Mask Girl กับสังคมที่ว่า “เกิดมาไม่สวย ก็เหนื่อย (ไม่) หน่อยนะ”!

น่าจะประมาณเดือนที่แล้วมั้ง ที่ Netflix เริ่มปล่อยโปสเตอร์และทีเซอร์โปรโมตซีรีส์เรื่องใหม่ในโซเชียลมีเดีย ทีแรกไถจอผ่านไปแล้ว แต่ดันแว่บภาพของ “คนใส่หน้ากาก” ก็เลยเลื่อนย้อนลงมาดูแบบตั้งใจอีกรอบ ปรากฏว่าเป็นซีรีส์เรื่องใหม่ ใช้ชื่อว่า Mask Girl ที่เปิดตัวด้วยทีเซอร์โปรโมตอย่างว้าว ตัดตอนมาแบบชวนติดตามสุด ๆ แถมยังจั่วหัวว่าเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมด้วย เพราะมันเป็นของชอบก็เลยปักหมุดซีรีส์เรื่องนี้ไว้ จนได้มาเริ่มเปิดดูเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนตัวไม่ได้ดูลากยาว 7 ตอนจบ เพราะร่างกายบ่นมาว่าแกนอนไม่พอ โชคดีที่ไม่ดูยาว 7 ชั่วโมง ไม่งั้นดิ่งน่าดู

ภาพจาก IG: netflixkr

เพราะเรื่องราวของ Mask Girl เดินเรื่องอย่างดาร์กและชวนดิ่งสุด ๆ ไปเลย มันทำให้ประโยคหนึ่งที่โซเชียลมีเดียเคยคุยเล่นลอยเข้ามาในหัวเลยว่า “ถ้าเราเป็นคนสวย โลกจะใจดีกับเราเพิ่มขึ้น 300%” โทนของสีภาพที่ออกหม่น ๆ ไม่สดใสก็ชวนอึดอัดแล้ว มีภาพของความรุนแรงและเรื่องทางเพศเข้ามาเกี่ยวข้องอีก แถมการเลือกประเด็นมาเล่ามันก็ช่างจิกกัดสังคมได้แบบแสบทรวงด้วย เห็นว่าทำมาจากเว็บตูนก็ว่าจะต้องไปลองอ่านบ้าง แต่คงไม่ใช่ช่วงใกล้ ๆ นี้แน่ เพราะดูเวอร์ชันซีรีส์จบแล้วซึมเป็นส้วมเลย

Mask Girl เป็นเรื่องราวของหญิงสาวชื่อว่า “คิมโมมี” เธอก็มีความฝันอย่างที่คนอื่น ๆ ก็มีเหมือนกัน โดยเธอฝันอยากเป็นดารา เพราะเธอชอบร้องเล่นเต้นรำ เธอมีความสุขเวลาได้ยินเสียเชียร์และเสียงปรบมือ ทว่าอุปสรรคใหญ่หลวงของเธอ คือการที่ยิ่งเธอโตเป็นสาวรูปลักษณ์ของเธอกลับยิ่งห่างไกลจากความฝันมากขึ้นเรื่อย ๆ หน้าตาของเธอห่างไกลจากคำว่าสวยไปมาก มากถึงขั้นที่เธอนึกสงสัยมาตลอดเวลาว่าแม่ของเธอก็สวย แต่ทำไมเธอถึงไม่สวยเหมือนแม่ แต่ข้อดีของเธอก็คือเธอมีหุ่นที่เป๊ะปังมาก แค่แต่งตัวหน่อยก็สามารถเซ็กซี่ได้โดยไม่ต้องโป๊ น่าจะพอนึกออกนะว่าหุ่นแซ่บขนาดไหน แต่การเป็นคนที่ไม่ได้มีต้นทุนทางความงามมันก็จะเหนื่อยหน่อย

ภาพจาก IG: netflixkr

ด้วยความที่เธอห่างไกลจากความฝันแบบที่คงไม่สามารถเอื้อมมือไปถึงได้ด้วยหน้าตาธรรมดา ๆ เข้าขั้นขี้เหร่แบบนี้ เธอจึงทิ้งความฝันวัยเด็กของเธอ เรียนจบออกมาก็มาเป็นพนักงานออฟฟิศธรรมดา ๆ แต่ทว่าการร้องเล่นเต้นรำยังเป็นความสุขของเธอ เธอจึงเติมเต็มความฝันที่เป็นไปไม่ได้ด้วยการใช้หน้ากากปิดหน้าที่ไม่สวยของเธอไว้ ใส่วิกผม และแต่งตัวแซ่บ ๆ เต้นโชว์ในไลฟ์ของชุมชนออนไลน์ ด้วยหุ่นเป๊ะและการเต้นที่บางครั้งก็ออกจะยั่วยวน เธอจึงกลายเป็นสาวฮอตภายใต้ชื่อ Mask Girl มีแฟนคลับที่ส่วนใหญ่ก็เป็นสายหื่น ใคร ๆ ก็อยากเจอตัวจริง

