วางแผน Staycation ช่วงวันหยุดพิเศษเอเปค

การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ กำลังจะมีขึ้นในวันที่ 18-19 พฤศจิกายน 2565 นี้ หลายคนน่าจะทราบแล้วว่า ครม. เห็นชอบให้วันที่ 16-18 พฤศจิกายน 2565 เป็นวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษในช่วงประชุมเอเปค เฉพาะพื้นที่กทม. นนทบุรี และสมุทรปราการ นั่นทำให้หลัก ๆ แล้วคนที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวจะถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ได้หยุดแน่นอน กลุ่มที่แล้วแต่เจ้านายจะเมตตา และกลุ่มที่ไม่ได้หยุดอย่างแน่นอน (ก็ขอแสดงความเสียใจด้วย)

วันหยุดพิเศษตั้ง 3 วันนี้ เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเริ่มวางแผนแล้วว่าจะเอาวันหยุดยาว 5 วันที่รวมเสาร์-อาทิตย์เข้าไปด้วย ชาร์จพลังให้ตัวเองอีกสักรอบ พอคิดไปคิดมาก็ยังตัดสินใจไม่ได้เหมือนกันว่าจะจัดการชีวิตตัวเองอย่างไรดี จะนอนอยู่บ้านให้ร่างเปื่อยเล่นก็น่าเบื่อเกินไปเพราะหยุดตั้ง 5 วันแน่ะ แต่จะออกเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดก็รู้สึกขี้เกียจเหมือนกัน กลับมาคงจะเหนื่อยไม่น้อย แล้วถ้าพบกันครึ่งทางล่ะสนใจไหม? Tonkit360 มีไอเดียชวนวางแผน “Staycation” สำหรับช่วงวันหยุดพิเศษ (ของคนที่ได้หยุด) มาฝากกัน

Staycation คืออะไร

ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับศัพท์คำว่า Staycation กันก่อน “Staycation” เป็นการผสมคำระหว่างคำว่า “Stay” ที่แปลว่า การพักหรือการอาศัยอยู่กับที่ที่หนึ่ง และ “Vacation” ที่แปลว่า วันหยุดพักผ่อน วันว่าง การออกไปพักผ่อน พอมารวมกันแล้ว Staycation ก็คือ การพักผ่อนภายในประเทศหรือย่านใกล้ ๆ บ้านนั่นเอง

ดังนั้น อธิบายง่าย ๆ Staycation ก็คือ การออกไปเที่ยวพักผ่อนใกล้ ๆ บ้าน หรือในจังหวัดที่ตัวเองอยู่ แต่ได้ฟีลเหมือนไปเที่ยวไกล ๆ อันที่จริงจะเลือกอยู่บ้านตัวเองก็ได้ เพียงแค่ต้องเปลี่ยนบรรยากาศใหม่ให้ต่างไปจากเดิม เปลี่ยนเป็นแบบที่เราไม่คุ้นเคย แล้วมโนเอาว่าเป็นการเที่ยวแบบเปิดประสบการณ์ (แต่ยากหน่อย เพราะมันเป็นแถวบ้านเรานี่นา) ที่สำคัญ มีข้อแม้ว่าจะต้องเป็นการพักผ่อนจริง ๆ ทำกิจกรรมที่สนใจ กิจกรรมที่สนุก ๆ และทำอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่งาน!

แล้ว Staycation มันต่างจากการอยู่บ้านยังไง? ก็ต่างตรงที่เราพยายามเปลี่ยนบรรยากาศที่คุ้นเคยให้ไม่คุ้นเคยนี่แหละ อยู่แถวบ้านแต่ฟีลเหมือนไกลบ้าน ข้อดีของมันเป็นการเที่ยวที่ใช้งบน้อย ไม่ต้องแบกกระเป๋าใบใหญ่เหมือนไปเป็นสัปดาห์ ไม่ต้องเหนื่อยหรือยุ่งยากในการวางแผนเดินทาง ได้คลายเครียดสมใจอยาก ไม่ต้องลางานให้วุ่นวาย แค่ใช้คืนวันเสาร์กับวันอาทิตย์ ก็ชาร์จแบตได้แล้ว ไปกับเพื่อนก็ดี ไปคนเดียวก็ได้ เหนือสิ่งอื่นใด คือได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศที่พิเศษสุด ๆ ช่วงวันหยุดพิเศษนี้ใครสนใจ เรามาลองวางแผนกันดูก่อนก็ได้นะ

