ลองดู! ไปคอนเสิร์ตคนเดียว ดีและฟินกว่าที่คิด

หลังจากที่ผ่านพ้นช่วงวิกฤติของสถานการณ์โรคระบาด COVID-19 ต้องบอกว่าปี 2023 นี้เป็นปีทองของคอนเสิร์ตจริง ๆ เนื่องจากคอนเสิร์ตทั้งของศิลปินไทยและต่างชาติ ต่างก็มีตารางที่รอระเบิดความมันกับเหล่าแฟนคลับชนิดที่บอกล่วงหน้ากันข้ามปี ทว่าความชุกของคอนเสิร์ตกับแทบจะไม่มีเว้นวรรคให้ได้เก็บเงินเก็บทองกันเลย ทางฝากฝั่งของศิลปินตะวันตกและศิลปินเกาหลีเองก็มุ่งหน้ามาหาแฟนคลับชาวไทยกันถ้วนหน้าแบบหัวกะไดไม่แห้ง ล่วงเลยมาเกินครึ่งปีก็ยังไม่มีแผ่ว ตารางคอนเสิร์ตยังมีรอยาว ๆ อยู่ไปถึงสิ้นปี และเผลอ ๆ ก็ถึงต้นปีหน้ากันเลยทีเดียว

แม้ว่าความสนุกของการเข้าชมคอนเสิร์ตมันจะอยู่ที่การได้ชมการแสดงของศิลปินที่เราชอบร่วมกับคนอื่น ๆ ที่เป็นแฟนด้อมศิลปินคนเดียวกันหรือกลุ่มเดียวกัน ถึงอย่างนั้น มีคนจำนวนไม่น้อยที่ “ไปดูคอนเสิร์ตคนเดียว” คนเดียวที่ไม่ได้มีเพื่อน แฟน หรือครอบครัวไปด้วย แม้แต่เหล่าแฟนด้อมด้อมเดียวกันก็ไม่รู้จักใครเช่นกัน จริง ๆ มันก็มีหลายเหตุผลที่อธิบายได้ว่าทำไมหลาย ๆ ถึงไปดูคอนเสิร์ตคนเดียว อาจจะเพราะสะดวกแบบนี้ สบายตัวดี หรือไม่กล้าชวนใครมาด้วย เพราะแนวเพลงที่ฟังเป็นคนแนว ศิลปินที่ชอบเป็นคนละคนหรือคนละวง หรือบางคนอาจจะเพิ่งโดนเทหลังจากที่ตกลงกันซะดิบดีแล้วก็ได้ สุดท้ายก็เลยทำให้เราต้องมายืนงง ๆ ดูคอนเสิร์ตอยู่คนเดียว

อย่างไรก็ตาม การดูคอนเสิร์ตคนเดียวก็ไม่ได้แย่เสมอไป มันไม่ใช่เรื่องเสียหาย และก็ไม่จำเป็นที่เราจะต้องทำตัวหลบ ๆ ซ่อน ๆ ไม่อยากให้ใครรู้ว่ามาคนเดียวด้วย จากประสบการณ์ของคนหลายคนที่เคยไปคอนเสิร์ตคนเดียว เห็นตรงกันว่า “มันดีและฟินกว่าที่คิด” และ “ไม่แย่เท่าที่กังวลไว้” ทำให้คนจำนวนไม่น้อยเริ่มติดใจการไปคอนเสิร์ตคนเดียวซะแล้ว เพียงแต่พวกมือใหม่อาจจะยังไม่ชิน และรู้สึกกังวลที่ต้องโดดเดี่ยวอยู่ท่ามกลางคนเยอะ ๆ ไม่เป็นไร แค่ทำใจกล้าลองไปคนเดียวสักครั้งหรือสองครั้ง ก็จะเห็นถึงประโยชน์ในการไปคอนเสิร์ตคนเดียว และเลิกกลัวไปโดยปริยาย ฉะนั้น ลองมาดู “ข้อดี” ของการไปคอนเสิร์ตคนเดียวกันหน่อยดีกว่า เผื่อว่าครั้งหน้าจะได้ตัดสินใจง่ายขึ้น