ต่อมาเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เธอออกไปเจอคนในแชต คนที่แสร้งทำเป็นว่าไม่ตัดสินคนที่หน้าตา และรับได้ที่หน้าตาเธอไม่สวย ไม่เห็นจะเป็นอะไร แต่แท้จริงแล้วมันเป็นเรื่องหลอกลวง ช่วงชุลมุนกันอยู่มันก็เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น และเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าไปพัวพันในคดีฆาตกรรมของ Mask Girl มีผู้ชายอีกคนที่รู้ตัวจริงของเธอ และเขาก็ไม่ได้ต่างจากผู้ชายคนอื่น นำไปสู่เรื่องราวใหญ่โต จากประเด็นเรื่อง beauty standard การบูลลี่ ลามไปการคุกคามทางเพศ การข่มขืน การฆาตกรรม การศัลยกรรม การหลบหนีความผิด และการล้างแค้น ซีรีส์พาเราไปไกลมากจริง ๆ

ภาพจาก IG: netflixkr

หลังจากที่เรื่องราวจบลงแบบโศกนาฏกรรม คนดูก็ได้รู้ในที่สุดว่าจริง ๆ แล้วความฝันของคิมโมมี นอกจากเป็นคนดังภายใต้สปอตไลต์แล้ว ยังมีอีกอย่างที่มันเล็กน้อยมาก เธอแค่อยาก “เป็นที่รักของทุกคน” เท่านั้นเอง แต่ซีรีส์เรื่องนี้ทำให้เราเข้าใจคิมโมมีขึ้นมากว่า เธอผิดเหรอที่เธออยากเป็นที่รัก เธอผิดเหรอที่เธอเกิดมาไม่สวย แล้วเธอผิดเหรอที่เธออยากเป็นดาวเด่นจนต้องใช้หน้ากากปิดบังปมด้อยไว้ ทำไมสังคมถึงได้ใจร้ายและตัดสินเธอด้วยรูปลักษณ์ภายนอกง่าย ๆ แบบนี้ ซึ่งมันนำไปสู่การพบเจอกับตัวแปรที่ผิดเพี้ยน ทางเลือกที่ไม่ได้มีมาก จังหวะชีวิตเธอจึงบิดเบี้ยวไปอย่างน่าใจหาย คิมโมมีในตอนจบช่างห่างไกลจากคิมโมมีในตอนแรกเหลือเกิน

จะเป็นนักร้องด้วยหน้าตาแบบนี้เหรอ เลิกฝันซะเถอะ

คนที่บั่นทอนกำลังใจของเด็กและดูถูกความฝันของเด็กมากที่สุด คือ “พ่อแม่” และแม่ของคิมโมมีก็คือตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด เธอรู้ว่าลูกฝันอยากเป็นดารา เป็นนักร้อง อยากอยู่หน้ากล้อง อยากมีคนสนใจปรบมือและส่งเสียงเชียร์ แต่ยิ่งลูกสาวเธอโตขึ้น ความฝันก็ยิ่งเลือนรางด้วยหน้าตาของเธอที่ไม่ได้ดีงามถึงขนาดจะไปทำอาชีพแบบที่ฝันได้ แต่แทนที่แม่จะคอยสนับสนุนเท่าที่เป็นไปได้ คอยให้กำลังใจ คอยเสริมสร้างความมั่นใจและช่วยสร้างศรัทธาในสิ่งที่ลูกทำ เธอกลับทำลายความฝันของลูกตัวเองด้วยคำพูดบั่นทอนและเหยียดหยาม ว่า “จะเป็นนักร้องด้วยหน้าตาแบบนี้เหรอ เลิกฝันซะเถอะ” ไหนจะเวลาที่ลูกร้องเล่นเต้นรำแบบที่ตัวเองชอบ แม่ก็จะค่อนขอดตลอดว่าทำอะไรไร้สาระ