เลือกเลย จะไปไหนดี

แค่อย่าลืมเงื่อนไขของ Staycation ก็พอ ที่เน้นออกเที่ยวในละแวกใกล้ ๆ บ้าน หรือถ้าจะให้กว้างใหญ่ขึ้นมาหน่อยก็เป็นในจังหวัดเดียวกันกับที่บ้านเราอยู่ก็ได้ หรือถ้าเอาแบบที่ใช้หัวคิดน้อยที่สุด ก็คือโรงแรมสักแห่งที่เรานั่งรถผ่านทุกวันเช้า-เย็นตอนไปทำงาน แบบว่าเคยมีความคิดว่าอยากเดินเข้าไปใช้บริการในฐานะแขกดูสักครั้ง (แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำไปทำทำไมใกล้บ้านอยู่แค่นี้) เป็นต้น สำหรับบางคนอาจมีที่เที่ยวที่เคยปักหมุดเอาไว้แล้วแต่ก็ไม่เคยลองแวะไป เพราะคิดว่ามันอยู่ใกล้แค่นี้เอง ตอนนี้ก็ถึงเวลาไปเช็กอินแล้ว อ้อ! อย่าลืมจองที่พักใกล้ ๆ ด้วยล่ะ!

เอาไปแค่ของจำเป็นก็พอ

จุดประสงค์ของการไปเที่ยวแบบ Staycation ส่วนใหญ่แล้วเป็นการที่ไปเที่ยวเพื่อชาร์จพลังมากกว่า รวม ๆ แล้วก็คือพยายามที่จะไม่ออกแรงเยอะ เดี๋ยวเหนื่อย (ขี้เกียจ) ดังนั้น เราไม่จำเป็นเลยที่เราจะต้องไปชอปปิ้งเสื้อผ้าใหม่ รองเท้าใหม่ กระเป๋าใหม่ แล้วถอยออกมาเพื่อมาอวดใครในทริปสั้น ๆ นี้ พกชุดเก่งไปก็พอ เน้นเรียบง่ายสบาย ๆ เข้าไว้ ที่สำคัญคือไม่ต้องขนทุกอย่างใส่กระเป๋า เพราะมันก็แค่ไม่กี่วันเอง เอาไปแค่ข้าวของที่จำเป็นต้องใช้ก็พอ ลืมอะไรก็แวะกลับมาเอาบ้าน อาจจะพกอะไรบางอย่างที่เป็นของคุ้นเคย แบบว่านอนกอดแล้วอบอุ่นเหมือนนอนอยู่บ้านก็ได้

ลิสต์รายการสิ่งที่อยากทำแต่ไม่เคยทำ

ให้การ Staycation เป็น “การเปิดประสบการณ์” ที่แปลกใหม่ แม้ว่าจะเป็นสถานที่เดิมก็ตาม ซึ่งจริง ๆ แล้วมันอาจจะยากไปสักหน่อยตรงที่อะไร ๆ เราก็คุ้นเคยไปหมด ข้าวร้านไหนอร่อยหรือไม่อร่อยก็รู้หมด ทางลัดตรอกซอกซอยก็อย่างเซียน ถ้าอย่างนั้นก็ลองมานั่งลิสต์ดูก็ได้ว่าข้าวร้านที่อร่อยเนี่ยมีเมนูไหนที่ยังไม่เคยลองกินบ้าง หรืออาจจะด้วยเปลี่ยนไปนอนโรงแรมใกล้บ้าน ก็อาจจะใช้เส้นทางตรงที่ไม่ใช่ทางลัด อะไรทำนองนี้ เชื่อได้เลยว่ามันจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไปอย่างแน่นอน แม้ว่าจะเป็นสถานที่เดียวกัน แต่กิจกรรมไม่เหมือนกันไง

อย่าเอางานไปทำ!

จริง ๆ แล้ววันหยุดเนี่ย มันก็ชัดเจนอยู่แล้วไหมว่าไม่ควรที่จะต้องนั่งทำงานงก ๆ แล้วไหนจะการไปเที่ยวพักผ่อนอีก งานนี่แหละที่เป็นอุปสรรคให้เราไม่ได้พักจริง ๆ จัง ๆ แบบที่ควรจะเป็นเสียที ถ้าคุณมั่นใจว่าตอนทำงานคุณเป็นคนเต็มที่เสมอ เพราะฉะนั้นตอนพักผ่อนคุณก็ควรจะเต็มที่กับมันเหมือนกัน กว่าจะได้หยุดจริงก็ตั้งวันที่ 16-18 นู้น ตอนนี้ก็เลยยังพอมีเวลาราว ๆ 2 สัปดาห์ให้ได้เคลียร์งานให้เรียบร้อย ว่าง ๆ แล้วก็อาจจะลองเข้าเว็บไซต์จองโรงแรมหรือจองห้องพักซะตั้งแต่เนิ่น ๆ ด้วย ราคาจะได้ไม่แรงมาก เรื่องงานที่เหลือ หลังกลับจากทริปค่อยว่ากัน