กว่าครึ่งวันของวิถีชีวิตผู้คนในยุคดิจิทัลนี้ แพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ สอดแทรกอยู่ในไลฟ์สไตล์ของเราตั้งแต่ตื่นยันหลับ เห็นได้จากในสมาร์ตโฟนที่เต็มไปด้วยแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของเรา
เริ่มตั้งแต่ตื่นนอน มีแอปฯ นาฬิกาปลุกสุดโหดที่เราต้องทำภารกิจบางอย่างให้สำเร็จก่อนถึงจะยอมปิดเสียงปลุก เป็นตัวเลือกไม้ตายสำหรับมนุษย์ออฟฟิศขี้เซาที่ใช้แอปฯ นาฬิกาธรรมดา ๆ ของเครื่องแล้วไม่ยอมตื่น ไม่ก็กดเลื่อนนาฬิกาปลุกด้วยความเคยชินจนตื่นสายไปทำงานช้าตลอด ตอนออกจากบ้านก็ใช้แอปฯ ธนาคารในการสแกนจ่ายค่าอาหารมื้อเช้า นั่งโดยสารรถประจำทางก็เปิดแอปฯ สตรีมมิ่งดูความบันเทิงต่าง ๆ ไม่ก็ไถโซเชียลมีเดียอัปเดตข่าวสารตอนเช้า
ซึ่งก่อนที่จะมีแอปพลิเคชันมากมายให้เราไปดาวน์โหลดมาใช้ ทุก ๆ แอปฯ ล้วนแล้วแต่ต้องผ่านการ “ออกแบบ” มาก่อน ว่าจะต้องจัดวางอะไรไว้ตรงไหนเพื่อให้แอปฯ มีความสวยงาม น่าใช้ ง่ายต่อการใช้งาน ส่งเสริมให้ผู้ใช้งานอย่างเราเข้าถึง “ประสบการณ์ที่ดี” ความประทับใจที่อยากจะใช้งานแอปฯ นี้ต่อไป หรือในด้านฟังก์ชัน ที่เราสามารถใช้งานแอปฯ ต่าง ๆ ได้อย่างสะดวก ตอบโจทย์ในทุก ๆ อย่างที่เราต้องการ สิ่งเหล่านี้ก็ต้องถูกออกแบบมาแล้วเช่นกัน และสายงานที่เป็นผู้ออกแบบหน้าตาของแพลตฟอร์มออนไลน์ทั้งหลายเหล่านี้ก็คือ UX/UI Designer นั่นเอง
ซึ่งสายงานด้าน UX/UI หรือ User Experience และ User Interface เป็นสายงานด้านการออกแบบที่กำลังมาแรงมากในยุคนี้ คนที่ทำงานในสายงานนี้ คือนักออกแบบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์ดิจิทัลต่าง ๆ ยกตัวอย่างเรื่องการออกแบบแอปพลิเคชันของธนาคารต่าง ๆ ที่นอกจากต้องแสดงถึงเอกลักษณ์อัตลักษณ์ของธนาคารนั้น ๆ แล้ว ยังต้องคำนึงถึงเรื่องหน้าตาของแอปฯ ด้วย ว่าเปิดขึ้นมาแล้วรู้สึกน่าใช้งานต่อหรือไม่ ลูกค้าธนาคารดาวน์โหลดแล้วเปิดแอปฯ ขึ้นมาจะมีความประทับใจแรกอย่างไร สวยงาม ดูทันสมัย น่าใช้งาน หรือดูเชย หารายการในการทำธุรกรรมต่าง ๆ ก็ยาก ซึ่งถ้าผู้ใช้งานไม่พอใจ ก็มีผลต่อการให้คะแนน ตามด้วยคอมเมนต์ให้ไปปรับปรุง
User Experience และ User Interface คืออะไร
ก่อนจะไปทำความรู้จักกับนักออกแบบ UX/UI ก็ต้องรู้ก่อนว่า UX/UI คืออะไร โดย UX นั้นย่อมาจาก User Experience แปลตรงตัวคือ ประสบการณ์ผู้ใช้งาน UX Designer จึงต้องออกแบบผลิตภัณฑ์ดิจิทัลเพื่อให้ผู้ใช้งานมีประสบการณ์การใช้งานที่ดีให้ได้มากที่สุด ส่วน UI นั้นย่อมาจาก User Interface เป็นส่วนที่เชื่อมไปถึงตัวผู้ใช้งาน ผู้ใช้งานจะต้องรู้สึกว่าหน้าตาของผลิตภัณฑ์ดิจิทัลนี้มันน่าใช้ มันดูสวยงาม ทันสมัย สบายตา ง่ายต่อการหาเมนูต่าง ๆ เพื่อใช้งาน หรือก็คือหากในส่วนของ UI ทำออกมาได้ดี ก็ย่อมไปส่งเสริมให้ส่วนของ UX ให้ผู้ใช้งานมีประสบการณ์ที่ดีในการใช้ผลิตภัณฑ์ดิจิทัลชิ้นนั้น ๆ
หรือถ้าให้อธิบายว่า UX กับ UI นั้นแตกต่างกันอย่างไร พูดง่าย ๆ ก็คือ UX (User Experience) จะเน้นเกี่ยวข้องกับการออกแบบประสบการณ์การใช้งาน โดยให้ความสำคัญกับความต้องการ อารมณ์ และความรู้สึกของผู้ใช้งานเป็นหลัก ในขณะที่ UI (User Interface) จะให้ความสำคัญกับความสวยงาม และความใช้ง่ายเข้าใจง่ายของผู้ใช้ ซึ่งถ้าหากผู้ใช้งานรู้สึกประทับใจความสวยงาม ความใช้งานง่ายของแอปฯ ต่าง ๆ แล้ว มันก็จะช่วยส่งเสริมประสบการณ์ที่ทาง UX ออกแบบไว้อีกที เกิดประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้ใช้งาน
งานออกแบบ UX/UI ในยุคดิจิทัลสำคัญอย่างไร
เพราะคนเราต้องการเลือกใช้งานในสิ่งที่ดีและตอบโจทย์ตัวเองให้มากที่สุด แอปพลิเคชันที่สร้างขึ้นมาเพื่อประโยชน์ในการใช้งานเรื่องต่าง ๆ ไม่ได้มีเพียงแอปฯ เดียว มีนักพัฒนาหลายเจ้าที่ทำแอปพลิเคชันของตนออกมาแข่งขันกับผู้อื่น ในขณะเดียวกัน ผู้ใช้งานอย่างเราก็มีสิทธิ์เลือกที่จะใช้แอปฯ ที่ตนเองถูกใจมากกว่า แม้ว่าจะเป็นแอปฯ ที่มีการใช้ประโยชน์แบบเดียวกันก็ตาม
เหมือนที่เราอาจเคยได้เห็นการแสดงความคิดเห็นประเภท “เปรียบเทียบ” ว่าแอปฯ ธนาคารไหนใช้งานได้ง่ายกว่ากัน หรือมีรูปลักษณ์ที่น่าใช้งานมากกว่ากัน แอปฯ ธนาคารไหนใช้งานยาก กว่าจะเข้าไปทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้ทั้งเสียเวลาทั้งซับซ้อน มีรูปลักษณ์เชย ๆ เก่า ๆ ไม่ทันสมัย แถมยังล่มบ่อย ๆ มันเป็นประสบการณ์ที่ไม่ดีของผู้ใช้งาน ก็มีแนวโน้มว่าลูกค้าจะเลิกใช้งานทั้งแอปฯ ของธนาคาร และเลิกเป็นลูกค้าธนาคารนั้น ๆ ไปเลยก็ได้ เพราะถ้าไม่มีความผูกพันกับธนาคารนั้น ๆ แล้ว ก็จะได้ไม่จำเป็นต้องไปดาวน์โหลดแอปฯ นั้นของธนาคารมาใช้อีก
ดังนั้น UX Designer ก็เหมือนกับสถาปนิก ที่ถ้าหากคิดจะพัฒนาแอปฯ ขึ้นมา ก็ต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เขาต้องใช้งานแอปฯ บ่อย ๆ ว่าคนเหล่านั้นเขามีแอปฯ ในอุดมคติอย่างไร ต้องการให้แอปฯ ที่ใช้งานเป็นอย่างไร เพื่อที่จะได้ออกแบบแอปฯ มาให้ตอบโจทย์ เมื่อตอบโจทย์ก็สร้างความประทับใจ สร้างประสบการณ์ที่ดีได้ ส่วน UI Designer จะเป็นเหมือนมัณฑนากร ที่มีหน้าที่ตกแต่งความสวยงาม และออกแบบการใช้สอยประโยชน์ให้ใช้งานได้ง่าย ๆ จากโครงสร้างที่สถาปนิกออกแบบมาให้แล้ว เพื่อให้ผู้ใช้งานเข้าถึงประสบการณ์ที่ดีมากที่สุด ประทับใจแอปฯ ให้คะแนนสูง ๆ แนะนำ บอกต่อให้กับผู้ใช้งานคนอื่น
ซึ่งจะเห็นว่า UX และ UI นั้นต่างก็มีจุดประสงค์เหมือนกัน นั่นคือเรื่องของการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งาน ดังนั้น การทำ UX/UI ต้องควบคู่ไปด้วยกันเสมอ ถ้าจะสร้างประสบการณ์ที่ดี มันก็ต้องมีสิ่งที่ทำให้ผู้ใช้งานประทับใจมาคอยส่งเสริม และเมื่อผู้ใช้งานได้ประสบการณ์ที่ดีแล้ว ผู้ใช้งานก็จะให้คุณค่ากับสินค้าหรือบริการนั้น ๆ เพิ่มมากขึ้น การออกแบบ UX/UI จึงมีความสำคัญยิ่ง ทุกวันนี้คนเลือกซื้อสินค้าหรือบริการ ไม่ได้มองแค่ตัวสินค้า แต่คำนึงถึง คุณค่าที่จะได้รับจากการบริโภคสินค้าหรือบริการนั้น ๆ ดังนั้น การทำให้ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดี ใช้ง่าย เข้าถึงง่าย นั่นหมายถึงคนก็จะรู้สึกว่าสินค้าหรือบริการนี้คุ้มค่ามากขึ้น จึงช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจได้นั่นเอง