ภาพจาก IG: netflixkr

แต่เชื่อไหมว่าพ่อแม่แบบคิมโมมีไม่ได้มีแค่ในละคร และชีวิตจริงก็ไม่ได้มีแค่คนเดียว คนอย่างแม่คิมโมมีที่ดูแคลนความสามารถของลูกตัวเองเนี่ยมีเป็นโขยง ไม่สนักสนุนไม่เท่าไร แต่ยังไม่เชื่อใจ ไม่เชื่อมั่นในตัวลูกเลยสักนิด แม่หลายคนอาจจะอ้างว่าไม่อยากจะไปให้ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ กับลูก ถ้าลูกพยายามอย่างมากและผิดหวังกับมันมากลูกก็จะเสียใจ กลัวลูกรับไม่ได้ แต่ไม่คิดบ้างเหรอว่าการกระทำจากคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ มันทำให้ลูกเจ็บปวดได้มากที่สุด เสียใจจากคนร้อยคนยังไม่เท่ากับที่พ่อแม่ทำให้เสียใจครั้งเดียวเลยด้วยซ้ำ ลูกมันคิดตลอดแหละว่าทำไมพ่อแม่ถึงทำกับตัวเองแบบนี้ ทำไมถึงทำลายความฝันของลูกได้ลงคอ

ขนาดแม่ยังตัดสินลูกที่เปลือกนอกไปแล้วเรียบร้อย ว่าลูกจะไปทำตามความฝันทั้งที่หน้าตาแบบนี้ได้ยังไง บวกกับค่านิยมของสังคมที่เอามาตรฐานความงามมาใช้ตัดสินคนที่ภายนอกแบบสั้น ๆ ง่าย ๆ จึงเกิดคนแบบคิมโมมีขึ้นอย่างซ้ำ ๆ และช้า ๆ อยู่บนโลกใบนี้ แค่คนอื่นที่ตัดสินเราด้วยรูปลักษณ์จากภายนอกว่าแย่แล้ว นี่คนเป็นพ่อเป็นแม่ของเราเชียวนะ คิดว่าลูกจะไม่รู้สึกอะไรจริง ๆ เหรอ เด็กไม่ได้คิดไม่เป็นขนาดนั้น และเด็กก็มีความรู้สึก

ภาพจาก IG: netflixkr

แต่ถึงขนาดชีวิตของตัวเองเจอมากับแม่แบบนี้ คิมโมมีเองก็ไม่ได้คิดว่าเป็นปมที่เธอต้องเอาไปใช้ตัดสินลูกแบบที่ตัวเองเจอ เธอถึงได้ตัดสินใจแล้วไงว่าต่อให้ลูกของเธอจะขี้เหร่หรือน่าเกลียดแค่ไหน เธอก็ยังจะสร้างความมั่นใจให้ลูกเธอว่าลูกเธอสวย หน้าไม่สวยสามารถพึ่งมีดหมอให้สวยได้ แต่ความน้อยเนื้อต่ำใจว่าแม่ไม่รักเนี่ยทำเอาคิดมากไปจนวันตายเลยนะ และเชื่อว่าเธอคงตั้งใจที่จะเลี้ยงลูกแบบที่สนับสนุนให้ได้ทำตามความฝันของตัวเองทุกอย่าง สนับสนุนทั้งกายและใจ น่าเสียใจที่เธอไม่ได้เลี้ยงลูกเอง แถมลูกของเธอก็ยังวนเวียนอยู่กับการถูกสังคมบูลลี่ ตราหน้าว่าเป็นลูกฆาตกรอีก ทุกอย่างมันคงจะวนลูปไม่รู้จบ ถ้าเราคิดกันไม่ได้ว่าต้องหยุดวงจรแบบนี้ เริ่มที่ครอบครัวเลย

เชื่อว่าคนทุกคนที่เกิดมาเป็นแบบคิมโมมี คงจะมีคำถามติดหัวมาเสมอ “มันผิดมากนักเหรอที่ฉันเกิดมาไม่สวย” ซึ่งจริง ๆ แล้วคือ ไม่! มันไม่ผิดเลย สิ่งที่ผิดคือ “มาตรฐานความงาม” ที่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนกำหนดและตัดสินต่างหาก มาตรฐานที่ว่านับวันมันยิ่งบิดเบี้ยวจนแบ่งแยกมนุษย์ด้วยกันเองออกเป็นคนที่ตรงตามมาตรฐาน กับคนที่ไม่ได้มาตรฐาน และถึงขั้นที่ต้องมาบูลลี่กันเหยียดกัน เลือกปฏิบัติกันอย่างน่ารังเกียจ คือสังคมมันจะน่ารักกว่านี้มาก ๆ เลยนะ ถ้าโลกจะใจดีกับทุกคนแบบเท่าเทียมกัน ไม่เอารูปร่างหน้าตา เพศ หรืออะไรก็ตามมาแบ่งแยกศักดิ์ศรีความเป็นคน

