My Lovely Liar ภารกิจจับคนโกหก แต่ดันเจอความรักซะได้

ช่วงที่ผ่านมา นี่เป็นคนหนึ่งที่ประสบปัญหา “อิ่มตัว” ในการดูซีรีส์ แต่ก่อนติดทีละ 4-5 เรื่อง ต้องมาจัดคิวจัดตารางดูให้ลงตัว แต่ในช่วงที่เบื่อ ๆ เนี่ย แทบจะไม่ติดซีรีส์เรื่องไหนเป็นพิเศษเลย ที่ลิสต์ไว้ว่าจะดูต่อมันก็มีนะ แต่ยังไม่มีอารมณ์กลับไปดู แล้วมันก็ทำให้รู้สึกด้วยว่าช่วงนั้นไม่ค่อยมีซีรีส์น่าดูเลย ทั้งที่จริง ๆ เรื่องที่สนุก ๆ พล็อตลึกลับแบบที่ชอบก็มีหลายเรื่อง แค่ใจมันไม่ค่อยสู้เท่านั้นเอง

แต่เหมือนว่าช่วงนี้จะกลับมามีไฟและฮึกเหิมกับการดูซีรีส์อีกครั้งแล้วล่ะ เพราะซีรีส์ภาคต่อต่อคิวลงจอเพียบ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ดูมาตั้งแต่ภาคแรกที่ตัดจบไปไม่เคลียร์เลยอยากตามต่อ แล้วก็มีอีกหลายเรื่องทีเดียวที่พล็อตน่าสนใจ พระเอกนางเอกเคมีดีน่าตามต่อ หนึ่งในนั้นก็ต้องมีเรื่องนี้ด้วยแหละ ยิงยาว 4 ตอนรวดในคืนเดียว ทั้งที่ตอนก่อนเปิดดูตอนแรกยังทำตัวโอ้เอ้อยู่เลย จบตอนแรกต่อตอน 2 ยังเอามือถือมาไถเล่นก่อนรอฤกษ์ แต่พอจบตอน 2 ปุ๊บต้องเปิดต่อตอน 3 ปั๊บ และจบตอน 3 ก็เปิด 4 ต่อทันที และตอนนี้กำลังรอวันจันทร์ ตอน 5 ต้องรีบเข้าแล้ว

My Lovely Liar เป็นเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งผู้มีพรสวรรค์ที่ไม่รู้ว่าพระเจ้าหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์ไหนประทานมาให้ (ต้องไปดูแล้วจะรู้ว่าทำไม) ความสามารถนั้นก็คือ “เธอได้ยินคำโกหก” ในหูของเธอเหมือนมีเครื่องจับเท็จ ทุกครั้งที่มีคนพูดโกหกโดยที่เธอได้ยินกับหูของตัวเอง จะมีเสียงระฆังดังในหู เป็นสัญญาณบอกว่าคนคนนั้นกำลังพูดโกหก ทุกวันนี้ เธอหากินกับความสามารถพิเศษนี้ของตัวเอง รับจ้างเป็น “นักล่าคนโกหก ผู้รับใช้จิตวิญญาณแห่งความจริง” ซึ่งรายได้ดีมาก ลูกค้าของเธอแต่ละคนมีแต่คนเงินหนา เธอทำงานนี้จนจัดได้ว่าเป็นคนรวยท่านหนึ่งเลยก็ว่าได้ แต่เธอกลับเก็บสะสมค่าจ้างในรูปของทองแท่งเก็บใส่ตู้เซฟ ไม่ได้เอามาใช้ฟุ่มเฟือยหาความสุขใส่ตัว

