LAAL SINGH CHDDHA ชายผู้เปลี่ยนแปลงโลกใบนี้

พบกับลาล ซิงห์ จั๊ดด้า ชายผู้เปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ด้วยความเมตตาที่แสนเรียบง่าย Laal Singh Chaddha
ซึ่งเป็นการบอกเล่าเรื่องราวของภาพยนตร์คลาสสิกที่คว้ารางวัลออสการ์มามากมายอย่าง Forrest Gump ในรูปแบบใหม่ เป็นเรื่องราวยิ่งใหญ่ของลาล (อาเมียร์ ข่าน) ผู้ต้องการเพียงแค่ได้นำความสุขมาสู่คนที่เขารัก และภารกิจเล็ก ๆ นั้นเองกลับเปลี่ยนแปลงกระแสประวัติศาสตร์ของอินเดียไป ภายใต้การกำกับโดยแอดแวด จันดาน (Secret Superstar) จากบทภาพยนตร์เรื่องแรกที่เขียนโดยอัตตุล กุลการ์นีและมีเค้าโครงจากทั้งบทภาพยนตร์เรื่อง Forrest Gump โดยอีริค ร็อธและนิยายต้นฉบับของวินสตัน กรูม

ภาพยนตร์เรื่องนี้นำแสดงโดยอาเมียร์ ข่าน (Lagaan, Dangal), กรีณา กาปูร์ ข่าน (Singham Returns, GoodNewz), นาค ชัยธัญญา (Love Story, Bangarraju) และโมนา ซิงห์ (3Idiots, Yeh Meri Family) ผู้อำนวยการสร้างได้แก่อาเมียร์ ข่าน, คีราน ราว (Dangal, Secret Superstar), จโยตี เดชปานเด (Sniff, Angrezi Medium) และอาจิต อันดาเร (Padmaavat, Shabaash Mithu)

เรื่องคลาสสิกถูกนำกลับมาเล่าใหม่

ในปี 1994 Forrest Gump โดยโรเบิร์ต ซีเมคิส ได้กลายเป็นภาพยนตร์ยอดนิยมที่ชนะรางวัลออสการ์และสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมทั่วโลกด้วยเรื่องราวของชายที่เรียบง่าย ผู้ซึ่งคุณงามความดีของเขาช่วยพัฒนาชีวิตของทุกคนที่เขาพบเรื่องราวของมันไม่เคยสูญเสียพลังไปเลย เราอาจพูดได้ว่าข้อคิดเรื่องความเมตตาของภาพยนตร์เรื่องนั้นไม่เคยมีความสำคัญยิ่งไปกว่านี้อีกแล้ว

เรื่องราวดังกล่าวถูกบอกเล่าในรูปแบบใหม่โดยนักแสดงบอลลีวูดในตำนาน อาเมียร์ ข่าน ใน Laal Singh Chaddha ซึ่งเป็นการทำให้ความฝันอันยาวนานกลายเป็นความจริงเสียที การนำ Laal Singh Chaddha
มาสู่หน้าจอเป็นงานที่เกิดจากความรักของข่านเขาใช้เวลากว่าหนึ่งทศวรรษในการซื้อสิทธิ์ใน Forrest Gump
ซึ่งแสดงให้เห็นว่าวิสัยทัศน์ของเขาจะเป็นทั้งเป็นการยกย่องสรรเสริญต้นฉบับและการนำเรื่องราวนี้ไปสู่ทิศทางใหม่ที่น่าตื่นเต้นเขาได้รับสิทธิ์ของเรื่องมาในปี 2018

