“NFT” ช่องทางสร้างรายได้จากสินทรัพย์ดิจิทัลที่กำลังมาแรงในตอนนี้

เทคโนโลยี “Blockchain” เป็นที่รู้จักมาสักพักใหญ่ มีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่เข้าใจระบบเทคโนโลยีนี้ แต่ก็มีคนอีกจำนวนไม่น้อยต่างก็หันหน้ามาใช้เทคโนโลยีนี้ เนื่องจากมีความปลอดภัยสูง ลดปัญหาด้านทุจริต นอกจากนี้ยังเป็นจุดเปลี่ยนของระบบการเงินและการลงทุน และยังสร้างความแปลกใหม่ให้กับแวดวงคนทำงานศิลปะ ซึ่งมาพร้อมกับสิ่งที่เรียกว่า NFT จุดประกายให้คนทำงานศิลปะในหลายประเทศ รวมทั้งบ้านเราเองเริ่มหันมาสนใจการทำงานศิลปะ NFT มากขึ้น เช่นเดียวกับคุณกำปุ๊ง-ปองณภัค ฟักสีม่วง ศิลปินอิสระและภูมิสถาปนิก ให้ความสนใจและมองว่าตลาด NFT เปิดโอกาสให้เราเป็นตัวเองได้ 100%

คำว่า “คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก” ในยุคดิจิทัลเป็นอย่างไร

คำว่า “คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก” คำนี้มันจริง ไม่ว่าจะในแง่ไหนมันคือศักยภาพของมนุษย์ ซึ่งมันขึ้นอยู่กับการฝึกฝน และการปลูกฝังซึ่งประเทศเราก็ให้การสนับสนุนในเรื่องของการฝึกฝนและการแสดงออก มุมมองหนึ่งของคุณกำปุ๊ง-ปองณภัค ฟักสีม่วง กล่าวเปิดการสัมภาษณ์กับคนต้นคิดได้อย่างน่าสนใจ เพราะเธอคือบุคคลหนึ่งที่มีความรักในการถ่ายภาพและงานศิลปะอยู่แล้ว เธอกล่าวต่ออีกว่าในยุคก่อนที่จะมี NFT คนไทยบางส่วนมีการก้าวข้ามจุดที่ขาดการสนับสนุนมาแล้ว

พอเป็นยุคของอินเทอร์เน็ตอะไรมันง่ายขึ้น พอเข้ามาในตลาดของ NFT มันก็ชัดเจนมากขึ้นเพราะว่า ตลาดมันไม่มีตัวกลางคือมีในส่วนของ Creator กับ Collector เลยซึ่งมันทำให้เกิดความเท่าเทียมกันในหลาย ๆ ด้าน ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวศิลปินเลยว่าต้องการแสดงออกมากแค่ไหน เมื่อผลงานเราได้ออกไปสู่สายตาคนทั้งโลก

“NFT” ถือว่าเป็นตลาดใหม่ของศิลปินอย่างไร

จากเดิมที่เราเคยมองว่างานของเราแบบนี้ ประเภทนี้มันสามารถสร้างรายได้ได้อย่างไร ใครจะมาจ้างเราและสามารถจ่ายเงินให้กับสิ่งที่เราทำ ยกตัวอย่างผลงานตัวเองที่เป็นแนวภาพถ่าย ซึ่งจะถ่ายคนน้อยมากแทบจะไม่มีเลย จะถ่ายในแนว Cityscape ซะส่วนใหญ่และเน้นไปทาง Cinematic ค่ะ และเราก็ตั้งคำถามกับตัวเองว่า “เราจะทำเงินกับสิ่งที่เราทำได้อย่างไร”

ผลงานที่เราสร้างขึ้นมาเราทำจากความชอบอย่างเดียวเลย พอถ่ายภาพออกมาก็เอามาทำภาพให้มัน Cinematic ขึ้น เรามองไม่เห็นเลยว่า เราจะทำไปเพื่ออะไรใครจะมาจ่ายเงินให้เรา ในเมื่อเราทำแล้วก็โพสต์ไปอย่างเดียวเอง พอได้มาเจอตลาด NFT มันเปิดกว้างทำให้รู้ว่างานของเรามันพอดีกับช่องทางนี้ ด้วยความที่มันเป็นดิจิทัล เราเสนอความเป็นตัวตนของเราออกไปแบบนี้ และมีคนมาจ่ายเงินให้เราโดยที่ไม่ติดใจอะไรเลย ซึ่งการทำ NFT ส่วนตัวมองว่าศิลปินทุกคนสามารถเป็นตัวเองได้ 100% จริง ๆ เพราะเราไม่ต้องทำตามโจทย์ใคร เราไม่ต้องแก้ไขตามสิ่งที่คนอื่นบอกเลย เราก็นำเสนอตัวตนของเรา 100% ผ่านผลงานไม่ว่าเราจะอยากทำแนวไหนก็ตาม

