
นับตั้งแต่กาตาร์ถูกกดดันให้ยอมรับเงื่อนไข 13 ข้อ จาก 4 ชาติอาหรับ นำโดยพี่ใหญ่อย่างซาอุดีอาระเบีย เพื่อแลกกับการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดูเหมือนปัญหาที่เกิดขึ้นจะไม่ได้ส่งผลกระทบในเชิงการเมืองเท่านั้น แต่ยังลามไปถึงสัตว์ตาดำๆ ด้วย
โดยมีอูฐจำนวนมากที่ต้องสังเวยชีวิตเพราะอดอยากและขาดน้ำ หลังจากเกษตรกรชาวกาตาร์ที่อาศัยพื้นที่ของประเทศเพื่อนบ้านอย่างซาอุฯ ในการเลี้ยงอูฐกว่า 15,000 ตัว ถูกสั่งให้เก็บข้าวของออกจากพื้นที่โดยให้เวลาในการขนย้ายแค่ 1 ชั่วโมง
ขณะที่การขนย้ายสัตว์ข้ามพรมแดนอนุญาตให้มีสัตว์ผ่านได้เพียง 200-300 ตัวต่อวันเท่านั้น จึงมีอูฐจำนวนมากที่ต้องถูกทิ้งไว้ท่ามกลางอุณหภูมิร้อนระอุถึง 50 องศาเซลเซียส ขณะที่บางตัวก็ทนต่อความอดอยากและขาดน้ำไม่ไหว จึงทยอยตายกันไปหลายร้อยตัว
ส่งผลให้กระทรวงสิ่งแวดล้อมของกาตาร์ต้องยื่นมือเข้ามาช่วยสร้างโรงเลี้ยงสัตว์เป็นการชั่วคราว เพื่อช่วยแก้ปัญหานี้ให้กับเกษตรกรที่รับภาระนี้ไม่ไหว ซึ่งสามารถช่วยชีวตอูฐได้มากกว่า 8,000 ตัว
ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับ ซาอุฯ , สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, บาห์เรน และอียิปต์ ก็ส่อเค้าแย่ลงยิ่งกว่าเดิม เมื่อกาตาร์ที่ถูกกล่าวหาว่าให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย ไม่ยอมรับข้อเรียกร้อง 13 ข้อ ที่ 4 ชาติอาหรับต้องการให้ปฏิบัติตาม จนถูกขู่ว่าจะยกระดับมาตรการคว่ำบาตรให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม กาตาร์ยังคงมั่นคงในการตัดสินใจของตัวเอง โดยล่าสุด ผู้ว่าการธนาคารกลางของกาตาร์เพิ่งยืนยันว่า กาตาร์มีเงินสดและทองคำสำรองมากพอในการสู้กับวิกฤตต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการถูกคว่ำบาตร ขณะที่สัญญาระยะยาวเกี่ยวกับก๊าซและน้ำมันที่กาตาร์เป็นผู้ค้าในอันดับต้นๆ ของโลก ก็ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด