ใครที่เป็นแฟน ๆ แอนิเมชันของสตูดิโอจิบลิ (STUDIO GHIBLI) ค่ายแอนิเมชันในตำนานจากญี่ปุ่น ห้ามพลาดเด็ดขาดกับ The World of Studio Ghibli’s Animation Exhibition Bangkok 2023 นิทรรศการจากสตูดิโอจิบลิที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ยกโลกของจิบลิมาไว้กลางกรุงเทพฯ ณ เซ็นทรัลเวิลด์ไลฟ์ ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ เริ่มต้นขึ้นแล้วตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ไปจนถึงวันที่ 30 ก.ย. 2566
นิทรรศการนี้จัดขึ้นโดย ไลฟ์ เนชั่น เทโร (Live Nation Tero) จัดการเนรมิตพื้นที่กว่า 3,000 ตารางเมตรของเซ็นทรัลเวิลด์ ไลฟ์ ให้เป็นพื้นที่สำหรับจัดแสดงซีนเด็ดจากภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องดังของสตูดิโอจิบลิรวม 10 เรื่อง ในรูปแบบ Installations ที่จะให้ผู้ชมเข้าไปมีส่วนร่วมได้ โดยนำเสนอทั้งฉากและตัวละครของอนิเมะเรื่องต่าง ๆ แบบ 3D พร้อมภาพเคลื่อนไหวและเสียงเพลง ทำให้เหล่าสาวกจิบลิสามารถสัมผัสกับโลกแห่งจินตนาการในความทรงจำได้อย่างใกล้ชิด ได้ชื่นชมและเก็บภาพประทับใจอย่างจุใจ บอกเลยว่าทุกมุม ทุกรายละเอียด มันดีต่อใจจริง ๆ
นอกจากนี้ นิทรรศการที่เมืองไทยยังมีสิ่งที่เรียกว่า “Easter Egg” ซึ่งเป็นเซอร์ไพรส์ “ความเป็นไทย” ที่จะซ่อนอยู่ในแต่ละฉาก โดยเซอร์ไพรส์ชิ้นนั้น ๆ จะเป็นของที่มีเฉพาะที่ประเทศไทยเท่านั้น โดยฉากอนิเมะจากทั้ง 10 เรื่องที่นำมาจัดแสดงในครั้งนี้ ได้แก่
- My Neighbor Totoro (โทโทโร่เพื่อนรัก)
- Howl’s Moving Castle (ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์)
- Spirited Away (มิติวิญญาณมหัศจรรย์)
- KiKi’s Delivery Service (แม่มดน้อยกิกิ)
- Princess Momonoke (เจ้าหญิงโมโนโนเกะ)
- Castle in the Sky (ลาพิวต้า พลิกตำนานเหนือเวหา)
- Porco Rosso (พอร์โค รอสโซ สลัดอากาศประจัญบาน)
- Nausicaä of the Valley of the Wind (มหาสงครามหุบเขาแห่งสายลม)
- Ponyo on a Cliff by the Sea (โปเนียว ธิดาสมุทรผจญภัย)
- Pom Poko (ปอมโปโกะ ทานูกิป่วนโลก)
บอกเลยว่าความยิ่งใหญ่ของนิทรรศการนี้ เหมือนยกญี่ปุ่นมาไว้ถึงที่ เพื่อให้แฟน ๆ จิบลิได้เข้าไปสัมผัสประสบการณ์โลกแห่งจินตนาการ ฉากเด็ดฉากดัง ซีนสำคัญของแอนิเมชันเรื่องดังอย่างใกล้ชิดถึง 10 เรื่อง ทั้งผืนป่าและป้ายรถเมล์ของโทโทโร่ เยี่ยมเยือนโรงอาบน้ำโลกวิญญาณและขึ้นรถไฟแห่งวิญญาณไปกับเจ้าคาโอนาชิ หรือขี่ไม้กวาดไปกับกิกิพร้อมแวะรับของที่ร้านขนมปังของโอโซโนะ รวมไปถึงไฮไลต์พิเศษคือ ลาปูต้า (Laputa) ปราสาทกลับหัว จากเรื่อง Castle in the Sky ที่นำมาจัดแสดงที่กรุงเทพฯ เป็นที่แรก ที่สำคัญ ยังมีสมุดกิจกรรมล่าตัวปั๊มประจำห้องจัดแสดงของอนิเมะแต่ละเรื่องด้วย อย่าลืมแวะปั๊มกันให้ครบทั้ง 10 เรื่องด้วยนะ!