ส่วนในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงว่าเรามาอยู่ในโลก NFT แล้วส่วนตัวก็มองว่าผลงานที่ผ่านมาของเราก็ไม่ได้เปลี่ยนความเป็นตัวตนของตัวเองเลย แทบจะไม่ได้เปลี่ยนเลยจากสิ่งที่เคยทำมา ในแง่ของชนิดงานเราถ่ายภาพมันเป็นไฟล์ดิจิทัลอยู่แล้วเพราะฉะนั้นเราไม่ต้องเอามาเพื่อ Digital write มันเพื่อนำมาขาย แต่ก็มีอีกมุมหนึ่งศิลปินที่เขาเขียนภาพบน Canvas หรือทำมืออาจต้องถ่ายภาพหรือสแกนทำให้เป็นไฟล์ดิจิทัลเพื่อเอามาขาย ในส่วนที่เราทำไม่ต้องเปลี่ยนอะไรและเป็นสิ่งที่ทำให้เรามองว่ามันเหมาะกับประเภทงานของเรามาก ๆ เพราะมันเป็น Digital Art อยู่แล้ว 

มองว่า “NFT” คือวิถีทางรอดของศิลปินหรือไม่

มันเป็นช่องทางหนึ่งที่ดี ที่ทำให้ศิลปินอยู่รอดและได้ผลตอบรับมากกว่าที่คิดนะคะ สำหรับศิลปินที่สามารถขายงานได้ ประเด็นเรื่องการ Copy งาน หรือ Copy ไอเดีย ถ้าพูดถึงในโลก Blockchain ในโลก NFT มันก็มีเหมือนกันค่ะ NFT มีปัจจัยที่เกี่ยวข้องประกอบไปด้วย 4 อย่าง

  • Art คือสิ่งที่เราทำคืองานศิลปะที่ Represent Token
  • Cryptocurrency มันก็มีหลาย chain มีทั้ง Ethereum, Binance Coin
  • Economic ก็เหมือนเป็นหลักเศรษฐศาสตร์เรื่อง Demand Supply ในเรื่องของ Everest price บางอย่างที่เอามาคิดรวมกันในเรื่องของราคา
  • Community คือสังคมในโลก NFT

ในเรื่องของการ Copy งาน ศิลปินหลาย ๆ คนถูก Copy งานไปค่อนข้างเยอะ เอาไปลงใน Chain อื่นตัว Community เป็นส่วนช่วยในการตรวจสอบว่างานชิ้นนี้มาจากศิลปินคนนี้จริง ๆ เพราทุกคนรู้จักศิลปินตัวจริงว่าเขาเป็นใคร เขาทำงานมานานแค่ไหน เป็นงานแนวไหน เพราะฉะนั้นคนที่ Copy ผลงานไปทุกคนก็จะช่วยกัน Report มันเป็นข้อดีของ Community

ผลงานที่ผ่านมามีอะไรบ้าง

ในปัจจุบันมีอยู่ 3 แพลตฟอร์มเริ่มต้นมาจาก Foundation จะเป็นแพลตฟอร์มที่ขายงานหนึ่งต่อหนึ่งมีแค่ชิ้นเดียวเป็นงานชิ้นใหญ่ ซึ่งแพลตฟอร์มนี้จะต้องถูก Invite เข้าไปขาย คือศิลปินที่ขายงานได้แล้วถูก Invite เขาก็จะแจกต่อกันเป็นทอด ๆ ไปเป็นกึ่ง Curate ประมาณหนึ่ง ส่วนอีกแพลตฟอร์มหนึ่งคือ Opensea เราขายเป็น Collection ขายหลายชิ้นใน Collection เดียวกัน แพลตฟอร์มที่ 3 เป็น Makersplace เป็นแพลตฟอร์มที่ Curate 100% เลย เขาจะมี Creators ของแพลตฟอร์มแล้วก็ดึงศิลปินเข้าไปขายค่ะ