และเริ่มทำงานกับนักเขียนบท อัตตุล กุลการ์นี (เปิดตัวผลงานการเขียนบทเรื่องแรก) และผู้กำกับ แอดแวด จันดาน เพื่อดัดแปลงเรื่องราวของ Forrest Gump และสร้างเรื่องราวของลาล ซิงห์ จั๊ดดาขึ้นมา “ผมมอง Laal Singh Chaddha ว่าเป็นเหมือนการคัฟเวอร์เพลงคลาสสิกอันเป็นที่รักอย่างแท้จริง” ผู้กำกับแอดแวด จันดาน กล่าว “ผมรู้สึกว่า Forrest Gump เป็นเรื่องราวที่เป็นสากล ซึ่งเราสามารถนำรสชาติแบบอินเดียใส่ลงไปได้ Forrest Gump เป็นภาพยนตร์ที่มีเนื้อแท้เป็นอเมริกัน มันปรากฏอยู่ในบ้านที่พวกเขาอาศัยอยู่ เสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่ การอ้างอิงทางประวัติศาสตร์ ผมรู้สึกเหมือนเรามีโอกาสที่จะนำรสชาติอินเดียใส่ลงไปในเรื่องราวนี้และคงไว้ซึ่งจิตวิญญาณเดียวกันได้น่ะครับ” การใส่กลิ่นไอแบบอินเดียเข้าไปในเรื่องราวส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งใหญ่และเล็ก

ในขณะที่ Forrest Gump ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกาในช่วงศตวรรษที่ 20 หลายเหตุการณ์ ซึ่งรวมถึงสงครามเวียดนามและวอเตอร์เกทชีวิตของลาลได้นำเขาผ่านช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ศตวรรษที่ 20 ของอินเดีย ซึ่งรวมถึงสงครามคาร์กิล แต่ก็ยังมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอื่น ๆ ที่ทำให้เรื่องราวนี้มีความเป็นอินเดียอย่างแท้จริงด้วย

ทีมนักแสดงระดับตำนาน

การแสดงบท ลาล เป็นความท้าทายครั้งใหญ่สำหรับนักแสดงทุกคน ไม่เพียงแต่เขาจะต้องสวมบทตัวละครตัวนี้ตั้งแต่อายุ 20 ต้น ๆ จนถึงวัยกลางคนเท่านั้น แต่ยังต้องสามารถถ่ายทอดอารมณ์ของลาลผ่านบทสนทนาเพียงเล็กน้อยอีกด้วย ลาลเป็นคนที่มีหลากหลายอารมณ์แต่พูดน้อย สำหรับอาเมียร์ ข่าน หนึ่งในดาราที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการภาพยนตร์อินเดีย นี่เป็นหนึ่งในความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาชีพของเขา ด้วยความที่การดัดแปลงภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกริเริ่มขึ้นโดย ข่าน ผู้ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างของเรื่องด้วย จันดานกล่าวว่านักแสดงหนุ่มมีความใกล้ชิดกับตัวละครตัวนี้เป็นพิเศษ “เขาอยู่กับตัวละครตัวนี้มาประมาณสิบปี” จันดานกล่าว

อันที่จริง จันดานชื่นชมการที่ตัวละครอาศัยอยู่ในตัวเขามากแค่ไหน ในตอนที่พวกเขาอ่านบทร่วมกับทีมนักแสดงเป็นครั้งแรก “เราจัดเก้าอี้เอาไว้เพื่อให้มันเหมือนกับรถไฟ เราจัดคนให้นั่งอยู่ในที่ของพวกเขาและเริ่มอ่านบท เขามีความคิดอ่านแบบลาลมากจนมันออกมาอย่างเป็นธรรมชาติในทันที เขาคือลาลครับ” จันดานเชื่อว่าข่านสามารถเข้าถึงจิตวิญญาณของลาลได้อย่างรวดเร็ว เพราะพวกเขามีลักษณะสำคัญบางอย่างที่เหมือนกัน “เขาเป็นคนที่เอื้อเฟื้อและเอื้ออาทรมาก ๆ” จันดานพูดถึงดาราของเขา “ผมไม่ได้คิดว่านักแสดงและตัวละครจำเป็นจะต้องมีความคล้ายคลึงกันโดยธรรมชาติ แต่ผมรู้สึกว่าเราสามารถนำความไร้เดียงสานั้นเข้ามาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาทำได้ดีจริง ๆ”

