ยุคนี้ญี่ปุ่นไล่ขยี้เยอรมัน!

ไม่น่าเชื่อว่าโลกลูกหนังทุกวันนี้ ทีมชาติญี่ปุ่นจะทำการไล่ต้อนทีม เยอรมนี ยักษ์ใหญ่แห่งยุโรปไปยับเยินถึง 4-1 ต้องบอกว่า “บูรพาผงาด” จริง ๆ แม้จะเป็นเพียงแมตช์อุ่นเครื่อง แต่โทษทีเถอะครับ มันเล่นกันบนแผ่นดินเมืองเบียร์ท่ามกลางสายตาแฟนบอลแน่นขนัดที่สนามโฟล์คสวาเกน สเตเดี้ยม แถมทีมของ ฮันซี่ ฟลิค ขนขุนพลชุดใหญ่ลงกันแบบครบเครื่องต้มยำ แล้วไฉนผลมันจึงออกมาเละเทะเป็นไส้กรอกโดนระเบิดเช่นนี้!!!

ด้านยุทธวิธีการเล่นนั้น “อินทรีเหล็ก” ทำการถอย โจชัว คิมมิช ลงไปเล่นแบ็กขวา อยู่ในแผงแบ็กโฟร์ร่วมกับ นิคลาส ซือเล่, อันโตนิโอ รูดิเกอร์ และนิโก้ ชล็อตเตอร์เบ็ค โดยกลางรับใช้เอ็มเร่ ชาน คู่กับ อิลคาย กุนโดกัน ปีกสองข้างคือ ลีรอย ซาเน่-แซร์จ กนาบรี้ ส่วนกองหน้าใช้ฟอลส์ไนน์อย่าง ไค ฮาแวร์ทซ์

ที่ผ่านมานั้น เยอรมนี แพ้ทางทีมจากเอเชีย แบบแก้ไม่หายอยู่เหมือนกันนะครับ เพราะจากฟุตบอลโลกสองครั้งหลัง พวกเขาต้องพลาดท่าเสียทีให้กับทีมจากแดนตะวันออก ทั้งเกาหลีใต้ 0-2 ในปี 2018 และญี่ปุ่น 1-2 ในปี 2022 กระเด็นตกรอบแรกทั้งสองสมัย

ตราบาปนั้นอาจเป็นเหมือนของแสลง และเที่ยวนี้พวกเขามาโดนตอกย้ำอีก เดือดร้อนขนาดหัวหน้าโค้ชอย่าง ฮันซี่ ฟลิค ถูกไล่ออกจากตำแหน่งกันเลยทีเดียว!

อย่างไรก็ดี งานนี้ต้องให้เครดิตทีมจากแดน “อาทิตย์อุทัย” ไปเต็ม ๆ เหมือนกัน นักเตะของพวกเขานั้นเปิดหน้าสู่กับ ผู้เล่นเยอรมันได้อย่างไม่กริ่งเกรง ไม่ต้องใช้แทคติคแบบลับ ๆ ล่อ ๆ อุดแล้วรอสวนกลับ หรือรอจังหวะเซตเพลย์เหมือนสมัยก่อน 

ค.ศ. นี้ แรงมาแรงกลับ บุกมาบุกกลับ เอ็งพลาดเมื่อไหร่ ข้าเล่นงานได้เมื่อนั้น 

สิ่งที่น่าสนใจในเกมคือ วิธีการเปิดเกมรุกโอเพนเพลย์เข้าใส่คู่ต่อสู้เพื่อจบสกอร์ของญี่ปุ่น มีวิธีการเข้าทำที่หลากหลายและรวดเร็ว แม่นยำ ไม่ต้องรอฟ้ารอฝนเหมือนสมัยก่อนแล้ว

น่ากลัวที่สุดคือเกมรุกจากริมเส้นด้านขวาของจุนยะ อิโตะ (สต๊าด เดอ แร็งส์) แล้วเปิดอย่างรวดเร็วเข้ากลางให้ศูนย์หน้าอย่าง อายาเสะ อูเอดะ (เฟเยนอร์ด) เข้าชาร์จเพื่อทำประตู ซึ่งเล่นงานทีมจากเมืองเบียร์จนปั่นป่วน อีกฝั่งก็มี คาโอรุ มิโตมะปีกซ้ายจากไบรท์ตันซึ่งมีความเร็วจัดจ้านเหมือนกัน

คงไม่มีเกมบุกใดที่อันตรายเท่ากับเกมจากริมเส้นทั้งสองฝั่งพร้อมกันอีกแล้วกระมังครับ!

ทีม “บลูซามูไร” ชุดนี้อย่างที่ทราบกันดีครับว่า ไม่ได้มีนักเตะแพ็กแน่นเล่นกันอยู่แต่ลีกในประเทศ แต่พวกเขากระจายตัวเป็น “สินค้าส่งออก” ไปเล่นกันทั่วทั้งยุโรป ทั้งพรีเมียร์ลีก บุนเดสลีกา ดัตช์ลีก และกัลโช่ เซเรียอา หรือแม้กระทั่ง ลีกเอิง ในทีมชาติชุดนี้ 90 เปอร์เซ็นต์สมองไหลออกนอกหมด ส่วนที่เหลือ 10 เปอร์เซ็นต์หรือ 3 คนเท่านั้นเองครับที่มาจาก เจลีก ของประเทศตัวเอง

เรียกว่ามาตรฐานฝีเท้า วินัย รวมทั้งสภาพจิตใจ ของแต่ละคนแข็งแกร่งแบบสุด ๆ ไม่ใช่เก่งแต่ในบ้านตัวเอง ถ้าทุกสัปดาห์สามารถยืนซดกับพวกยูโรเปียน ลาตินอเมริกา หรือยอดแข้งจากทั่วโลกนอกบ้านตัวเองได้ พอมารวมตัวเล่นทีมชาติก็ไม่ต้องกลัวอะไรใครอีก

ประโยชน์นั้นนอกจากจะแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ยังหาเงินเข้ากระเป๋าเข้าประเทศตัวเองได้อีก

แนวคิดที่ต้องลงทุนปั้นรอให้ลีกตัวเองแข็งแกร่ง น่าชมอย่างเดียวนั้นหมดสมัยไปแล้ว เพราะต้องใช้เวลานาน และเงินลงทุนเยอะ

สู้ปั้นนักฟุตบอลหรือบุคลากรให้เก่งตามโมเดลของญี่ปุ่นต่างหาก คือต้องเอาคนออกไปสู่ตลาดต่างประเทศให้ได้ ให้ไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ วิธีการ รวมทั้งวิธีคิด แล้วนำกลับมาพัฒนาคนในประเทศ และต้องให้โอกาสคนของเราได้พัฒนาด้วย ไม่ใช่เอะอะอะไรเอาต่างชาติมาอย่างเดียว

อนึ่ง ทีมปลาดิบชุดนี้ยังใช้เฮดโค้ชเป็นคนญี่ปุ่นเหมือนเดิมนะครับ นั่นก็คือ ฮาจิเมะ โมริยาสึ พาทีมถล่มอดีตแชมป์โลก 4 สมัยอย่าง เยอรมนี ได้หน้าตาเฉย (อีกครั้ง)

เท่ชะมัดเลย!