ผู้ที่สนใจเข้าชมนิทรรศการ The World of Studio Ghibli’s Animation Exhibition Bangkok 2023 สามารถซื้อบัตรเข้าชมได้ทาง thaiticketmajor.com โดยบัตรเข้าชมงานนิทรรศการ (ปัจจุบัน) มี 2 ราคา ดังนี้
- บัตรหน้างาน ราคา 650 บาท (เปิดขายวันที่ 1-30 กันยายน 66)
- VIP Package ราคา 1,290 บาท (เปิดจำหน่ายจำนวนจำกัดในแต่ละรอบชมการแสดง เปิดขายวันที่ 2 พฤษภาคม – 30 กันยายน 66) *สิทธิประโยชน์สำหรับ VIP Package คือ FAST TRACK สำหรับเข้าชมนิทรรศการและจุดถ่ายรูป พร้อมสูจิบัตรจำนวน 1 เล่ม
สิ่งที่น่าสนใจในนิทรรศการ
หลังจากเดินขึ้นบันไดเลื่อนมาถึงบริเวณเซ็นทรัลเวิลด์ไลฟ์ ชั้น 8 เราจะได้พบกับโซนต้อนรับของงาน The World of Studio Ghibli’s Animation Exhibition Bangkok 2023 ก่อนเข้าสู่โซนนิทรรศการ ด้านหน้าจะเป็นเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ด้านซ้ายมือเป็นร้านจำหน่ายของที่ระลึก รวบรวมสินค้าลิขสิทธิ์ตัวละครจากแอนิเมชันจิบลิเรื่องดังหลายเรื่อง ส่วนทางด้านขวามือจะเป็นโซนพื้นที่ที่เตรียมเข้าชมนิทรรศการ แสดงบัตรเข้าชมงานกับเจ้าหน้าที่หน้างาน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะนำสายรัดข้อมือกระดาษมาติดไว้ที่ข้อมือของเรา และจากจุดนี้ไปไม่สามารถนำอาหารและเครื่องดื่มเข้าสู่โซนนิทรรศการด้านในได้
เมื่อเดินเข้าซุ้มผืนป่ามาจนถึงด้านหน้าโซนนิทรรศการ ประตูทางเข้านิทรรศการ เราจะได้พบกับ เครื่องบินของนาชิกา จากแอนิเมชันเรื่อง Nausicaä of the Valley of the Wind (มหาสงครามหุบเขาแห่งสายลม) พร้อมด้วยโปสเตอร์แนะนำแอนิเมชันจากสตูดิโอจิบลิ 23 เรื่อง จากนั้นเจ้าหน้าที่จะนำพาเราเข้าไปสู่ห้องถัดไป
ห้องต่อมาจะเป็นห้อง “ความลับของสตูดิโอจิบลิ” ซึ่งจะเป็นห้องชมวิดีโอความยาวประมาณ 5 นาที ที่เหล่าแฟนพันธุ์แท้สตูดิโอจิบลิจะได้รับชมเรื่องราวเบื้องหลัง ที่มาที่ไปกว่าจะเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันสตูดิโอจิบลิแต่ละเรื่อง ผ่านห้องทำงานจำลองของ Hayao Miyazaki (ฮายาโอะ มิยาซากิ) ผู้ก่อตั้งและผู้กำกับภาพยนตร์แอนิเมชันของสตูดิโอจิบลินั่นเอง
ห้องนิทรรศการห้องถัดมา เป็นโซนจัดแสดงของแอนิเมชันเรื่อง Howl‘s Moving Castle (ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์) ที่เราจะได้พบกับปราสาทเวทมนตร์ของท่านฮาวล์ จัดแสดงฉากสำคัญ ๆ ของเรื่อง ตลอดจนตัวละครหลักต่าง ๆ ของเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น ฮาวล์ โซฟี มาร์เคิล แคลซิเฟอร์ ฮีน และหุ่นไล่กา
เดินต่อไปถึงห้องของแอนิเมชันเรื่อง Castle in the Sky (ลาพิวต้า พลิกตำนานเหนือเวหา) จัดแสดงฉากต่าง ๆ ที่ทั้งยิ่งใหญ่และสวยสมจริงมาก โดยไฮไลต์สำคัญของนิทรรศการนี้อยู่ที่ ฉากลาปูต้า (Laputa) ที่ถูกนำมาจัดแสดงที่กรุงเทพฯ เป็นที่แรก ซึ่งก็คือปราสาทกลับหัวที่จัดแสดงในรูปแบบเงาสะท้อนกับกระจก ทำให้เห็นภาพของปราสาทกลับหัวสุดอลังการ เข้าไปส่องดูแล้วเหมือนกับลอยอยู่บนท้องฟ้าจริง ๆ เลยล่ะ
ห้องถัดไป เป็นฉากน่ารัก ๆ ของแม่มดน้อยกิกิและเจ้าเหมียวจิจิเพื่อนรักในขนมปังของโอโซโนะ จากเรื่อง KiKi’s Delivery Service (แม่มดน้อยกิกิ) พบกับฉากที่กิกิขี่ไม้กวาดข้ามเมือง และฉากที่ทอมโบขี่จักรยานติดใบพัด โดยในโซนนี้จะมีกิจกรรม interactive ให้ร่วมเล่น 2 กิจกรรม คือถ่ายรูปกับฉากโหนเชือกจากบอลลูน และถ่ายรูปกับจักรยานติดใบพัดของทอมโบ