ภาพจาก FB: tvN drama

แต่แล้ววันหนึ่งชีวิตของเธอก็ได้เข้าไปพัวพันกับผู้ชายคนหนึ่งที่เขาย้ายบ้านมาอยู่ข้างห้องของเธอ ตัวตนของเขาช่างน่าสงสัยเพราะชอบทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ดูเป็นคนปริศนาที่มีคอนเซปต์ลึกลับให้ดูน่าค้นหา เขามักจะสวมแมสก์ตลอดเวลาที่อาจจะเจอหน้าคนอื่น เขาดูแตกต่างจากคนอื่น ๆ ในสังคมอย่างชัดเจน แต่มีเรื่องหนึ่งที่เขากับเธอเหมือนกัน คือเป็นแฟนบอลตัวยง แต่เชียร์กันคนละทีม! เธอสนใจเขามากเพราะตั้งแต่ที่เริ่มรู้จักกันมา เธอไม่เคยได้ยินเสียงระฆังที่ฟ้องว่าเขาพูดโกหกเลยสักครั้ง ทีแรกเธอเชื่อว่าเขาพูดแต่ความจริง แต่หลัง ๆ เธอเข้าใจว่าพรวิเศษของเธอน่าจะพังเวลาอยู่กับเขามากกว่า จนกระทั่งในคืนหนึ่ง ที่เธอได้ยินเสียงระฆังดังก้องในหู เพราะเขาพูดว่า “ผมไม่ได้ฆ่าเธอ”

คำโกหกที่คนใช้กันบ่อยที่สุดคืออะไรรู้ไหม คำว่า “ไม่เป็นไร” นี่แหละ

ภาพจาก FB: tvN drama

สัจธรรมของโลกนี้คือ ไม่มีใครที่ไม่เคยพูดโกหก เพราะแม้แต่คนที่ซื่อสัตย์ที่สุด ยังมีบางครั้งที่เผลอพูดคำธรรมดา ๆ คำหนึ่งออกมาโดยที่ไม่รู้ตัวว่ามันเป็นคำโกหกด้วยซ้ำไป คำที่ง่าย ๆ สั้น ๆ และดูไม่มีอะไรซับซ้อนอย่างคำว่า “ไม่เป็นไร” นี่แหละ คือคำโกหกที่มนุษย์เราพูดติดปากและใช้กันดาษดื่นมากที่สุด ที่สำคัญ มนุษย์เราตกหลุมพรางของคำว่าไม่เป็นไรเสมอ ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลก ในเมื่อดูเผิน ๆ มันเป็นคำที่ดูไม่มีพิษสงอะไร ไม่มีความสลับซับซ้อน แต่จริง ๆ แล้ว บ่อยครั้งที่เราพูดคำว่า “ไม่เป็นไร” ออกมา มันกลับแฝงไปด้วยความซับซ้อนมากกว่าที่จะชัดเจนเสียอีก

ภาพจาก FB: tvN drama

เพราะส่วนใหญ่แล้ว เรามักจะพูดคำว่า “ไม่เป็นไร” ออกมาแบบที่ไม่ค่อยได้คิดทบทวนก่อนที่จะพูดนั่นเองว่าไม่เป็นไรจริง ๆ หรือ คือต้องยอมรับนะว่าเราชอบพูดคำว่า “ไม่เป็นไร” ได้แบบที่ไม่ต้องคิดเลยจริง ๆ ว่า “ไม่เป็นไร=ไม่เป็นไรจริง ๆ” หรือ “ไม่เป็นไร=เป็น แต่แค่ตัดบทด้วยการปฏิเสธว่าไม่เป็น” มันจึงเป็นคำพูดติดปากที่เราสามารถโพล่งมันออกมาแบบอัตโนมัติเพื่อตอบรับสถานการณ์อะไรบางอย่างตรงหน้าได้แทบทุกสถานการณ์ ไม่เป็นไรโดยที่ไม่เคยถามกับตัวเองเลยว่าไม่เป็นไรจริงอย่างที่ปากพูดหรือเปล่า