ได้โฟกัสและซึบซับกับการแสดงบนเวทีอย่างเต็มที่

การไปดูคอนเสิร์ตกับเพื่อน ๆ มันอาจจะดีในแง่ที่ว่าเราสามารถนั่งคุย นั่งกรี๊ด นั่งหวีดศิลปินกับเพื่อนได้ (ทั้ง ๆ ที่คุยกันไม่ค่อยจะรู้เรื่อง เพราะในนั้นเสียงดังมาก) แต่การที่เราอยู่ในคอนเสิร์ตคนเดียวเราก็ยังสามารถกรี๊ดได้ หวีดศิลปินได้ตามปกติ ไม่มีใครเขารำคาญหรือว่าอะไรหรอกมันเป็นคอนเสิร์ตที่คนต้องสนุกสนานกันเป็นธรรมดา แถมโฟกัสของเราก็จะอยู่ที่การแสดงบนเวทีเท่านั้นด้วย ไม่ได้พลาดโมเมนต์ดี ๆ ตอนหันไปคุยกับเพื่อน ได้ซึบซับบรรยากาศความประทับใจผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 อย่างเต็มที่

ส่วนถ้าใครเหงาแล้วอยากคุย จะทำความรู้จักเพื่อนใหม่ที่อยู่ข้าง ๆ กันก็ได้ การที่เราชอบศิลปินคนเดียวกันหรือกลุ่มเดียวกันแล้วได้ไปอยู่ในคอนเสิร์ตเดียวกัน มันก็เหมือนกับโชคชะตา บทสนทนาจะไปต่อได้ง่ายมาก ๆ เพราะทุกคนเหมือนเป็นเพื่อนกันหมด มีเรื่องให้คุยกันเยอะแยะเชียวล่ะ

ได้ปลดปล่อยความเป็นตัวเองออกมา

ทุกคนต้องมีครั้งแรกกันทั้งนั้นแหละ การไปคอนเสิร์ตคนเดียวน่ะ แต่ถ้าได้ลองแล้วจะติดใจ เพราะมันสบายตัวสบายใจจริง ๆ ตอนแรกอาจจะยังไม่ชิน ก็มีเหมือนกันนะคนที่อาจจะเหนียม ๆ อาย ๆ ไม่กล้ากรี๊ด ไม่กล้าลุกขึ้นมาเต้น แต่เอาเข้าจริง ไม่ค่อยมีใครสนใจเรื่องความสนุกของคนอื่นหรอก เพราะเขาก็มัวแต่สนุกกับความสุขของตัวเองอยู่เหมือนกัน ดังนั้น อย่ามัวแต่กล้า ๆ กลัว ๆ อยากจะกรี๊ดจนคอแตกหรือจะแดนซ์จนลืมบ้านเลขที่ก็จัดเลย คิดซะว่าศิลปินไม่ได้จัดคอนเสิร์ตทุกวัน แถมบรรยากาศสนุกสนานแบบนี้ก็ไม่ได้มีบ่อย ๆ ด้วย

ในเมื่ออุตส่าห์กล้าที่จะไปคอนเสิร์ตคนเดียวแล้ว ก็จงมีความสุขอยู่กับตัวเองให้เต็มที่ เรียกพลังความกล้าของตัวเองออกมา แล้วเข้าไปปลดปล่อยความสนุกที่กำลังพลุ่งพล่านของตัวเองออกมาให้สุดเหวี่ยงไปเลย ใช้ช่วงเวลาสุดพิเศษนี้ให้คุ้มค่าที่สุด

เพื่อนใหม่หาเอาได้แถว ๆ นั้น

ใครที่กำลังกังวลว่าการไปคอนเสิร์ตคนเดียวน่าจะเหงาแน่ ๆ จริง ๆ อยากจะบอกว่าการอยู่ตัวคนเดียวในคอนเสิร์ตมันก็ไม่ได้เหงาขนาดนั้น ข้อแรกคือเพื่อนร่วมคอนเสิร์ตตั้งเยอะแยะ แล้วทุกคนก็มีพลังงานความสนุกเต็มเปี่ยม เอาอะไรไปเหงา ข้อต่อมา มันไม่มีจังหวะให้เหงา เพียงแค่เราเอาใจไปโฟกัสกับการแสดงของศิลปินที่เราชอบที่เขาตั้งใจมอบให้ ความสนุกสนาน ความประทับใจ ความปลาบปลื้มจะทำให้เราลืมทุกสิ่งอย่างรอบตัว รู้ตัวอีกทีก็จบการแสดงนู่นแหละ

