ใช้เงินเก่งมากแม่! เงินเฟ้อแบบนี้คู่เราต้องเริ่มประหยัดแล้ว

ไม่ว่าจะอยู่ในความสัมพันธ์ไหน หรือแม้แต่การมีความสุขอยู่กับความเป็นโสดของตัวเอง ก็ยังจำเป็นต้องใช้ “เงิน” เพื่ออุปโภคบริโภค เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ จึงกลายเป็นเรื่องที่ชวนให้กุมขมับเสมอมา ยิ่งโดยเฉพาะสถานการณ์เงินเฟ้อในช่วงเวลานี้ที่ทำให้สินค้าอุปโภคบริโภคแทบทุกอย่างยกขบวนกันขึ้นราคาเกือบหมด แม้ว่าจะสินค้าแต่ละอย่างจะขึ้นราคาเป็นเงินเพียง 5-10 บาท ทว่ามันก็เป็นราคาที่ทำให้ใครหลายคนรู้สึกไม่ไหว และถ้ามันเป็นสิ่งที่เราต้องกินต้องใช้ในทุกวัน ของขึ้นราคาทุกอย่างขนาดนี้ ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมาในรอบ 1 เดือนก็น่าจะแพงขึ้นมาเป็นหลักพันได้เลย!

แล้วในเวลานี้ คนที่มีความรักทั้งหลาย สภาพคล่องของเงินในกระเป๋าเป็นอย่างไรกันบ้าง ลำพังแค่ค่ากินค่าอยู่ของตัวเอง จะบริหารให้พอใช้ก็ยังลำบากหืดขึ้นคอ แต่ยังต้องกันไว้ส่วนหนึ่งสำหรับเดตกับแฟนหนุ่ม แฟนสาว และเปย์สิ่งของเป็นของกำนัลสำหรับความรักด้วย ถ้ารายได้ของคุณอยู่ในระดับโอเค และไม่ได้ใช้จ่ายเพื่อความรักบ่อย ๆ มันก็คงจัดการได้ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเขาหรือเธอเรียกร้องบ่อยเกินไปในช่วงเวลาที่เงินมีมูลค่าน้อย ๆ แบบนี้ ความรักมันก็ชักจะไม่หวานซะแล้วสิเนี่ย เพราะคุณเองก็ต้องเริ่มรัดเข็มขัดค่าใช้จ่ายบ้างแล้วเหมือนกัน

นอกจากนี้ยังมีกรณีที่คุณเห็นว่าแฟนของคุณใช้เงินมือเติบ ไม่ระมัดระวังสถานการณ์มากเกินไปหน่อย มันก็ออกจะเสี่ยงอยู่ไม่น้อยที่ยังใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยในช่วงที่ควรจะรัดเข็มขัดเซฟตัวเองแบบนี้ แม้ว่าเงินนั่นจะเป็นเงินที่พวกเขาหามาเอง และพวกคุณก็เป็นแค่คนรัก ยังไม่ได้แต่งงานกัน มันอาจจะดูก้าวก่ายเงินในกระเป๋าคนอื่นมากไปหน่อย แต่คุณก็รู้สึกเป็นห่วงด้วยความหวังดี ไม่อยากให้พวกเขาใช้เงินเก่งในสถานการณ์สุ่มเสี่ยงแบบนี้ เกิดเหตุฉุกเฉินไม่คาดคิดแต่ไม่มีเงินเก็บเลยจะลำบากเอาได้ ที่สำคัญ ถ้าแฟนคุณเกิดเดือดร้อนทางการเงิน เพราะใช้จ่ายมือเติบฟุ่มเฟือยไม่ประเมินสภาพเศรษฐกิจเอง สุดท้ายมันก็จะย้อนกลับมาที่คุณอยู่ดี ว่าคุณ (ต้อง) ช่วยเหลืออะไรคนรักบ้าง