ด้วยเหตุนี้แหละ “ไม่เป็นไร” จึงเป็นคำโกหกที่ทรงพลังมากที่สุดในโลกนี้แล้ว แน่นอนว่าบางครั้งคำว่าไม่เป็นไรมันก็แปลว่าไม่เป็นไรจริง ๆ นั่นแหละ แต่โดยทั่วไปเราใช้มันบ่อยแบบปกติธรรมดามาก ๆ จนมันไม่ใช่คำพิเศษที่เราใช้เพื่อตัดปัญหา เพื่อความสบายใจ เพื่อปลอบใจ เพื่อนั่นเพื่อนี่เหตุผลร้อยแปด หลักการใช้งานก็ง่าย ๆ คือไม่ว่าในใจหรือในความรู้สึกจะเป็นหรือไม่เป็นก็ไม่รู้ แต่ให้พูดออกไปก่อนว่าไม่เป็นไร แล้วเรื่องมันจะดีเอง ทำให้นัยหนึ่ง “ไม่เป็นไร” เป็นอาจเป็นคำโกหกที่เลวร้ายมากที่สุดด้วย เพราะมนุษย์เราสามารถใช้ได้แม้กระทั่งกับการโกหกตัวเอง

ภาพจาก FB: tvN drama

มนุษย์เรามักจะปลอบใจและเยียวยาความรู้สึกที่ย่ำแย่สุด ๆ ของตัวเองด้วยคำว่า “ไม่เป็นไร” เสมอ ปฏิเสธที่จะยอมรับว่าเรา “เป็น” เพื่อหลอกตัวเองว่าฉันไม่ได้ล้มเหลว เพื่อที่จะได้ไม่ร้องไห้ออกมา เพื่อที่จะได้ไม่ต้องแสดงความอ่อนไหวหรืออ่อนแอของตัวเอง เพื่อแสดงถึงความแข็งแกร่งในการมูฟออน เพื่อที่จะขอโอกาสและให้อภัยตัวเองได้ง่ายขึ้น เพื่อที่จะไม่ยอมรับความจริงบางอย่าง หรือเพื่อตัดปัญหาอีกหลาย ๆ อย่างที่จะตามมา อย่างไรก็ตาม มันเป็นคำโกหกที่มักจะถูกใช้เพื่อจุดประสงค์ด้านบวกเป็นส่วนใหญ่ ทั้งที่ความจริงแล้ว การยอมรับกับตัวเองอย่างซื่อสัตย์ว่าเรา “เป็น” มันก็ไม่ได้แย่เสมอไป เราจึงไม่จำเป็นต้องโกหกตัวเองด้วยคำว่า “ไม่เป็นไร” ทุกครั้งก็ได้ จะได้ปลดปล่อยมันออกมา

คุณนักล่ารู้ทุกอย่าง แล้วมีความสุขไหมคะ

ภาพจาก FB: tvN drama

แม้ว่านางเอกจะดูมีความสุขดีกับการหาเงินได้ทีละฟ่อน ๆ จากพรสวรรค์ที่ตัวเองมี ได้ใช้ชีวิตในแบบที่เธอพึงพอใจ วัน ๆ มีลูกค้ามากหน้าหลายตาแวะเวียนเข้าไปว่าจ้างให้เธอจับผิดคนโกหกให้ แต่ถามว่าจริง ๆ แล้ว เธอมีความสุขแค่ไหนกับการที่ต้องได้ยินเสียงระฆังแห่งการโกหกจากใครต่อใครแทบจะตลอดเวลา ซึ่งเมื่อเธอรู้ว่าพวกเขาเหล่านั้นพูดโกหก เธอก็พอจะอนุมานได้ว่าความจริงคือสิ่งที่ตรงกันข้ามกันนั่นเอง ไหนจะมีความรู้สึกหมดศรัทธาในตัวผู้คน เพราะมนุษย์ดูเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไว้ใจไม่ได้ ไม่น่าเชื่อใจ ทุกคนสามารถโกหกตาใสใส่ใครต่อใครได้เสมอ แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ คนเราก็ยังโกหกกัน และเธอก็ดันเป็นคนที่ต้องมารับรู้อยู่ตลอดว่ามันไม่จริง