ส่วนข้อสุดท้ายก็คือ คอนเสิร์ตเป็นสถานที่ที่หาเพื่อนใหม่คอเดียวกันได้ง่ายมาก เพราะต่างคนต่างก็มีศูนย์รวมจิตใจอยู่ที่ศิลปินคนเดียวกัน มีเรื่องมีราวให้พูดคุยเพื่อสานต่อเป็นความสัมพันธ์แบบ “ไว้เจอกันที่คอนเสิร์ตครั้งหน้า” หรือหลาย ๆ คนก็พัฒนาเป็นเพื่อนกันจริง ๆ ก็มี อ้อ! ที่พัฒนาไปเป็นคนรักกันก็ไม่น้อยนะ!

ไป-กลับไม่วุ่นวาย เพราะตัวคนเดียว

บ่อยครั้งที่ปัญหามักเกิดขึ้นเพราะจำนวนคน แบบที่เขาว่าคนเยอะเรื่องแยะ ซึ่งจริง ๆ ปัญหามันอาจจะเกิดตั้งแต่ตอนกดบัตรแล้วก็ได้ แบบว่าจะไปกับเพื่อนแต่ไม่ได้นั่งด้วยกัน เพราะจองที่นั่งติดกันไม่ได้ หรือตอนไป-ตอนกลับจะไปยังไง รถสาธารณะหรือรถใคร เจอกันกี่โมง บางคนมาช้าก็ต้องรอกันไปรอกันมา หรือมันอาจเกิดขึ้นได้ เวลาที่เพื่อนบางคนได้สิทธิพิเศษจากราคาบัตรหรือการสุ่ม คนกลุ่มนี้จะออกมาช้ากว่าคนอื่น ก็ต้องมารอกันอีก หรือในอีกกรณี การรอแสดงช่วง encore เราอยากรอแต่เพื่อนอยากรีบกลับเพราะกลัวรถติด (หรือรถหมด) เป็นต้น

จะเห็นได้ว่าทุกอย่างมันเป็นปัญหาได้หมด เพราะต่างคนก็มีเหตุผลส่วนตัวของตัวเอง แต่ถ้าเราไปคนเดียวเรื่องมันจะง่ายกว่าเยอะ อยากกลับตอนไหนก็กลับ ไม่ต้องห่วงรอใคร ไม่วุ่นวาย แค่ต้องดูแลความปลอดภัยของตัวเองด้วยถ้าคอนเสิร์ตเลิกดึก

จะได้ไม่มีปัญหาผิดใจกับเพื่อนในภายหลัง

เรื่องของความชอบมันเป็นรสนิยมส่วนตัว ดังนั้น คนเราเป็นเพื่อนกันไม่จำเป็นต้องรักหรือชอบศิลปินคนเดียวกันเสมอไป การที่เราไม่กล้าไปดูคอนเสิร์ตคนเดียวแล้วชวนเพื่อนไปด้วย ต้องลองนึกถึงใจเพื่อนด้วยว่าจริง ๆ แล้วเพื่อนอาจจะไม่ได้อยากไปด้วย แต่ไม่กล้าปฏิเสธเพราะกลัวเสียน้ำใจ การที่พวกเขาต้องไปดูคอนเสิร์ตกับเราอาจทำให้พวกเขารู้สึกไม่ดี เนื่องจากพวกเขาต้องเสียเงิน (อาจเป็นโซนที่นั่งราคาแพง) ไปดูการแสดงที่ตัวเองไม่ได้ชอบ หรือการเงินของเพื่อนอาจไม่พร้อม เสียเวลาที่จะไปทำธุระที่อื่น หรืออาจจะถึงขั้นเสียอารมณ์ที่ต้องไปนั่งดูสิ่งที่ตัวเองไม่อิน

แรก ๆ อาจไม่มีปัญหา ทว่าหากเกิดมีประเด็นอะไรที่กินแหนงแคลงใจกันขึ้นมาในภายหลัง เรื่องที่เคยไม่พอใจกันสมัยก่อนอาจจะถูกขุดขึ้นมาทะเลาะกันได้ว่าตอนนั้นฉันอุตส่าห์ยอมเธออย่างนั้นแย่างนี้ แล้วมันจะเป็นเรื่องผิดใจกันเปล่า ๆ