“ฟลอย เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์” ชื่อนี้ไม่มีคำว่า “ธรรมดา”

ภาพจาก IG : @floydmayweather / @girlcollection / www.thesun.co.uk

ขึ้นชื่อว่า ฟลอย เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์  คำว่า “ธรรมดา” คงจะใช้กับนักชกเจ้าของฉายา “เดอะ มันนี่” ไม่ได้ เพราะสิ่งที่ทุกคนสัมผัสได้  มีแต่คำว่า “เว่อร์วังอลังการ” ตลอดเวลา

ตามประสาคนชอบอวดร่ำอวดรวย  และมีรวยให้อวด จึงทำให้คนที่ติดตามเขาอยู่ในอินสตาแกรมกว่า 16.4 ล้านคน ได้เห็นภาพเงินสดมัดเป็นฟ่อนๆ อยู่จนชินตา บ้างก็เป็นรูปรถหรูชนิดที่ถ้าไม่รวยจริงก็หมดสิทธิ์ครอบครอง

ภาพจาก IG : @floydmayweather

ล่าสุด นักชกวัย  40 ปี เตรียมโกยเงินก้อนโตอีกครั้ง จากไฟต์ชกที่มีคิวกลับมาขึ้นสังเวียนอีกครั้งในรอบ 2 ปี กับ คอเนอร์ แม็คเกรเกอร์ แชมป์นักสู้ MMA ชาวไอริช  ในวันที่ 26 สิงหาคมนี้ โดยที่ผ่านมาเขาทำเงินจากอาชีพนักมวยได้มากกว่า 700 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 23,800 ล้านบาท) พร้อมด้วยสถิติไร้พ่าย จากการชก 49 ไฟต์

ภาพจาก IG : @floydmayweather

หากไม่มีอะไรผิดพลาด  ศึกซูเปอร์ไฟต์ที่เขาจะขึ้นชกในเดือนนี้ ก็มีสิทธิ์ทำให้เขาทำเงินรวมจากการชกอาชีพแตะหลัก “พันล้านเหรียญสหรัฐ” ได้เป็นคนที่ 3 ต่อจาก ไมเคิล จอร์แดน ตำนานบาสเกตบอล และไทเกอร์ วู้ดส์ อดีตนักกอล์ฟมือ 1 ของโลกด้วย  ซึ่งทั้งหมดนี้ต้องวัดกันที่ยอดคนดูแบบเสียเงิน (เพย์-เพอร์-วิว) ว่าจะมากเท่ากับไฟต์หยุดโลกที่ฟลอยด์ชกกับ แมนนี่ ปาเกียว ดีกรีแชมป์โลก 8 รุ่นชาวฟิลิปปินส์หรือไม่

ภาพจาก www.thesun.co.uk

และด้วยความที่มีเงินมากมายมหาศาลนี้เอง ทำให้ฟลอยด์ถึงกับเคยมีรถตู้ขนเงินเป็นของตัวเองมาแล้ว  แถมเป็นรถตู้นิรภัยของบริษัทดังอย่าง  “Brinks” เสียด้วย ซึ่งเจ้าตัวบอกราวกับเป็นเรื่องธรรมดาว่า เคยสั่งให้รถขนเงินมูลค่านับล้านๆ เหรียญสหรัฐมาส่งให้ที่บ้าน ก็เคยทำมาแล้ว

นอกจากรวยล้นฟ้าจนใครๆ ต่างพากันอิจฉาแล้ว ฟลอยด์ยังถือเป็นนักกีฬาที่มีหัวธุรกิจด้วย  เพราะอันที่จริงก็ประกาศแขวนนวมไปแล้ว  โดยล่าสุด เขาเพิ่งเปิดคลับเต้นระบำเปลื้องผ้า “Girl Collection” ที่ลาสเวกัสด้วย

ภาพจาก IG : @girlcollection

แน่นอนว่า “เดอะ มันนี่” ยังคงสไตล์คุยโตโอ้อวดเหมือนเคย  ถึงกับประกาศเลยว่า มีคอลเล็กชั่นของสาวๆ ที่สวยที่สุดในโลกมารวมอยู่ที่นี่

ส่วนเหตุผลที่คิดทำธุรกิจนี้ก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร แค่เขามองว่าตัวเองมีความช่ำชองในเรื่องผู้หญิง  ดนตรี และแอลกอฮอล์  ชนิดที่เรื่องพวกนี้ไม่เคยหลุดไปจากความเป็นตัวเขานั่นเอง