ภาพจาก FB: tvN drama

สิ่งที่ทำให้เธอไม่มีความสุขมากที่สุด น่าจะเป็นความรู้สึกหมดศรัทธาในตัวผู้คนนั่นแหละ มันทำให้เธอไม่สามารถไว้วางใจใครได้เลย ใครต่อใครก็โกหกกันเป็นเรื่องปกติ แม้แต่คำพูดสัพเพเหระก็ยังโกหกกันเลย ถึงแม้ว่าความสามารถพิเศษของเธอจะเป็นข้อดีที่ทำให้เธอรู้เท่าทันผู้คน รู้ว่าใครพูดไหนจริง ใครพูดเรื่องไหนโกหก ประเมินความจริงใจของผู้คนในเบื้องต้นได้ แต่เธอกลับเกลียดพรวิเศษข้อนี้ของตัวเองมากกว่า เธอมองมันเป็นดั่งคำสาปที่ทำให้เธอคบใครไว้ใกล้ตัวได้แค่ไม่กี่คน เพราะเธอรู้หมดว่าใครโกหกและไม่จริงใจต่อเธอ

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเธอจะมีเครื่องจับเท็จอยู๋ในหู จึงแยกแยะได้ว่าใครกำลังพูดความจริงและใครกำลังพูดโกหก แต่สิ่งที่เธอรู้ก็มีแค่ว่าใครคนนั้นกำลังพูดโกหกอยู่เท่านั้น แต่เธอไม่ได้หยั่งรู้ไปถึงความจริงว่าทำไมคนเหล่านั้นต้องโกหก การที่เธอได้ยินคำโกหกอยู่ตลอด มันทำให้เธอสัมผัสได้ว่าการโกหกเป็นสิ่งไม่ดีและเป็นเรื่องน่าเศร้า แต่ในความเป็นจริง การโกหกไม่ใช่เรื่องแย่ในทุก ๆ ครั้ง และในอีกมุมหนึ่ง ความจริงก็ไม่ได้น่าอภิรมย์เสมอไปด้วย การโกหกของใครบางคน บางครั้งก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายใคร เพราะมันก็มีอยู่ให้เห็นเสมอนี่ การโกหกเพื่อรอเซอร์ไพรส์ หรือการโกหกสีขาว (white lie) ซึ่งเป็นการโกหกที่มีเจตนาที่ดี โกหกเพราะไม่อยากให้คนฟังรู้ความจริงที่เลวร้ายกว่า

ภาพจาก FB: tvN drama

จริง ๆ ถ้าเธอเลือกได้ เธอก็คงอยากจะเลือกเป็นคนธรรมดา ๆ ทั่วไปที่สามารถที่จะไว้เนื้อเชื่อใจในตัวใครสักคนได้แบบสนิทใจ ภายใต้ความเข้าใจธรรมชาติของโลกว่าใคร ๆ ก็อาจจะพูดโกหกได้ และเราอาจจะกำลังเชื่อในคำโกหกอยู่ แต่มันช่วยตัดความรู้สึกไม่สบายใจที่สงสัยในตัวผู้คนได้ และไม่ต้องคิดหาคำตอบว่าเขาโกหกเราทำไม (เพราะรู้แค่ว่าโกหก แต่ไม่รู้ว่าทำไมต้องโกหก) บางทีเราก็ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าทุกเรื่องเป็นเรื่องโกหกก็ได้ เพราะคนที่โกหกล้วนมีเหตุผลที่จะโกหก ซึ่งมันอาจเป็นเหตุผลที่เขาแคร์ความรู้สึกคนฟังก็ได้เช่นกัน ที่เขาว่ากันว่าบางทีการรู้เท่าที่ใครบางคนอยากให้เรารู้มันอาจจะดีกว่า มันเป็นเรื่องจริงนะ เชื่อเท่าที่เราอยากจะเชื่อก็พอ

คนเราไม่ได้สนใจคนอื่นอย่างที่คุณคิดหรอกนะคะ เพราะทุกคนยุ่งกับการใช้ชีวิตตัวเองกันทั้งนั้น