ภาพจาก IG: netflixkr

“ถ้าคุณหน้าตาดี โลกจะใจดีกับคุณ” คำนี้ไม่เกินจริงเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ว่าจะสังคมยุคไหน คนที่หน้าตาไม่เข้าหมวดค่านิยมของสังคมก็มักจะถูกปฏิบัติอีกแบบเสมอ หลายคนต้องอยู่เงียบ ๆ และเก็บตัวด้วยความความเจียมตัว แต่หลายคนก็ยังสู้ สู้จนกว่าจะชนะ สู้จนกว่าจะมีที่ยืนขึ้นไปเบียดคนอื่นได้ แต่มันก็อยู่ที่พื้นฐานครอบครัวด้วยว่าหล่อหลอมพวกเขามาเข้มแข็งแค่ไหน ทุกคนที่ผ่านมันไปได้คือเก่งมาก ๆ เพราะถึงแม้ว่าจะมีประโยคปลอบประโลมใจว่า “ทุกคนสวยในแบบของตัวเอง” แต่การที่โลกของเราใจร้ายกับคนที่ไม่หล่อไม่สวยตาม beauty standard ขนาดนี้ “การสวยในสายตาของคนอื่น ๆ ด้วยมันจึงดีกว่า” ฉะนั้น กับบางคนก็อย่าไปค่อนขอดใครเรื่องทำศัลยกรรมเลย

ฉันจำเป็นต้องทำแบบนี้เพื่อหาเช้ากินค่ำ เพราะอยากเลี้ยงไอ้ลูกคนนี้ให้ได้ดี

ฟังดูเผิน ๆ ก็ดูเหมือนว่าแม่จะเป็นแม่ที่ดี แม่ที่ต้องทำทุกอย่างเพื่อหาเลี้งลูก แม่ที่หาเช้ากินค่ำเพราะอยากจะมีเงินมาก ๆ จะได้เอาไปเลี้ยงลูกให้ดี ๆ แต่ว่านะ “แม่ที่ดี” ในสายตาของแม่ที่พยายามจะนิยามตัวเอง กับ “แม่ที่ดี” ในสายตาลูก และ “แม่ที่ดี” ในสายตาชาวโลก มันอาจจะไม่เหมือนกันก็ได้

ภาพจาก IG: netflixkr

ในความเป็นจริงก็คงไม่มีใครไปชี้แนะได้หรอกว่าแม่ที่ดีต้องเป็นยังไง ต้องเลี้ยงลูกแบบไหนถึงจะเป็นแม่ที่ดี เพราะแม่แต่ละคนมีวิธีเลี้ยงลูกแตกต่างกันออกไป ปกติแล้วแม่ทุกคนจะเชื่อว่าตัวเองพยายามอย่างดีที่สุดแล้วที่จะเลี้ยงลูกให้ได้ดี ถ้าไม่เชื่อแบบนั้นก็คงจะเปลี่ยนวิธีเลี้ยงลูกแล้วล่ะถูกไหม? โดยที่เชื่อว่าวิธีที่ตัวเองทำมันถูกต้องและเลี้ยงลูกจนเติบโตขึ้นมาได้ดีจริง ๆ แบบที่ตัวละครคิมคยองจา (แม่ของจูโอนัม) คิด เธอเป็นแม่ที่รักลูกมาก แต่เลี้ยงลูกแบบขาด ๆ เกิน ๆ อันนั้นมากเกิน อันนี้ขาดหายไป และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการแสดงออกของเธอที่ลูกไม่สามารถสัมผัสความรักจากเธอได้เลยสักนิดเดียว เขาอึดอัดกับแม่มากจนพยายามที่ออกมาอยู่คนเดียว และหมกมุ่นจนเริ่มผิดปกติ