ถ้าเป็น ETH ก็ประมาณ 3 Ethereum ค่ะยอดนี้เคยนับไว้เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เป็นช่วงที่งานออกจนหมด ขายหมด พอขายหมดเรารู้สึกว่าเราไม่มีอะไรทำ เราก็เลยลงงานเพิ่ม ตอนนี้ก็มีงานเพิ่มเข้ามาในแต่ละแพลตฟอร์มแล้วก็ทำการโปรโมทไปเรื่อย ๆ แต่ก็รวม ๆ แล้วถ้าคิดเป็นเงินบาทก็ประมาณ 300,000 บาท

คุณปุ๊งเล่าต่อเรื่องความสำเร็จในโลก NFT เธอบอกว่าถ้ามองว่าการขายงานได้คือความสำเร็จ ตัวเธอเองก็ถือว่าประสบความสำเร็จ เราจะแฮปปี้มากกว่าถ้ามีคนมาซื้องานเราในแบบที่เป็นเราจริง ๆ ในเรื่องนี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จเพราะเราได้เป็นตัวเองแบบนี้มาตั้งแต่ก่อนเจอ NFT และภูมิใจที่เราไม่ได้เปลี่ยนสไตล์งานไปเลย

เราอยู่ใน Community มา 2-3 เดือน ตอนเราลงงานแรกมีคนซื้อไปไวมาก แต่หลังจากนั้นก็เงียบ เราก็มีการโปรโมตงานเพิ่มขึ้น โปรโมตหลายที่เหมือนเราหว่านเมล็ดทิ้งไว้ แล้วมันก็โตขึ้น ๆ พร้อม ๆ กันในช่วงเวลาที่ผ่านมา มันก็เลยทำให้งานมันขายออกไปหมด ในช่วงที่ขายงานไม่ได้เราไม่ได้เขวเลย ไม่ได้คิดว่างานที่ขายไม่ได้เป็นเพราะเราหรือเป็นเพราะงาน จริง ๆ มันก็อยู่ที่ตัวเรามากกว่าว่าเราพยายามมากขนาดไหน เพื่อให้คนเห็นงานของเราค่ะ

แรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานศิลป์ 

งานถ่ายภาพแนวที่เราชอบคือแนว Cinematic จะถ่ายให้เหมือนซีนในภาพยนตร์ เวลาเราถ่ายภาพก็แค่มองว่ามันสามารถทำให้เหมือนฉากในหนังอะไรได้บ้าง พยายามคิดถึงสิ่งที่เราเคยดูเคยเจอมาว่ามันสามารถเป็นไปได้ขนาดไหน เคยทดลองมาหลายวิธี หลายอย่างกับงานของตัวเอง งานที่ออกมาสีมันจะไม่จริงเลยเพราะเราทำทุกอย่างที่อยากทำจนกว่าจะพอใจในชิ้นงานนั้น

สำหรับคำแนะนำก็อยากให้ทุกคน รักงานของเราให้มาก ๆ เหมือนกับเวลาที่เรากำลังพัฒนางานชิ้นไหนของเราอยู่ เอาที่ตัวเองชอบ อย่ามองว่าเราทำแบบนั้นแบบนี้ไป คนนั้นคนนี้จะชอบไหม เอาที่เราพอใจเอาที่เราทำออกมาแล้วเรายิ้มไปกับงานของเรา อยากให้ทุกคนเริ่มจากการเป็นตัวเองดีที่สุดเพราะว่ามันจะอยู่กับเราไปตลอด ถ้าเราอยากทำเหมือนคนอื่นมันจะไม่ยั่งยืนเท่ากับที่สัญชาตญาณเราบอกค่ะ

ข้อควรระวังการขายงานใน NFT

ขอฝากอีกเรื่องสำคัญมาก คือการระวังตัวถ้าจะเข้ามาในตลาด NFT ในเรื่องของการสมัครกระเป๋าตัง ในเรื่องของการเก็บรหัสเราไม่ควรเอากล้องถ่าย หรือไม่ควรเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ ควรจะจดใส่กระดาษไว้ค่ะ เพราะว่ามีมิจฉาชีพหลายรูปแบบ ที่จะทักมาหาเรา ส่ง Inbox มาให้เรากดลิงก์ ห้ามกดเด็ดขาด ไฟล์ต่าง ๆ ห้ามเปิด ไม่ว่าอะไรที่มันดูแล้วน่าสงสัยอย่าคลิกลิงก์เด็ดขาดไม่อย่างนั้นมันจะเป็นหนทางนำไปสู่การแฮกกระเป๋าได้