- ตอบสนองต่อความต้องการ: การใช้ UX จะทำให้รู้จักผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้นว่าผู้ใช้งานต้องการอะไร ซึ่งส่งผลให้สามารถออกแบบหรือสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจและตอบโจทย์ผู้ใช้งานได้
- ทำให้ใช้งานได้ง่าย: ในฐานะผู้ใช้งาน เราย่อมต้องการความง่ายในการใช้ประโยชน์จากสิ่งต่าง ๆ อยู่แล้ว ถ้าเปิดแอปพลิเคชันอะไรขึ้นมาสักอย่างแต่มันใช้งานยาก ซับซ้อน มีอุปสรรคมากมายเต็มไปหมด ก็ไม่มีใครอยากจะใช้งานต่อ การออกแบบ UX/UI จึงเข้ามาช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ได้ราบรื่นยิ่งขึ้น
- ทำให้เข้าถึงได้ง่าย: เพราะการออกแบบประสบการณ์ที่ดี ต้องทำให้เกิดความประทับใจในทุกด้าน ไม่ใช่แค่ใช้งานได้ดี ใช้งานง่ายเฉย ๆ แต่ต้องมีการเข้าถึงได้สะดวก ง่าย และรวดเร็วด้วย หากออกแบบตรงนี้ได้ ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ผู้ใช้งานเลือกผลิตภัณฑ์ได้มากขึ้น
- ทำให้สวยงาม: UI จะเข้ามาช่วยเรื่องรูปลักษณ์ การทำให้หน้าตาของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันดูสวยงาม สะอาดตา ทันสมัย เป็นมิตรต่อการใช้งาน จะช่วยเพิ่มความประทับใจให้กับผู้ใช้ได้
- สร้างความน่าเชื่อถือ: การใส่ใจต่อการสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีแก่ผู้ใช้งาน แสดงให้เห็นว่าพร้อมที่จะรับฟังฟีดแบ็กจากผู้ใช้งานที่ได้รับความไม่สะดวก และปรับปรุงเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานได้ดียิ่งขึ้น จึงสามารถช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้เพิ่มขึ้นได้
- รักษาลูกค้าเก่า: เมื่อได้รับประสบการณ์ใช้งานที่ดี ก็ย่อมเกิดความประทับใจ และความเชื่อมั่นว่าเป็นแอปฯ ที่ใช้งานแล้วตอบโจทย์กว่า ทำให้เกิดการใช้งานต่อ หรืออยากกลับมาใช้งานอีกครั้งเมื่อมีโอกาส
- ดึงดูดลูกค้าใหม่: เมื่อผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดี แน่นอนว่าอาจเกิดการบอกต่อแบบปากต่อปาก แอปฯ นี้ใช้งานดี ใช้งานง่าย รูปลักษณ์สวยงามน่าสนใจ ก็จะดึงดูดผู้ใช้งานใหม่ ๆ เข้ามาได้เหมือนกัน
อยากทำงานสาย UX/UI Disigner ต้องทำอย่างไร
จริง ๆ แล้ว ใคร ๆ ก็สามารถทำงานสาย UX/UI Designer ได้ อย่างไรก็ตาม ในการสมัครงาน คณะที่เรียนจบมาอาจมีผลต่อการพิจารณารับเข้าทำงานก็จริง เมื่อจบมาตรงสายก็แปลว่ามีความรู้ความเชี่ยวชาญในระดับที่สามารถทำงานได้ทันที แต่ก็อาจเป็นเรื่องรอง เพราะหลัก ๆ จะพิจารณาที่ Portfolio เพื่อดูไอเดียที่สร้างสรรค์ วิธีคิดงาน วิธีออกแบบงานที่สามารถนำไปใช้งานได้จริง และสร้างประสบการณ์ที่ดีแก่ผู้ใช้งานได้จริง ๆ มากกว่า เรื่องของความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา โดยต้องมีทักษะทั้งด้าน Hard Skill และ Soft Skill ทว่าก็เป็นความรู้และทักษะที่หาศึกษาและฝึกฝนได้นอกห้องเรียน เพราะฉะนั้น ถ้ามีความสามารถมากพอ ก็สามารถทำงานในสายงานนี้ได้
