กับดักของความฝัน

ภาพจาก Pixabay

ช่วงชีวิตที่ผ่านมา ผมพบกับคนที่มีความฝันในหลากหลายรูปแบบ บางคน “ฝันใหญ่” บางคน “ฝันเพ้อเจ้อ” อยากเป็นนู่นเป็นนี่ บางคน “ฝันพอดีตัว” บางคนแทบจะไม่มีความฝัน หรือบางคนก็ติดยึดอยู่กับความฝันของตัวเองจนไม่ยอมทำอะไรอย่างอื่น

อาชีพที่อยู่ใน “สปอร์ตไลท์” ได้รับความสนใจความสนใจจากมหาศาลนั้น ย่อมเป็น “ความฝัน” ที่ใครหลายๆคนอยากจะไปยืนอยู่ตรงนั้นและเอื้อมไปให้ถึง ไม่ว่าจะเป็น นักร้อง นักแสดง ผู้ประกาศ หรือ นักพากย์ แต่เอาเข้าจริงแล้วจะมีใครสักกี่คนที่ได้ไปถึงจุดนั้นได้ เพราะอัตราการแข่งขันมันสูงเสียเหลือเกิน บางครั้งหนึ่งในแสน หรือหนึ่งในล้านด้วยซ้ำ

โอกาสเหล่านั้น คนที่จะได้รับ อาจจะต้องมีทั้งพรสวรรค์ ความสามารถ มีความพยายาม หรือมีดวงที่คนข้างบนเขาลิขิตไว้

อย่างไรก็ดีสิ่งที่ผมมักจะเห็นว่าเป็นคุณสมบัติสำคัญของคนที่จะประสบความสำเร็จนั้น ไม่ใช่เป็น “ความเก่ง” แต่เป็นความ “ขยัน” และ“วินัย” ต่างหาก ดังนั้นผมจึงมักยกย่องคนที่มีความตั้งใจและหาวิธีพาตัวเองให้เข้าใกล้กับ “เป้าหมาย” ให้ได้มากที่สุด แม้ในวันที่โชคไม่ช่วยอำนวยพร

ความทะเยอทะยานเป็นเรื่องดี แต่การไต่เต้าก็เป็นเรื่องสำคัญเหมือนกัน หากไม่ยอมนับ 1 นับ 2 รอจะทำแต่สิ่งที่ตนต้องการอย่างเดียวนั้นก็ลำบาก ส่วนใหญ่แล้วโอกาสมันมักไม่เดินมาหาเรา เราต้องเดินไปหามัน หรือหาทางอยู่ใกล้ๆมันให้ได้มากที่สุด

ดังนั้นนอกจากจะมี “เป้าใหญ่” แล้ว คุณอาจจะต้องมี “เป้ารอง” เพื่อเป็นบันไดในการเดินขึ้นไป หรือแม้เป็นทางเลือกอื่นๆทดแทน หากฝันมันเป็นไปไม่ได้

ความฝันเป็นเรื่องยิ่งใหญ่แต่การยอมรับความจริงก็เป็นเรื่องสำคัญ การติดกับดักของความฝัน วนเวียนไปไหนไม่ได้นั้นเป็นเรื่องทรมาน

ชีวิตคนก็เหมือนการทำงานล่ะครับ หากมีแต่ Plan A ไม่มี Plan B, Plan C หรือไม่มีแผนสำรองรองรับ มันก็ดูจะเสี่ยงยิ่งนัก

ผมรู้จักกับคนที่เรียนจบมาแล้วตั้งความหวังเต็มเปี่ยมว่าอยากจะเป็นครู แต่พอเริ่มหางานดันมีเพื่อนแนะนำไปสมัครเป็นนักข่าวกีฬา ทุกวันนี้เห็นทำงานมา 20 กว่าปีต่อเนื่อง ประสบความสำเร็จมากมายและมีความสุขดี.