“เด็กสร้าง”…ที่ว่างมีบ้างมั้ย?

หลังจาก เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือ “หงส์แดง” ประกาศลั่นทุ่งว่าเขาพร้อมจะส่ง คลีวีน เคลเลเฮอร์ นายทวารดาวรุ่งลงเป็นตัวจริงในนัดชิงชนะเลิศคาราบาวคัพกับเชลซี หากไม่มีอาการบาดเจ็บ นั่นเท่ากับเป็นตราประทับว่าอนาคตของไอ้หนุ่มผู้นี้นั้นก้าวไกลอย่างแน่นอน ถือเป็นเด็กเยาวชนอีกรายที่เดินตาม เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ และเคอร์ติส โจนส์ ได้แบบเต็มตัว

ทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่นักเตะวัยรุ่นจะก้าวเติบโตจากชุดยูขึ้นชุดใหญ่ โดยเฉพาะกับทีมระดับหัวแถวอย่าง ลิเวอร์พูล, แมนฯ ซิตี้ หรือเชลซี เพราะนอกจากจะต้องเบียดแย่งที่กับดาราชื่อก้องระดับโลกซึ่งทีมซื้อเข้ามาแล้ว ยังอยู่ภายใต้ความกดดันเพราะทุกคนคาดหวัง ขึ้นมาแล้วพลาดไม่ได้ ใช้เวลาในการปรับตัวนานก็ไม่ได้ทั้งแฟนบอลและสื่อมวลชนล้วนจับจ้อง

แต่ ณ เวลานี้ คลีวีน น่าจะเป็นอีกหนึ่งรายที่กุนซือ “เฮฟวี่เมททอล” ปั้นขึ้นมาได้สำเร็จในฤดูกาลนี้พร้อม ๆ กับ ไทเลอร์ มอร์ตัน มิดฟิลด์ และ เคด กอร์ดอน ผู้เล่นในตำแหน่งปีกขวา 3 รายนี้ถือว่าได้โอกาสมากเป็นพิเศษ ถ้าเทียบกับเด็กคนอื่นที่ขึ้นมาพร้อม ๆ กัน หวังใจว่าพวกเขาจะขึ้นมายืนหยัดได้ยาว ๆ เป็นตัวเลือกให้สโมสรได้ในอนาคต

ถือเป็นเรื่องจำเป็นในปัจจุบันที่สโมสรจะต้องมีการดันนักเตะเยาวชนขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ เหตุผลแรกคือสร้างทางเลือกและความสดให้กับทีม เหตุผลที่สองคือเรื่องของการบาลานซ์โครงสร้างค่าเหนื่อยของนักฟุตบอลไม่ให้เกิดปัญหาไฟแนนเชี่ยลแฟร์เพลย์ ไม่ใช่มีแต่ดาราดังที่รับค่าเหนื่อยสูงลิ่วแต่เพียงอย่างเดียว เหมือน แมนฯ ซิตี้ ผลักดัน ฟิล โฟเด้น แมนฯ ยูไนเต็ด ปั้น เมสัน กรีนวู้ด

ประโยชน์อีกข้อคือการลดอายุเฉลี่ยของผู้เล่นไปในตัวด้วย อีกเหตุผลอาจจะเป็นส่วนเสริมแต่สำคัญเช่นเดียวกัน นั่นคือการสร้างความรู้สึกร่วมของแฟนบอลกับนักเตะเด็กของสโมสร ซี่งมีความฝันที่จะไต่เต้าว่าวันหนึ่งจะก้าวขึ้นมาติดทีมชุดใหญ่ได้เช่นเดียวกับคนอย่าง เทรนต์ อเล็กซ์ซานเดอร์ อาร์โนลด์ และเคอร์ติส โจนส์ นี่คือกำลังใจซึ่งสามารถหล่อเลี้ยงและสร้างความแช่มชื่นหัวใจให้กับเด็กทุกคนจากทีมเยาวชนทุกชุด รวมทั้งผู้ฝึกสอนและผู้ที่เกี่ยวข้องมากมายในสโมสรด้วย

ลองนึกดูว่า หาก คลีวีน ขึ้นไปยึดมือ 2 ได้อย่างถาวร รองจาก อลิสซอน เบ็คเกอร์ ก็จะทำให้ ลิเวอร์พูล สามารถปล่อย อาเดรียน ซึ่งกำลังจะหมดสัญญาออกไป ช่วยลดค่าเหนื่อยลงมา แถมยังเป็นการลดอายุค่าเฉลี่ยของทีมใหญ่ลงด้วยการดัน มาร์เซโล่ ปิตาลูก้า ขึ้นมาเป็นมือ 3 แทน

นอกจากจากนั้นยังอาจจะหมายถึงการส่งสัญญาณไปยังพวกซูเปอร์สตาร์เรื่องมาก ซึ่งอายุสูงขึ้นทุกวันที่ไม่ยอมต่อสัญญากับทีมเพื่อหวังโก่งค่าเหนื่อยให้กับตัวเอง ว่าหากไม่รู้จักความพอดี สโมสรเองก็ไม่จำเป็นต้องง้อจนสุดทาง เพราะยังมีเหล่าดาวรุ่งจ่อขึ้นไปเสียบตำแหน่งว่างอยู่

หาก “เด็กสร้าง” เหล่านี้เติบโตอย่างมีอนาคต ถือว่าเป็นการวางแผนระยะยาวในการรองรับความเสี่ยงของสโมสรที่คุ้มค่ามากครับ.