ด้วยความที่ซีรีส์เรื่องนี้จะเล่าเรื่องเป็นตอน ๆ แต่ละตอนจะนำเสนอเรื่องราวจากสายตาและมุมมองของตัวละครตัวใดตัวหนึ่งโดยเฉพาะ ในตอนที่สองเป็นตอนของจูโอนัมที่บอกเล่าชีวิตของเขาตั้งแต่เด็กจนโต เรื่อยมาจนถึงตอนทำงานและตอนที่หมกมุ่นอยู่กับโลกจินตนาการเพราะโลกจริงเลวร้ายกับเขามาก เขาเป็นโอตาคุการ์ตูนและไอดอล และเป็นแฟนคลับที่คลั่งไคล้ Mask Girl มาก เมื่อเขารู้ตัวจริงของเธอเขาก็ตกหลุมรักเธอ และหลังจากที่พบจุดจบบางอย่าง มัน เป็นต้นเหตุที่นำไปสู่เรื่องราวการตามหาตัวเขา โดยแม่ที่ติดต่อเขาไม่ได้ และในตอนที่สามเรื่องก็เล่าเรื่องราวของตัวละครที่เป็นแม่ ทำให้เราได้รู้แล้วว่าปัญหาของจูโอนัมอยู่ตรงไหน

ภาพจาก IG: netflixkr

ไม่ใช่แค่เรื่องที่เขาเป็นเด็กชายตัวอ้วนเตี้ยเลยถูกเพื่อนที่โรงเรียนเอาแต่รุมบูลลี่ แต่มันลงลึกไปถึงว่าแม่ของเขาไม่เคยใส่ใจชีวิตลับหลังสายตาแม่เท่าที่ควร ลูกทำของหายก็เปิดฉากด่าก่อนโดยที่ไม่รู้ว่าลูกถูกเพื่อนแกล้ง ลูกจะบอกความจริงว่าโดนเพื่อนเอาไปก็บอกลูกว่าอย่ามาโกหก ลูกเลยไม่กล้าพูดออกไปเพราะแม่จะเข้าใจว่าเขาทำหายเองแต่โกหกเอาตัวรอด ลูกถูกรุมทำร้ายเนื้อตัวฟกช้ำ ความที่กลัวแม่จะไม่เข้าใจเลยโกหกไปเลยว่าหกล้ม แม่ก็ไม่คิดที่ใจเอะใจ กลับบ่นว่าลูกทำตัวเฟอะฟะอีกต่างหาก ลูกมีหมากฝรั่งติดหัวมา แม่ก็ยังไม่สงสัยอีกว่าลูกอาจเจอเรื่องไม่ดี ยังทำกับลูกปกติเหมือนเป็นเรื่องปกติ แค่คิดว่าตัวเองอาจดูแลลูกไม่ดี แต่ไม่เคยซักไซ้ให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกที่โรงเรียน

เธอเป็นแม่ที่รักลูก ยอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะเลี้ยงลูกให้ดี แต่เธอไม่เคยเอาใจใส่ลูกตัวเอง ไม่รู้จักลูกเลยด้วยซ้ำ เธอไม่รู้ว่าเขามีชีวิตขมขื่นแค่ไหนเวลาอยู่โรงเรียน เขาอึดอัดแค่ไหนเวลาอยู่กับแม่ที่ไม่เคยแสดงการเอาใจใส่ ไม่เคยแสดงออกว่ารัก ไม่เคยจะพูดจาดี ๆ ต้องคำสบถหลุดออกมาเสมอ ชอบบ่นว่าเขาเป็นคนผิดตลอด บางทีก็ตวาดเสียงดัง เขาเลยปิดตัวเองกับแม่ แม่แทบไม่รู้จักตัวตนของลูกเลยว่าเป็นยังไง พอโตมาก็ยังคาดหวังและกดดันอยากจะให้ลูกเป็นแบบที่ลูกคนอื่นเขาทำ แล้วรู้สึกว่าตัวเองเลี้ยงลูกมาไม่ได้ดั่งใจ แต่กลับเชื่ออย่างเต็มอกว่าลูกตัวเองเป็นคนดี

