คืออะไร มันก็น่าจะหนีไม่พ้นการใช้ชีวิตคู่อย่างสมบูรณ์แหละมั้ง ต้องบอกก่อนว่าจริง ๆ แล้วสองคนนี้รักกันมาก แล้วก็มีความสุขกันดีตามสภาพที่เป็น แต่ก็อย่างที่เห็น เพราะคุณตาป่วยติดเตียงตั้งแต่วัยหนุ่ม ได้แต่นอนเฉย ๆ หายใจวัน ๆ ให้เมียหาเลี้ยงร่วม 50 ปี ส่วนคุณยาย นอกจากออกไปทวงหนี้รายวัน ซื้อกับข้าวมาทำข้าวให้คุณตากิน ปรนนิบัติพัดวีคุณตาแล้ว ทั้งสองก็ไม่ได้ทำอะไรร่วมกันอีก นั่นหมายความว่ายังมีอะไรอีกมากมายหลายอย่างที่พวกเขาไม่มีโอกาสได้ทำเหมือนกับสามีภรรยาคู่อื่น ๆ ชีวิตของพวกเขาในช่วงเวลา 50 ปีหลังจากที่คุณตาป่วย มีแค่การดูแลกันและกันตามสภาพ และความกลัวที่กัดกินใจคนทั้งคู่

ความกังวลของคุณยายคือ แกกลัวว่าแกจะตายก่อนคุณตา ถ้าแกตายก่อน ก็จะไม่มีใครที่คอยดูแลคุณตาที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต่อให้แกจะยังมีเด็กอีกคนที่รับมาดูแลเหมือนลูกเหลืออยู่ก็เหอะ มันก็ไม่เหมือนทำเองอยู่ดี แกคงกังวลว่าคนอื่นอาจจะดูแลได้ไม่ดีเท่ากับแกทำเอง ส่วนความกังวลของคุณตา แกน่ะอยากจะรีบตายให้เร็วที่สุด เพราะแกสงสารคุณยายที่ต้องแบกรับทุกอย่าง มันทรมานนะกับการที่ต้องเป็นภาระของคนอื่นโดยเฉพาะคนที่ตัวเองรัก ต่อให้คุณยายเต็มใจทำโดยที่ไม่เคยปริปากเอ่ยถึงความลำบากของตัวเองเลยก็ตาม แต่แกรู้ดีว่าเมียตัวเองต้องลำบากขนาดไหนกับการใช้ชีวิตโดยมีคู่ชีวิตเป็นคนป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้

ถึงแม้ว่าชีวิตคู่ของสามีภรรยาคู่นี้มันจะดูยากมาก ๆ กว่าจะผ่านกันไปในแต่ละวัน แต่ละเดือน แต่ละปี แต่พวกเขาก็พยายามที่จะมีความสุขกันไปตามสภาพ ต่างคนต่างพยายามที่จะช่วยสนับสนุนกันให้ได้มากที่สุดเท่าที่ตัวเองทำได้ ทั้งคู่อยู่กันด้วยความรัก โดยที่คุณตาจะมีชีวิตอยู่แค่บนที่นอน และคุณยายก็มีชีวิตอยู่กับดูแลคุณตาไปวัน ๆ พวกเขาก็ยัง “ขาด” ความสุขของการชีวิตคู่ในบางแง่มุม บางทีการที่พวกเขาได้มาอยู่ด้วยกันอีกครั้งบนสวรรค์ ในวันที่คุณตาไม่ได้เอาโรคภัยไข้เจ็บข้ามมาด้วย แถมยังได้กลับไปเป็นหนุ่มอีกครั้ง และคุณยายที่ถึงแม้จะมาด้วยสังขารที่โรยรา แต่ใจแกก็รักคุณตามากอยู่ดี เพราะฉะนั้น ปัญหามันมีแค่ทั้งคู่อยู่กันคนละช่วงวัย วัยที่ต่างกันมากเกินไปก็เท่านั้นเอง
ตอนแรกที่เปิดเรื่องนี้ขึ้นมาดู คาดหวังว่ามันจะเป็นแนวคอมเมดีขายฮา แต่พอเปิดมาดูจริง ๆ กลับพบว่าซีรีส์เรื่องนี้มีน้ำตาเป็นองค์ประกอบซะส่วนใหญ่ คือเรื่องมันไม่ได้เศร้าแบบตับพังนะ มันเป็นเรื่องราวชีวิตที่จะสุขก็สุขไม่สุด จะทุกข์ก็ทุกข์มันก็ไม่ขนาดนั้น มันเล่าเรื่องราวชีวิตแบบที่เราทุกคนมีประสบการณ์ร่วมกัน เราเคยเจอสถานการณ์แบบนี้มากันมาแล้วทั้งนั้น ซึ่งถ้าใครอินตามมาก ๆ ก็อาจจะร้องไห้ออกมาเอง เพราะฉะนั้น แนะนำว่าหลีกเลี่ยงการเปิดดูในที่สาธารณะ ถ้าคุณร้องไห้ออกมา คนรอบข้างอาจจะงงได้ว่าคุณเป็นอะไร
Heavenly Ever After นับเป็นซีรีส์น้ำดีอีกเรื่องหนึ่งที่สอนให้เราได้เข้าใจความหมายของการมีชีวิตอยู่ โดยเฉพาะการมีชีวิตอยู่โดยมีความรักเป็นสิ่งหล่อเลี้ยง ความรักที่ไม่ได้จำกัดแค่ความรักของหนุ่มสาว แต่ยังมีความรักระหว่างเพื่อนมนุษย์ด้วยกันที่เกิดขึ้นจากสถานการณ์ต่าง ๆ ความรักระหว่างคนกับสัตว์เลี้ยง และอีกมากมายหลายรูปแบบ ความรักที่จะแปรเปลี่ยนเป็นความทรงจำเมื่อมีความตายมาพรากจาก คนที่ไปก่อนก็อาจจะไปรออยู่อีกที่ เพื่อรอคนที่ยังมีชีวิตอยู่ตามไป และเมื่อไรก็ตามที่เวลาของอีกคนหมดลง พวกเขาก็จะได้กลับไปเจอกันอีกครั้ง แม้จะไม่ใช่สถานที่ที่คุ้นเคยดีอย่างโลกมนุษย์ที่เราอยู่ แต่ก็ไม่สำคัญหรอกว่าจะเจอกันที่ไหน แค่ได้พบกันอีกครั้งก็พอ 🎉