นอกจากนี้ บทนี้ยังเป็นบทที่ต้องใช้พลกำลังอย่างมากสำหรับข่าน ใครก็ตามที่เคยดู Forrest Gump จะจำได้ว่าตัวละครต้องวิ่งมากแค่ไหน “ขอบคุณพระเจ้าที่เขาเป็นคนที่ฟิต!” จันดานหัวเราะ “นั่นเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับเขาในหนังเรื่องนี้” สำหรับฉากที่ลาลวิ่งไปทั่วประเทศ ข่านต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการวิ่งผ่านภูมิประเทศต่าง ๆ ตั้งแต่เมืองที่ผู้คนพลุกพล่านไปจนถึงภูเขา “คุณอาจสังเกตเห็นในบางช็อตว่าเขาเดินกะเผลกเล็กน้อย เพราะเขาได้รับบาดเจ็บที่เข่าน่ะครับ” จันดานกล่าว “เราหยุดถ่ายทำไม่ได้เพราะทุกอย่างถูกจองเอาไว้แล้ว เราต้องบินจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเป็นเวลาหนึ่งเดือนครึ่ง เขาได้รับบาดเจ็บแต่เขาก็ยังไปต่อ มันเป็นหนังที่เหนื่อยแสนสาหัสจริง ๆ สำหรับเขาครับ”

อินเดียแบบอันซีน

แม้ว่าจะเป็นเรื่องราวที่มีความเป็นส่วนตัว แต่ Laal Singh Chaddha ก็ถูกบอกเล่าออกมาบนผืนผ้าใบอันยิ่งใหญ่
ชีวิตของลาลนำพาเขาไปทั่วอินเดีย ตั้งแต่เมืองเดลี มุมไบ ไปจนถึงเกรละ และอื่น ๆ ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำในสถานที่ต่าง ๆ กว่า 100 แห่ง “บอกตามตรงนะครับ ผมรู้สึกตกใจเล็กน้อยตอนที่ลิสต์สถานที่ได้รับการอนุมัติ” จันดานกล่าว
“เราขออะไรแบบสุดโต่งไปเพราะเราคิดไปเองว่าเราไม่น่าจะขอได้สำเร็จ ผมหวังแค่ให้ได้ซักครึ่งหนึ่งก็ยังดี! มันเป็นความฝันที่เป็นจริงจริง ๆ ครับการได้สถานที่ทุกแห่งที่ผมต้องการจะถ่ายทำน่ะครับ”

สถานที่ทั้งหมดเหล่านี้ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความงามที่ไม่ธรรมดา แต่ยังสำรวจส่วนที่ไม่เคยมีใครได้เห็นของอินเดียด้วย “เราอยากไปที่สวย ๆ ของอินเดีย ซึ่งเป็นสถานที่ที่ไม่เคยถูกถ่ายทำมาก่อน” จันดานอธิบาย “ผมไม่อยากไปสถานที่ที่นักท่องเที่ยวไปอยู่แล้ว เราอยากถ่ายทำสถานที่ที่นักท่องเที่ยวควรจะต้องไป” เขาและทีมงานได้ใช้เวลานานในการค้นหาสถานที่ที่น่าตื่นตาตื่นใจและแปลกใหม่ หนึ่งในสถานที่ที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดที่พวกเขาถ่ายทำคือในอุทยานธรรมชาติสดายุในเกรละ ที่นั่นพวกเขาถ่ายทำรอบ ๆ รูปปั้นขนาดมหึมาของนกสดายุในตำนาน ผู้ช่วยพระรามและนางสีดาในตำนานอินเดีย

“ผมรู้สึกว่ามันเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ถูกประเมินค่าต่ำที่สุดในอินเดีย จันดานกล่าว “ทั้ง ๆ ที่มันอลังการมากครับ”
นอกจากนั้น ผู้กำกับยังโชคดีมากกับตัวเลือกบางอย่างของเขาด้วย “เราได้ถ่ายทำในสถานที่ที่เรียกว่านาร์กันดา
ผมอยากจะถ่ายทำในฉากหิมะธรรมชาติจริง ๆ สำหรับซีเควนซ์หนึ่งของเรา เราเคยทดลองกับเครื่องจักรสร้างหิมะมาแล้วแต่ผมอยากถ่ายทำฉากนี้ด้วยโดรน ดังนั้นคุณก็คงสามารถจินตนาการได้ว่าจะต้องใช้เครื่องจักรซักกี่เครื่องกัน!
เราตัดสินใจที่จะไปที่นั่นด้วยความความหวัง แต่ถ้าหิมะไม่ตก เราก็คงรอไม่ได้ แต่ในตอนเช้าที่เราไปถึง จู่ ๆ
หิมะก็เริ่มตกและตกอย่างต่อเนื่องตลอดการถ่ายทำ มันวิเศษไปเลยครับ”