ภาพจาก FB: tvN drama

พูดถึงปมของนางเอกมาเยอะแล้ว มาที่ปมของพระเอกกันบ้าง ก่อนอื่นเลยคือแอบหงุดหงิดนิดหน่อยเกี่ยวกับคาแรกเตอร์ของพระเอกที่เป็นคนหวาดกลัวการให้ผู้คนเห็นหน้า แบบว่าในอีพีแรก ๆ เนี่ยเขาต้องสวมแมสก์ไม่ก็แว่นตาดำ หรือใส่หมวกสวมฮู้ดปิดบังใบหน้าไปเกินครึ่งอยู่แทบจะตลอดเวลา ไม่ใช่อะไรนะ คือมันบดบังหน้าใบหล่อ ๆ ของ “มินฮยอน” หมดเลย มันเห็นความหล่อของเขาไม่ค่อยชัด (แต่ออร่าความหล่อก็ยังทะลุทะลวงแมสก์อยู่ดี) นอกเรื่องคือจะบอกว่ามินฮยอนเป็นอีกหนึ่งไอดอลชายที่เป็นลูกรักพระเจ้า เบ้าหน้าพระเจ้าสร้างมาก ๆ บางมุมมองผ่าน ๆ แอบคล้ายชาอึนอูอยู่เหมือนกัน ไม่รู้สิ! การดูซีรีส์ที่มีพระเอกหล่อพระรองน่ารัก มันทำให้กระชุ่มกระชวยใจดี

ก็ทำได้แค่หงุดหงิดนิดหน่อยแหละ แต่ตั้งแต่เจอกับนางเอก พระเอกก็เริ่มเปิดหน้าบ่อยขึ้นละ แต่ละซีนคือหล่อเกินต้าน ถึงอย่างนั้นก็เข้าใจได้นะ ปมของพระเอกที่ต้องปิดบังใบหน้าตัวเองขนาดนั้น คือตัวเขาเคยมีประสบการณ์ที่เลวร้ายมาก ๆ ในอดีต กับการตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมแฟนสาวของตัวเอง ด้วยรูปการณ์ต่าง ๆ ของคดี มันค่อนข้างชี้ชัดว่าคนร้ายน่าจะเป็นเขานั่นแหละ ทว่าด้วยหลักฐานไม่แน่น และเขาเองก็กลับคำสารภาพมาปฏิเสธ จึงไม่มีใครเชื่อในความบริสุทธิ์ของเขาเลยสักคน ยิ่งปมที่ทิ้งท้ายไว้ตอนจบอีพี 4 นี่ยิ่งลงแดงหนักเลย เพราะนางเอกได้ยินเขาพูดโกหกเป็นครั้งแรก และสิ่งที่เขาโกหกมันก็เกี่ยวกับเรื่องราวในคดีนั้นด้วย

ภาพจาก FB: tvN drama

ย้อนไปตอนที่พระเอกตกเป็นผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรม ภาพใบหน้าของเขาเคยถูกนักข่าวรัวแฟลชถ่ายแบบไม่ยั้ง และด้วยความที่เป็นคดีใหญ่ ภาพของเขาจึงถูกลงนำเสนอในทุกสื่อที่ชี้นำว่าเขาเป็นฆาตกรที่รอดคดี หลังจากนั้นมาเขาก็ไปไหนมาไหนลำบาก เพราะถ้ามีคนจำได้ เขาก็จะถูกบูลลี่ว่าเป็นฆาตกรบ้าง หรือไม่ก็เข้ามาทำร้ายด้วยความโกรธแค้น ทุกสิ่งที่เขาเจอมาทำให้เขากลายเป็นคนกลัวการถูกเห็นหน้า ชอบเก็บตัว และไปไหนมาไหนก็ต้องปิดบังซ่อนใบหน้าไว้เสมอ ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ จนเหมือนพวกโจรโรคจิตเข้าไปทุกที ซึ่งบางทีมันก็ดูน่ากลัวกับเพื่อนร่วมทาง

มันไม่ผิดหรอกที่เขาจะกลัวคนมันมีปมมาแบบนั้น แต่การเจอกันกับนางเอกอีกครั้ง มันค่อย ๆ ละลายความหวาดกลัวของเขาลงไปทีละน้อย โดยตอนนี้เหมือนนางเอกจะเป็น safe zone ให้กับเขา ซึ่งเธอก็ยังคอยยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขาเสมอเหมือนตอนที่เจอกันครั้งแรกเมื่อนานมาแล้ว เขาเริ่มเปิดใจและเปิดหน้าบ่อยขึ้นเวลาอยู่กับเธอ นางเอกเริ่มดึงเขาให้ออกมาสู่โลกภายนอกอย่างกล้าหาญอีกครั้ง เธอไม่รู้หรอกว่าทำไมเขาถึงต้องเก็บตัวขนาดนั้น แต่เธอพยายามทำให้เขาคลายกังวลเวลาเข้าสังคม ด้วยการบอกว่าจริง ๆ แล้วคนเราไม่ได้สนใจชีวิตของคนอื่นขนาดนั้น เพราะทุกคนต่างก็ยุ่ง ๆ อยู่กับการใช้ชีวิตของตัวเอง

ภาพจาก FB: tvN drama

มันหมายความว่าในบางครั้ง เขาสามารถที่จะเปิดหน้าไปไหนมาไหนได้โดยไม่ต้องคิดมากหรือกังวลว่าคนอื่น ๆ รอบตัวจะมาคอยให้ความสนใจเขาขนาดนั้นก็ได้ (แต่ถ้ามีคนหล่อเบอร์นี้เดินสวนกัน จะไม่เหลียวหลังได้เรอะ!) เพราะในความเป็นจริง เราอาจสำคัญตัวผิดมากไป (แต่กรณีพระเอกคือหวาดกลัว) ว่าคนอื่น ๆ เขาจะคอยมาสนใจ คอยจ้องจับผิด คอยมองเราอยู่ตลอดเวลา คนอื่น ๆ เขาก็มีชีวิตของเขา มีอะไรที่เขาต้องทำเหมือนกัน เพราะฉะนั้น ไม่มีใครที่จะมาสนใจใส่ใจคนร้อยพ่อพันแม่ที่เดินสวนกันไปหรอก คล้อยหลังไปก็ลืมหน้าแล้ว ในทางตรงกันข้าม การทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ปิดบังใบหน้ามิดชิดขนาดนั้นในฝูงชน มันยิ่งดูเป็นจุดสนใจมากกว่าเสียอีก ทำตัวให้สบาย ๆ ยังดีกว่า

ภาพจาก FB: tvN drama

จะว่าไป ซีรีส์เรื่องนี้ก็ไม่ได้เดาทางความสัมพันธ์ของพระเอกนางเอกยากนักหรอก ยิ่งนางเอกเข้ามาผัวพันกับอดีตของพระเอกขนาดนั้น เธอก็คงจะใช้ความสามารถพิเศษของเธอที่เธอมองมันเป็นคำสาป ในการช่วยพระเอกเปิดเผยความจริงได้ในที่สุดนั่นแหละ แต่ก็แอบมีลุ้นได้อยู่นะว่าพระเอกเรื่องนี้จะพลิกล็อกเฉลยว่าเขาเป็นจองบารึม 2 หรือเปล่า (คอซีรีส์รู้จักจองบารึมดี) หรือพล็อตเรื่องจะแกงคนดูเกินเบอร์ เล่นใหญ่เกินโทนเรื่องที่มันไม่ได้เน้นเครียดขนาดนั้นไหม นี่ว่าไม่หรอก นี่มันซีรีส์โรแมนติกนะเออ มีแฟนตาซี มีมุกโบ๊ะบ๊ะให้ดูเป็นแนวคอมเมดี้ด้วย ปริศนาลึกลับน่าจะเป็นแค่กิมมิกแหละ ไม่น่าจะสับขาหลอกตลบหลังคนดูเก่งขนาดนั้น โดยรวมสนุกนะ พระ-นางน่ารักมากด้วย เคมีดี!🔔