ด้วยวิถีชีวิตของคนในสังคมเปลี่ยนแปลง ครอบครัวเดี่ยวมีมากขึ้น และหลายคนเลือกที่จะมีสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนมากกว่าจะสร้างครอบครัวใหม่ ทำให้การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงในปัจจุบันมีสถานะเหมือนคนในครอบครัว ด้วยเหตุนี้ธุรกิจบริการดูแลเลี้ยวสัตว์เลี้ยงในไทยจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ในปี 2565 นักธุรกิจชาวไทยลงทุน “ธุรกิจบริการดูแลสัตว์เลี้ยง” เพิ่มขึ้นกว่า 91 เปอร์เซ็นต์ รายได้รวมและผลกำไรธุรกิจเติบโตต่อเนื่องติดต่อกัน 3 ปี สอดคล้องปริมาณขายอาหารสัตว์และมูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงของไทยที่เพิ่มสูงขึ้น ผลพลอยได้มาจากวิถีชีวิตของคนเปลี่ยนแปลง สังคมผู้สูงอายุ โรคระบาด อีกทั้งการยกสถานะสัตว์เลี้ยงเสมือนคนในครอบครัว ส่งผลให้ธุรกิจฯ มีผลตอบรับที่ดี ดึงดูดนักลงทุนเข้าตลาดเพิ่มขึ้น
โดยเจ้าของธุรกิจบริการดูแลสัตว์เลี้ยงรุ่นใหม่ มักจะใช้เทคโนโลยีมาเป็นเครื่องมือในการสนับสนุนการประกอบธุรกิจ หากงานบริการที่ดียังคงเป็นจุดขายสำคัญที่ทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการ ทั้งนี้ธุรกิจดูแลสัตว์เลี้ยงไม่ใช่แค่เพียงจำหน่ายอาหารสัตว์ หรือผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยงเท่านั้น หากแต่ยังหมายรวมถึงการให้บริการด้านอื่น ทั้งอาบน้ำตัดแต่งขน รับฝากสัตว์เลี้ยง รวมไปถึงการดูแลสัตว์เลี้ยงโดยสัตว์แพทย์มืออาชีพ
ตลาดบริการดูแลสัตว์เลี้ยงปี 65 เติบโต 91 เปอร์เซ็นต์
ทีนี้มาดูกันว่าในตลาดธุรกิจสัตว์เลี้ยงนั้นเติบโตขึ้นมากขนาดไหน โดยในปี 2563-2565 ธุรกิจบริการดูแลสัตว์เลี้ยงมีอัตราการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจเพิ่มขึ้น ปี 2563 จดทะเบียนจัดตั้ง 63 ราย ทุนจดทะเบียน 101.90 ล้านบาท ปี 2564 จัดตั้ง 68 ราย (เพิ่มขึ้น 5 ราย) ปี 2565 จัดตั้ง 130 ราย (เพิ่มขึ้น 62 ราย หรือร้อยละ 91) ทุน 210.35 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 91.22 ล้านบาท หรือร้อยละ 77)
ผลประกอบการธุรกิจ โดยรายได้รวมของธุรกิจ ปี 2562 อยู่ที่ 2,933.51 ล้านบาท กำไร 57.63 ล้านบาท ปี 2563 รายได้รวม 3,512.44 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 578.93 ล้านบาท หรือร้อยละ 20) กำไร 46.31 ล้านบาท (ลดลง 11.32 ล้านบาท หรือร้อยละ 20) และ ปี 2564 รายได้รวม 4,267.72 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 755.28 ล้านบาท หรือร้อยละ 22) กำไร 127.76 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 81.45 ล้านบาท หรือร้อยละ 176)
จากตัวเลขดังกล่าว จะเห็นว่าธุรกิจบริการดูแลสัตว์เลี้ยงนั้นเติบโตได้เป็นอย่างดีกับตลาดภายในประเทศ แม้จะไม่ใช่ตัวเลขก้าวกระโดด แต่ก็เป็นตัวเลขที่น่าจะทำให้คนที่กำลังมองหาช่องทางในการทำธุรกิจสนใจได้ ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มว่าผู้ประกอบธุรกิจบริการดูแลสัตวเลี้ยงส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงเทพมหานคร จำนวน 243 ราย รองลงมา คือ ภาคกลาง 130 ราย ภาคตะวันออก 49 ราย ภาคเหนือ 46 ราย ภาคใต้ 45 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 30 ราย และภาคตะวันตก 19 ราย โดยเจ้าของธุรกิจบริการดูแลสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่เป็นการลงทุนของคนไทย ขณะที่การลงทุนจากต่างชาติสูงสุด คือ จีน รองลงมา คือ ญี่ปุ่น และอังกฤษ
คาดการณ์ปี 69 ธุรกิจสัตว์เลี้ยงจะโตถึงหกหมื่นล้าน
การลงทุนของผู้ประกอบการในธุรกิจบริการดูแลสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับปริมาณการขายอาหารสัตว์และมูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงของไทยที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน โดยปริมาณการขายอาหารสัตว์ตั้งแต่ปี 2560-2564 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปี 2564 เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 จากปีที่ผ่านมา (2563)
ขณะที่ปี 2565 คาดว่าจะมีปริมาณการขายอาหารสัตว์ในตลาดราว 929 ล้านกิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ประมาณร้อยละ 8 โดยจำนวนอาหารสัตว์ในตลาดสอดคล้องกับจำนวนการเลี้ยงสัตว์ที่เพิ่มมากขึ้นของสังคมไทย ลักษณะของอาหารสัตว์มีการแบ่งประเภทมากขึ้น เช่น โรคเฉพาะของสัตว์เลี้ยง การบำรุงเฉพาะส่วน และตามอายุของสัตว์เลี้ยง ซึ่งสนับสนุนธุรกิจบริการดูแลสัตว์ให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าและการบริการที่หลากหลาย
หากพิจารณาแนวโน้มมูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงพบว่า ปี 2564 มีมูลค่าสูงถึง 44,592 ล้านบาท โดยคาดการณ์ว่าในปี 2569 ตลาดสัตว์เลี้ยงจะมีมูลค่าสูงถึง 66,748 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ยปีละร้อยละ 8.4 ซึ่งเป็นปัจจัยบวกให้กับธุรกิจบริการดูแลสัตว์เลี้ยงด้วยเช่นกัน
ผู้ประกอบการต้องเร่งใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยสร้างความพอใจให้กับลูกค้า
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการธุรกิจบริการดูแลสัตว์เลี้ยงควรมีการปรับตัวให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพิ่มช่องทางการให้บริการโดยนำเทคโนโลยีมาช่วยในการดำเนินธุรกิจ และพัฒนารูปแบบการให้บริการใหม่ ๆ ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า เช่น การให้บริการโดยคำนึงถึงความสะอาด มีมาตรฐาน ใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถติดตามสัตว์เลี้ยงได้ 24 ชั่วโมง
มีบริการที่ครบวงจร และให้ความสำคัญกับการรักษาโรคของสัตว์เลี้ยงทั้งโรคทั่วไปและเฉพาะทาง รวมทั้งธุรกิจต้องคำนึงถึงการบริหารต้นทุน และใส่ใจการบริการที่เป็นเลิศเพื่อดึงลูกค้าให้กลับมาใช้บริการซ้ำ ส่งผลให้ผู้ใช้บริการเกิดความประทับใจ และธุรกิจสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลจาก กระทรวงพาณิชย์ https://www.moc.go.th/