ส่วนทักษะที่จำเป็น หลัก ๆ แล้ว ในด้าน Hard Skill ต้องมีพื้นฐานความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ การเขียนโค้ด การออกแบบ จิตวิทยา พฤติกรรมศาสตร์ เพราะในการทำงานจริง จะมีเรื่องของการพัฒนา Customer Journey รวมไปถึง User Flow การออกแบบ ต้องร่างภาพต้นแบบ (Wireframe) การสร้างต้นแบบ (Prototype) และทดสอบกับผู้ใช้ (Testing) จึงต้องมีความรู้ความสามารถหลักในการออกแบบพื้นฐาน รู้องค์ประกอบศิลป์ มีความคิดสร้างสรรค์ มีความรู้เรื่องการแสดงผลสำหรับเว็บไซต์ และโทรศัพท์มือถือ มีความเข้าใจการออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการ และปัญหาที่แท้จริง
ส่วนด้าน Soft Skill ก็จะเป็นเรื่องของความสามารถทางอารมณ์ ความสามารถในการสื่อสารประสานงาน เพราะต้องสามารถอธิบายงานที่ออกแบบมาให้ผู้อื่นเข้าใจได้ เปิดใจรับการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เปิดใจรับคอมเมนต์เพื่อพัฒนางาน และปรับตัวอยู่เสมอ วิเคราะห์และแก้ไขปัญหาได้ดี มีความละเอียด รอบคอบ บริหารเวลาได้เป็นอย่างดี ทำงานเป็นทีมได้ หากเป็นหัวหน้าทีม ต้องมีความเป็นผู้นำ มีความยืดหยุ่นในการทำงาน และรับฟังความคิดเห็นลูกทีมได้ และมีการตัดสินใจที่เด็ดขาด
เนื่องจาก UX มีเป้าหมายที่จะสร้างประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานสินค้าหรือบริการ คนที่จะเป็น UX Designer จึงควรมีการลงไปทำความเข้าใจผู้ใช้งานจริงว่ามีปัญหาอะไรอยู่ มีความต้องการอะไร เพื่อที่จะนำข้อมูล และความต้องการเหล่านั้นมาแปลงเป็นวิธีแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่สามารถตอบความต้องการของคนเหล่านั้นได้ ก่อนจะออกแบบเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านั้น
ส่วน UI ที่มักจะทำงานต่อจากส่วนของ UX โดยมีเป้าหมายในการทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ที่เราใส่ลงไปในตัวสินค้าหรือบริการได้ง่าย เพื่อการใช้งานที่ง่าย ถูกตาต้องใจ คนที่จะเป็น UI Designer จึงต้องสามารถนำข้อมูลความต้องการของผู้ใช้งานมาแปลงเป็นหน้าตาของสินค้าหรือบริการ ผ่านการออกแบบ แล้วถ่ายทอดออกมาเป็นหน้าตาของเว็บไซต์หรือหน้าตาแอปพลิเคชันต่าง ๆ
ดังนั้น การทำงานของ UX Designer และ UI Designer จะส่งเสริมกันและกัน เพื่อให้ได้หน้าเว็บไซต์และแอปพลิเคชันที่ใช้งานง่าย สวยงาม สร้างประสบการณ์ที่ดี น่าประทับใจ และภาพจำที่ดีต่อแบรนด์นั้น ๆ ได้ คนทำงานสายนี้จึงต้องรอบรู้ทั้ง UX/UI เพื่อให้ครอบคลุมทุกประสบการณ์ที่ผู้ใช้มีต่อผลิตภัณฑ์หรือบริการ
โดยเฉพาะในยุคดิจิทัลแบบนี้ที่ผู้คนใช้ชีวิตอยู่กับเว็บไซต์และแอปพลิเคชันมากมาย การทำงานสายนี้จึงต้องคำนึงถึงความต้องการของผู้ใช้งาน ทั้งเรื่องของความสะดวก ความง่าย ความน่าสนใจในการใช้งานแพลตฟอร์ม และเพราะสิ่งต่าง ๆ ในยุคนี้ย้ายจากออฟไลน์มาออนไลน์เกือบทุกอย่างแล้ว นี่จึงเป็นศาสตร์ที่คนรุ่นใหม่น่าจะศึกษาไว้บ้าง ด้วยเป็นสายงานที่จะได้ไปต่ออีกนานในยุคดิจิทัล