ถ้าอย่างนั้น มันก็สมควรแก่เวลาแล้วนะที่คู่ของพวกคุณต้องชวนกันรัดเข็มขัดค่าใช้จ่าย ทั้งค่าใช้จ่ายส่วนตัวของพวกคุณเองและค่าใช้จ่ายสำหรับความรัก เพื่อให้มีเงินอยู่ในมือให้มากที่สุด ป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝันแบบอุบัติเหตุทางการเงินที่อาจมาเยือนได้ทุกเมื่อ แล้วพวกคุณควรจะทำอย่างไรกันดี

ลองพูดกันตรง ๆ ดูก่อนไหม

รู้ว่าเสี่ยง (ทะเลาะกัน) แต่คงต้องขอลอง เอาเป็นว่าถ้าเขาหรือเธอไม่ใช่คนประเภทงี่เง่า ทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโต และไร้เหตุผล ก็คงจะพอรับฟังคำเตือนของคุณ เก็บไปคิดต่อ และเข้าใจเจตนาที่แท้จริงของคุณได้บ้างแหละว่าที่คุณกล้าออกปากเตือนพฤติกรรมการใช้เงินของพวกเขา โดยที่อาจจะใช่หรือไม่ใช่เงินของคุณเองนั้น ก็เป็นเพราะรักจริง ๆ เห็นอะไรไม่ดีก็พูดก็เตือนกันดีกว่า ยุคนี้สมัยนี้อุบัติเหตุทางการเงินเกิดขึ้นกับใครก็ได้ อะไร ๆ ก็คาดเดาลำบาก มีเงินเก็บสำรองไว้บ้างสักก้อน น่าจะดีกว่าการเปย์ไม่หยุดทั้งที่ข้าวของพากันขึ้นราคาขนาดนี้ แล้วไปลำบากเอาตอนหลัง ๆ

ในกรณีที่เป็นเงินของพวกเขาเอง เตือนให้เซฟตัวเองด้วยการรัดเข็มขัด ประหยัดค่าใช้จ่ายที่หมดไปกับสิ่งฟุ่มเฟือยไปก่อนจะดีกว่า อดทนให้ผ่านช่วงพีค ๆ นี่ไปก่อน แล้วหลังจากนี้ช่วงที่เศรษฐกิจดีขึ้นจะเปย์เท่าไรจะไม่ห้ามเลย ส่วนในกรณีที่เป็นเงินของคุณ คุณเองก็มีสิทธิ์ที่จะปรามเต็มที่ ว่าถ้าขืนยังใช้เงินแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ คุณเองก็คงจ่ายไม่ไหวเหมือนกัน และจะได้รู้ ๆ กันไปเลยว่าแฟนของคุณเนี่ยเขารักคุณหรือรักเงินในกระเป๋าของคุณก็แน่

ใช้วิธีแชร์กันออก

เอาเข้าจริงวิธีนี้ก็ไม่ง่ายนักถ้าคิดจะทำจริง ๆ เพราะก็จะมีคนบางประเภทที่คิดว่าตัวเองสมควรได้รับการเลี้ยงข้าวทุกมื้อ ต้องเป็นฝ่ายถูกเปย์ถึงจะเข้าท่า เพื่อเป็นการพิสูจน์บ้างล่ะว่าถ้าจริงจังกันถึงขั้นแต่งงาน อีกฝ่ายจะเลี้ยงดูตัวเองให้ไม่ลำบากได้ หรืออีกฝ่ายก็อยากดูป๋า หน้าใหญ่ อยากให้เห็นว่าเลี้ยงได้ไม่ลำบาก แต่หลาย ๆ คนที่หัวก้าวหน้ากลับมองว่าถ้าอยากจะเท่าเทียมกันจริง ๆ การแชร์กันจ่ายคนละครึ่งไปเลยแบบนั้นมันยุติธรรมกว่า เพราะต่างฝ่ายต่างก็ทำมาหากิน หาเงินใช้ได้ด้วยตัวเอง เลี้ยงตัวเอง รับผิดชอบในส่วนที่ตนเองกินตนเองใช้ได้ แบบนี้ก็ดูแฟร์ ๆ ให้เกียรติกันดี