เพลงจากหัวใจ

“ในฐานะผู้ชม ถ้าหนังเรื่องไหนไม่มีเพลง มันก็ไม่ให้ความรู้สึกว่าเป็นหนังอินเดียหรอกครับ” จันดานกล่าว
ตามความเป็นจริงแล้ว สำหรับภาพยนตร์อินเดียส่วนใหญ่เพลงมีความสำคัญพอๆ กับบทภาพยนตร์หรือภาพวิชวล
จันดานกล่าวว่าหนึ่งในสิ่งแรก ๆ ที่เขาทำเมื่ออ่านบทหนังเรื่องนี้คือคิดว่าเพลงไหนจะเข้ากับหนังเรื่องนี้ได้อย่างเป็นธรรมชาติและน่าประทับใจมากที่สุด

“เพลงจะนำมาซึ่งสิ่งที่ไม่ได้ถูกพูดออกมาและสิ่งที่จับต้องไม่ได้” จันดานกล่าว “เพลงจะซึมลึกเข้าไปในจิตใจคุณและเชื่อมโยงอารมณ์ของคุณกับความรู้สึกของตัวละคร พอคุณฟังเพลงในหนังเรื่องนี้ มันคือสิ่งที่ลาลรู้สึกและสิ่งที่ผู้ชมจะรู้สึกในที่สุดครับ” ดนตรีประกอบที่ยิ่งใหญ่ของภาพยนตร์เรื่องนี้แต่งโดย ทานุจ ทีคู โดยมีเพลงต้นฉบับที่แต่งโดย ปริทัม (ผู้เคยร่วมงานกับอาเมียร์ ข่านมาก่อนใน Dhoom 3 และ Dangal) และเนื้อร้องโดย อมิตาภ ภัตตาจารยา
“เพลงจะช่วยเพิ่มความลื่นไหลและอารมณ์ของหนังครับ” จันดานกล่าว “ผมภูมิใจในสิ่งที่อมิตาภและปริทัมได้สร้างขึ้น
ผมหวังว่าเมื่อผู้ชมนอกอินเดียได้ดูหนังเรื่องนี้ ดนตรีจะช่วยเพิ่มมิติให้กับเนื้อหาต้นฉบับมากยิ่งขึ้นครับ”

องค์ประกอบทั้งหมดเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเพลง สถานที่อันน่าทึ่งการดัดแปลงแบบอินเดียที่ชาญฉลาด การแสดงที่ยอดเยี่ยมล้วนแล้วแต่ผสมผสานรวมกันเพื่อสร้างภาพยนตร์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในขณะที่ยังคงมีหัวใจเต้นแบบเดียวกับ Forrest Gump “หนังทั้งสองเรื่องเป็นหนังเกี่ยวกับความสัมพันธ์” จันดานกล่าว“ ทั้งฟอเรสต์และลาลได้สร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นเหล่านี้ กับแม่เพื่อนจากกองทัพ ผู้หญิงที่เขารัก มันเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ทั้งนั้น และการเดินทางนั้นพวกนั้นก็เป็นเรื่องสากล

ตอนที่ผมได้ดู Forrest Gump ผมยังเรียนวิทยาลัยอยู่และผมก็ไม่เข้าใจองค์ประกอบทางประวัติศาสตร์ทั้งหมดนั่นเลย ผมไม่รู้ว่าวอเตอร์เกทคืออะไร แต่มันก็ยังสมเหตุสมผลสำหรับผม มันยังคงตลกสำหรับผม และมันก็ยังคงกระทบใจผม นั่นคือความชาญฉลาดของหนังเรื่องนี้ มันมีความเป็นสากลเช่นเดียวกับศิลปะที่ยิ่งใหญ่ทั้งหลายทั้งปวงนะครับ”