ภาพจาก IG: netflixkr

แม่ที่บอกว่าทำได้ทุกอย่างเพื่อลูกชาย ขนาดที่ทิ้งทุกอย่างและทำอะไรก็ได้เพื่อตามล้างแค้นคนที่ฆ่าลูกตัวเอง ทว่ากลับไม่เคยรู้จักลูกชายตัวเองเลยว่าเขาเป็นคนแบบไหน ลูกทำอะไรเธอไม่เคยรู้ จนกระทั่งลูกตัวเองตายและเรื่องจบลง เธอก็ไม่เคยรู้ว่าจริง ๆ ลูกตัวเองนิสัยเป็นแบบไหน มีปัญหาอะไรในชีวิต และไปทำเรื่องเลวร้ายอะไรกับใครเขามาบ้าง ที่ผ่านมาเธอเอาแต่ทำงานหาเงินเพื่อจะได้มีเงินให้ลูกใช้ มีเงินส่งเสียให้เรียนหนังสือสูง ๆ และมีชีวิตที่ดี แต่ไม่เคยลงมาเลี้ยงลูกด้วยความเอาใจใส่และให้ความอบอุ่นเลย ซึ่งจริง ๆ แล้ว ถ้าเธอทำงานหนักน้อยลงกว่านี้อีกนิด แล้วเอาเวลาไปให้กับลูกเพิ่มอีกสักหน่อย คุยกับลูกบ่อย ๆ เธออาจจะรู้จักลูกดีขึ้น และทุกคนอาจไม่ได้มีจุดจบเช่นนี้ก็ได้

ฉันน่ะ จะชมลูกว่าสวย ถึงลูกฉันจะน่าเกลียดยังไง ฉันก็จะบอกว่าลูกฉันสวย

ถ้าจะบอกว่าเรื่องของ beauty standard เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวโศกนาฏกรรมทั้งหลายทั้งปวงในซีรีส์ Mask Girl ก็คงจะไม่ผิดนักหรอก เชื่อว่าใคร ๆ ก็ดูออก แต่จริง ๆ แล้วมันยังมีอยู่อีกจุดหนึ่งที่เป็นองค์ประกอบสำคัญ นั่นก็คือ “ความรักและการเอาใจใส่จากคนรอบข้าง” โดยเฉพาะครอบครัว ต้องบอกว่าปัญหาจริง ๆ ของทั้งคิมโมมีและจูโอนัมนั้นอาจจะไม่ใช่หน้าตาและรูปร่าง แต่มันคือการที่ทั้งคู่ขาดความรักและการเอาใจใส่มากกว่า ซึ่งถ้าดูจากเรื่องราวความเป็นมาของทั้งคู่ จะพบว่ามันเริ่มต้นมาจากครอบครัวของพวกเขานั่นเอง

ภาพจาก IG: netflixkr

ในวัยอนุบาล คิมโมมีเคยได้รับการสนับสนุนจากแม่ให้ได้ทำกิจกรรมโรงเรียน จนได้ค้นพบตัวเองว่ามีความใฝ่ฝันอยากจะอยู่บนเวทีภายใต้แสงสว่าง อยากอยู่หน้ากล้องถ่ายรูปและผู้ชม มีไฟสาดส่อง มีสายตามากมายที่คอยให้ความสนใจ แต่พอโตขึ้นมาอีกนิด แม่กลับเริ่มมีคำพูดที่บั่นทอนกำลังใจลูก ในเมื่อแกหน้าตาไม่สวย แกก็ต้องอยู่อย่างเจียมเนื้อเจียมตัวนะ อย่าได้ริอ่านจะฝันไกลที่จะเป็นดารานักร้องด้วยหน้าตาแบบนี้ ความน้อยเนื้อต่ำใจถูกแสดงออกให้เห็นชัดเจนจากบทสนทนาที่เธอคุยกับคิมชุนแอ ที่เธอบอกว่า “แม่ไม่เคยชมว่าฉันสวยเลยแม้แต่ครั้งเดียว”

ส่วนจูโอนัม เด็กผู้ชายที่เติบโตแบบขาดการดูแลเอาใจใส่ เพราะแม่ของเขามัวแต่ทำงานงก ๆ ด้วยความตั้งใจที่อยากจะเลี้ยงลูกให้ได้ดี แต่แม่กลับไม่เคยรู้เลยว่าโลกของลูกชายเป็นแบบไหน การที่เขามีรูปร่างอ้วนเตี้ย มันทำให้เขาต้องถูกกลุ่มเพื่อนที่โรงเรียนกลั่นแกล้งรังแกมาโดยตลอด กลายเป็นคนชั้นต่ำจากการถูกปฏิบัติอย่างโหดร้ายและทารุณ วิธีเดียวที่จะปลอดภัย คือการอยู่อย่างไร้ตัวตนให้มากที่สุด เขากลายเป็นคนกลัวสังคม เก็บตัว หมกมุ่นตัวเองอยู่กับการ์ตูนเพราะมันเป็นความสุขเพียงอย่างเดียว แต่ในขณะเดียวกัน แม่กลับไม่รู้จักลูกชายตัวเองเลยสักนิด ไม่เคยรู้เลยว่าวัน ๆ หนึ่งลูกต้องเจออะไรบ้าง ดุด่าแรง ๆ ทั้งที่ไม่เคยถามอะไรเลย และไม่เคยรู้เลยว่าลูกอึดอัดกับแม่มากแค่ไหน