ถ้ารู้สึกไม่สบายใจ อาจจะใช้โอกาสพิเศษเป็นฝ่ายเลี้ยงคนรักก็ได้นะ จะได้ไม่ลำบากตัวเองหรืออีกฝ่ายมากจนเกินไปที่จะต้องรับภาระจ่ายคนเดียวทุกครั้ง ปกติก็หารกันออก มีบ้างที่ผลัดกันจ่ายเต็มตามโอกาส จริง ๆ หากมองระยะยาวไปจนถึงขั้นที่แต่งงานกัน ถ้าไม่ได้ตกลงกันว่าจะมีใครคนหนึ่งที่เป็นฝ่ายหาเงินเข้าบ้านส่วนอีกฝ่ายจัดการภาระหน้าที่ในบ้าน ท้ายที่สุดก็ทำงานนอกบ้านด้วยกันทั้งคู่ เรื่องเงินและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก็ควรช่วยเหลือกันอยู่แล้วหรือเปล่า

ชวนทำกิจกรรมที่ท้าทายกันเก็บเงิน

คนเราไม่ค่อยอยากที่จะเสียหน้าเท่าไรหรอก แม้กระทั่งกับคนรักก็ตาม หากมีกิจกรรมอะไรสักอย่างที่เป็นกิจกรรมสนุก ๆ ระหว่างคนรัก แถมยังชาเลนจ์บางอย่างไปด้วยในตัว จะทำให้มีไฟมากกว่าปกติ และรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่จะยอมแพ้ไม่ได้หากมันเป็นเรื่องที่อีกฝ่ายท้าทายมาว่า “ทำได้หรือเปล่าเอ่ย?” ถ้าอย่างนั้นก็ลองใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ ไปท้าทายให้เขาหรือเธอใช้จ่ายให้น้อยลง ประมาณว่าแข่งกันเก็บเงิน แข่งกันใช้เงินให้น้อยลง หรือช่วยกันเก็บเงินเพื่อจะได้นำเงินกองกลางนี้ไปเที่ยวด้วยกันก็ได้ เชื่อได้เลยว่ามันจะกระตุ้นให้พวกเขาใช้จ่ายประหยัดขึ้นได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ถึงมันจะเป็นวิธีที่ดูโกงนิด ๆ แต่จริง ๆ มันก็แค่กลยุทธ์เท่านั้นแหละ วิธีจูงใจคนที่ใช้เงินมือเติบให้หันมาประหยัดเพื่อที่จะเก็บเงินให้อยู่ จำเป็นที่จะต้องมีเป้าหมายที่น่าสนใจกว่าข้าวของแพง ๆ ที่พวกเขามักมีความอยากที่จะซื้อใหม่ทุกครั้งทั้งที่ไม่เคยแกะออกมาใช้ให้ได้ อย่างการชวนกันเก็บเงินเพื่อไปเที่ยว โดยตั้งเงื่อนไขว่าถ้าเก็บเงินเท่านี้ได้ไม่ทันเวลาเท่านั้นก็จะไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันนะ อาจยิ่งทำให้พวกเขาเก็บเงินได้ตามเป้าได้เร็วขึ้น เพราะอยากไปเที่ยวด้วยกัน