ต่อมา เป็นฉากริมชายหาดจากเรื่อง Porco Rosso (พอร์โค รอสโซ สลัดอากาศประจัญบาน) ที่เราจะได้เห็น Porco Rosso นอนเล่นชิล ๆ อยู่ริมชายหาด พร้อมกับเครื่องบินผจญภัยของเขา
ถัดมา พบกับโซนของแอนิเมชันเรื่อง My Neighbor Totoro (โทโทโร่เพื่อนรัก) ที่เนรมิตพื้นที่บางส่นให้กลายเป็นป่าของโทโทโร่ บอกเลยว่าทำออกมาได้ร่มรื่นเหมือนป่าจริง ๆ มาก รวมถึงต้นไม้ของโทโทโร่ (ที่โทโทโร่นอนหงายพุงอยู่ข้างใน) ก็จัดแต่งด้านในได้อย่างสวยงาม และที่พลาดไม่ได้ก็คือ กิจกรรม interactive ฉากที่ซัตสึกิกับโทโทโร่ยืนถือร่มอยู่กลางสายฝนที่ป้ายรถเมล์ ซึ่งมีร่มสีแดงวางไว้เป็นอุปกรณ์ให้เราได้ใช้ไปถ่ายรูปกับตัวละคร ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของฉาก บอกเลยว่าน่ารักมาก
ต่อด้วยบ้านของเหล่าทานุกิในเรื่อง Pom Poko (ปอมโปโกะ ทานูกิป่วนโลก) เปิดโซนด้วยฉากของท้องทุ่งและป่าเขาในชนบท จากนั้นเดินเข้าบ้าน ไปพบกับข้าวของเครื่องใช้ของทานุกิ โดยเฉพาะทีวีที่พวกทานุกิเปิดดูเพื่อศึกษาการใช้ชีวิตแบบมนุษย์
ห้องถัดไป เป็นฉากจากเรื่อง Princess’s Mononoke (เจ้าหญิงโมโนโนเกะ) ที่จัดแสดงออกมาได้อลังการงานสร้างสุด ๆ ครบเครื่องทั้งแสงสีเสียง และลูกเล่นของฉากที่เปลี่ยนได้ ทั้งฉายภาพและเปิดโล่งให้เห็นท่านเทพกวางที่อะชิทากะต้องตามหา มันเป็นโซนที่จัดออกมาแล้วทำให้เรารู้สึกเหมือนได้เข้าไปอยู่ในป่าดงพงไพรจริง ๆ เลยทีเดียว
และในที่สุด เราก็เดินทางมาถึงผลงานที่เป็นตำนานมาก ๆ ของจิบลิ มิติแห่งวิญญาณจากเรื่อง Spirited Away (มิติวิญญาณมหัศจรรย์) ซึ่งคว้ารางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยมในปี 2002 แถมยังเป็นแอนิเมชันที่ได้รับความนิยมถึงปัจจุบันด้วย พบกับฉากสำคัญของเรื่องที่เนรมิตออกมาได้ยอดเยี่ยมมาก เก็บรายละเอียดได้ดีงามสุด ๆ ทั้งฉากและตัวละครต่าง ๆ แถมยังได้พบกับฉากบนรถไฟแห่งวิญญาณ ที่เราสามารถเข้าไปนั่งใกล้ชิดกับเจ้าคาโอนาชิหรือภูตไร้หน้าได้ด้วย ตรงนี้ถือเป็นจุดถ่ายรูปที่ต้องแวะถ่ายให้ได้ ไม่อย่างนั้นเหมือนมาไม่ถึง
หลังจากจบจากโซนของ Spirited Away เราจะพบกับทางออก นี่จึงถือเป็นโซนสุดท้ายของงานนิทรรศการ (ในร่ม) เพราะจริง ๆ แล้ว ยังเหลืออีกโซนหนึ่งที่อยู่ด้านหน้าห้าง ฝั่งถนนพระราม 1 ซึ่งก็คือ โปเนียวและเหล่าฝูงปลา จากเรื่อง Ponyo on the Cliff by the Sea (โปเนียว ธิดาสมุทรผจญภัย) หลังจากซื้อของที่ระลึกเสร็จ อย่าเพิ่งรีบกลับ แวะมาถ่ายรูปกับโปเนียวก่อนนะ!
จะเห็นว่านิทรรศการ The World of Studio Ghibli’s Animation Exhibition Bangkok 2023 จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และน่าสนใจมาก ๆ ที่ไม่อยากให้พลาดก็คือ การได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับฉากและการ์ตูนจากจิบลิ ที่ Live Nation Tero ได้จัดให้เหล่าสาวกจิบลิได้ร่วมสนุกอย่างจุใจ เพราะมันคงไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นง่าย ๆ นะ การที่เราจะได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในซีนสำคัญของแอนิเมชันเรื่องดังทั้งหมดนี้ จึงถือว่าเป็นไฮไลต์ที่ต้องทำเลยล่ะ ไม่อย่างนั้นเหมือนมาไม่ถึง แค่เดินไปตามโซนต่าง ๆ ก็เหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกของจิบลิแล้ว แต่! อย่ามัวแต่ถ่ายแวะรูปเพลินจนลืมสแตมป์ตัวปั๊มละกันนะ! ถ้าเดินย้อนมีเมื่อยล่ะบอกเลย!