ภาพจาก IG: netflixkr

เรื่องมันจะเปลี่ยนไปแบบพลิกกลับขั้วเลยนะ ถ้าหากแม่ของคิมโมมีจะเอ่ยปากชมลูกตัวเองสักนิดว่าลูกสวย ให้เธอได้รู้สึกว่าแม่อยู่ข้างเธอเสมอ แม่ภาคภูมิใจในตัวเธอ และคอยให้กำลังใจเธอให้เธอสามารถแข็งแกร่งได้ด้วยตัวเอง มีความมั่นใจในตัวเอง มีความนับถือตัวเอง และมีความกล้าที่จะเปิดหน้าของตัวเองตามความฝัน มันอาจจะยาก แต่คิมโมมีจะไม่ใช่คนที่ต้องแสวงหาคุณค่าในตัวเองด้วยการใส่หน้ากากเพื่อแสดงความสามารถที่ตัวเองมีแบบที่ทำ ด้วยหน้าตาที่ไม่สวย เธออาจต้องพิสูจน์ความสามารถนานสักหน่อย แต่เธอจะไม่หมดศรัทธาในตัวเองง่าย ๆ และไม่ทิ้งความฝันของตัวเองไปแบบนี้ คุณค่าของเราที่คนใกล้ตัวมอบให้น่ะสำคัญหล่อเลี้ยงหัวใจเราได้ดีที่สุดแล้ว

ในขณะเดียวกัน หากแม่ของจูโอนัมจะเอาใจใส่กับลูกให้มากกว่านี้อีกสักนิด สนใจบ้างว่าวัน ๆ ลูกพบเจออะไรเลวร้ายมาบ้าง ถามและรอคำตอบก่อนที่จะเอ่ยปากดุด่าลูกแรง ๆ ตลอดเวลา ลดความคาดหวังและความกดดันในตัวลูกลงมาหน่อย แล้วมองให้ออกว่าตัวเองเลี้ยงมาแบบปล่อยปละละเลยแค่ไหน ทำความรู้จักโลกของลูกในเวลาที่ลับหลังตัวเองบ้างว่าเขาเป็นคนแบบไหน ไม่ใช่ดันทุรังจะเชื่อว่า “ลูกฉันเป็นคนดี” ทั้งที่ไม่เคยรู้จักตัวจริงลูกเลยแบบนี้ จากการที่เธอตามจองเวรคิมโมมีขนาดนั้น เรา ๆ รับรู้ได้แหละว่าเธอรักลูกมากและทำได้ทุกอย่างเพื่อลูก แต่สิ่งที่เธอแสดงออก ทุกอย่างไม่สามารถทำให้ลูกของเธอสัมผัสได้เลยว่าเธอรักเขามาก ที่จูโอนัมมีจุดจบแบบนี้ แม่เองก็มีส่วนที่จุดเริ่มต้น

ภาพจาก IG: netflixkr

ดังนั้น เรื่องของความรักและการเอาใจใส่จากคนรอบตัว น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่แท้จริงที่พาทั้งคิมโมมีและจูโอนัมไปมีจุดจบแบบนั้นมากกว่าเรื่องของ beauty standard เด็กที่เติบโตมาดี พ่อแม่รักและเอาใจใส่เป็นอย่างดี ต่อให้รูปร่างหน้าตาจะไม่ตรงตาม beauty standard ก็เถอะ มีถมเถไปที่คนเหล่านี้สามารถประสบความสำเร็จด้วยขาของตัวเองอย่างแข็งแกร่ง เพราะพวกเขามีกำลังใจดี มีฐานความมั่นใจในความสามารถของตัวเอง นับถือและศรัทธาในตัวเอง ต่อให้ใครจะมาชี้หน้าด่าว่าพวกเขาไม่หล่อไม่สวย มันก็ไม่ได้กระทบกระเทือนจิตใจพวกเขาหรอก ในเมื่อพวกเขาไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นปมด้อยมาตั้งแต่แรก พวกเขาจะไม่สนใจสายตาที่คนอื่นมองและหยาม เพราะมัวแต่สนใจสิ่งที่ตัวเองทำ