พากันเดตแบบประหยัดบ่อย ๆ

“ความรักต้องใช้เงิน” นั่นเป็นเรื่องจริง แต่ถ้าชวนกัน “เดตแบบใช้เงินให้ประหยัด ๆ” มันก็น่าจะทำได้ ในขณะที่ความรักความสัมพันธ์ก็ยังอยู่ ถ้ารักกันที่ใจจริง ๆ การเดตมันอยู่ที่ใจมากกว่า ไม่ใช่มื้ออาหารแพง ๆ หรือของขวัญแพง ๆ ที่เป็นเหมือนกับอุปกรณ์ประกอบฉากการเดต โดยเฉพาะในสถานการณ์เงินเฟ้อข้าวของแพงแบบนี้ จะมาออกเดตแบบกินหรูอยู่แพง เปิดกระเป๋าสตางค์เปย์แบบไม่คิดหน้าคิดหลังไม่ได้แล้ว ไม่เช่นนั้นอาจขาดสภาพคล่องทางการเงินถึงขั้นกระเป๋าฟีบ หมดตัว กินแกลบเลยก็ได้นะ

ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้หมดหนทางเสียทีเดียว ลองชวนกันทำตัวเป็นคู่รักคู่ประหยัดให้เป็นอัตลักษณ์เฉพาะตัวของคู่พวกคุณไปเลยเป็นไง ให้รู้กันไปเลยว่าอยู่ได้ไหมกับไลฟ์สไตล์แบบนี้ เพราะเอาเข้าจริง การเดตแบบประหยัดก็ประหยัดแค่เรื่องของการใช้เงินเท่านั้น แต่ความโรแมนติกและความประทับใจก็ยังคงอยู่ ของแบบนี้มันอยู่ที่กิจกรรมที่พวกคุณจะจูงมือกันไปทำมากกว่า คู่ที่แชร์กันประจำต่างคนก็จะจ่ายน้อยลง ส่วนคู่ที่จะมีคนเปย์เสมอก็ลดภาระลงด้วย

ถ้าไม่เลิกก็ทำใจให้ชินซะ

ถ้าลองมาสารพัดวิธีแล้วพบว่ามันไม่ได้ผลเลย ก็ต้องพิจารณาถึงวิธีขั้นเด็ดขาดที่สุด ในกรณีที่เงินที่แฟนของคุณใช้แบบไม่บันยะบันยังเป็นเงินในกระเป๋าของคุณ แล้วคุณเริ่มไม่เต็มใจที่จะต้องจ่ายหนักขนาดนี้อีกต่อไปแล้ว มันลำบากตัวคุณด้วย ก็อาจจะพิจารณาว่าเลิกรากันเลยไหม เพราะอย่างไรคุณก็ไม่มีความสุขอยู่ดี และดูเหมือนว่าเขาหรือเธอจะรักเงินของคุณมากกว่าคุณอยู่แล้ว ถึงไม่ได้เกรงอกเกรงใจเลยว่าใช้เงินแฟนให้ซื้อนั่นซื้อนี่ให้เสมอ ๆ ยิ่งถ้าแต่งงานกันไป มีลูกมีเต้า แล้วยังถนัดใช้เงินเป็นเบี้ยแบบนี้ ชีวิตครอบครัวลำบากแน่นอน

ในทางตรงกันข้าม ในกรณีที่ความฟุ่มเฟือยนั่น พวกเขาใช้เงินในกระเป๋าของพวกเขาเอง เพียงแต่คุณรู้สึกเป็นห่วงว่าถ้าเกิดปัญหาขึ้นมา เขาหรือเธอจะไม่มีเงินเก็บสำหรับใช้ชีวิตเลย ตัวคุณก็ช่วยเหลือได้ไม่มาก จึงคิดว่าน่าจะต้องเตือน ๆ กันหน่อย เพราะถึงจะหาเงินใช้เองจะใช้ยังไงก็ได้ แต่ถ้าไม่ได้ถึงขั้นเป็นเศรษฐี ก็ไม่ควรใช้เงินตามอารมณ์มากเกินไป ไม่เช่นนั้นเวลาเกิดอุบัติเหตุทางการเงินขึ้นมาก็ล้มสถานเดียว แต่ถ้าเตือนไปหลายครั้งแล้วไม่ฟังก็จงทำใจซะเถอะ