ส่วนตัวเชื่อว่าคนทุกคนที่ไม่ได้สวยหล่อตาม beauty standard ของสังคม ถ้าไม่ใช่คนที่อีโก้สูงจนไม่เห็นตัวเอง หรือมั่นหน้ามั่นโหนกแบบผิด ๆ จนไม่ปกติ คนเหล่านี้รู้ตัวดีอยู่แล้วว่าตัวเองมีอุปสรรคอะไรในการต้องมีชีวิตอยู่บนโลกที่ใจดีแค่กับคนสวยคนหล่อ ส่วนคนไม่สวยไม่หล่อก็จะผิดตลอด (ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ความผิดของพวกเขาเลยก็เถอะ) แต่…อะไร ๆ มันคงจะดีต่อใจของพวกเขามากกว่า ถ้าคนใกล้ตัวยอมรับตัวตนของเขาในแบบที่เขาเป็น และพยายามที่จะให้กำลังใจพวกเขาได้มีความมั่นใจมากขึ้นในการต่อสู้กับความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นเฉพาะคนที่หน้าตาไม่ดี โลกที่ลืมว่าศักดิ์ศรีความเป็นคนเราเท่ากัน คนแบบพวกเขาต้องเหนื่อยกว่าคนหน้าตาดีที่โลกใจดีด้วยเสมอ นี่แหละโลกใบนี้!

ภาพจาก IG: netflixkr

ท้ายสุดนี้ สำหรับซีรีส์เรื่อง Mask Girl ที่หลายคนบอกว่าเนื้อเรื่องสนุกมาก เรื่องดีมาก แต่หลาย ๆ คนก็อาจจะรู้สึกว่าไม่ได้สนุกขนาดนั้นซะหน่อย คนที่บ่นว่าเรื่องออกนอกทะเลก็มี แต่จริง ๆ เรื่องนี้นำเสนออะไรเหรอเราถึงต้องการความสนุกขนาดนั้น สิ่งที่เรื่องนี้เล่ามันเรียลมากนะ เพราะโลกเราปฏิบัติแบบนี้กับคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้สวยหล่อตาม beauty standard จริง ๆ ชีวิตจริงของคนแบบคิมโมมีที่ต้องเจออะไรแบบนี้มาตลอดชีวิตก็คงสนุกไม่ออกเหมือนกัน ซีรีส์เรื่องนี้ที่เคลมว่าแนวตลกร้าย เอาจริงคือต้องตัดคำว่าตลกทิ้ง เพราะมันร้ายอย่างเดียว ร้ายมาก ๆ ด้วย พาเราด่ำดิ่งสู่ความดาร์กที่สุดแสนจะหดหู่เลยล่ะ

ไม่ว่าจะดูแล้วสนุกหรือไม่สนุกก็ตาม แต่ถ้าดูแล้วเกิดคำถามว่าตัวซีรีส์มันไปไกลขนาดนั้นได้ยังไง (ที่บางคนบอกว่าออกทะเล) ต้องบอกว่าคุณมาถูกทางแล้ว เพราะชีวิตจริงเราก็แบบนี้แหละ อะไร ๆ มันไม่ได้สมเหตุสมผลทุกอย่างหรอก พฤติกรรมของตัวละครไม่ใช่ประเภทไม่สวยแล้วพาล ขี้แพ้ชวนตีอะไรแบบนั้น แต่มันเป็นผลมาจากการที่โดนกระทำมานาน มันเป็นปมที่กัดกินในใจอย่างเจ็บปวดเสมอมากับการถูกปฏิบัติอย่างเลวร้าย ในเมื่อโลกไม่ใจดีกับพวกเขาแล้วทำไมเขายังต้องใจดีกับโลกด้วย จนเกิดเป็นปรากฏการณ์แบบน้ำผึ้งหยดเดียวหรือ butterfly effect ที่มันสามารถนำพาชีวิตเราไปไกลได้ขนาดนี้เลยล่ะ จุดเริ่มต้นเล็ก ๆ นำไปสู่เหตุการณ์ต่อเนื่องที่ใหญ่ขึ้นมากทีเดียว🎭