รู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง!

สัปดาห์ที่แล้วเพิ่งเขียนเรื่อง ชาบี เอร์นานเดซ กุนซือวัย 41 ย้ายมาคุมทัพบาร์ซ่า สัปดาห์นี้กุนซือวัยเดียวกันอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด ตัดสินใจสละตำแหน่งที่ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส มารับงานในอังกฤษกับสโมสรแอสตัน วิลล่า

ความรู้สึกของแฟนบอลดูเหมือนจะแตกเป็นสองฝ่ายนะครับ

ส่วนแรก เป็นประเภทอนุรักษ์นิยมไม่อยากให้ “สตีวี่จี” เสี่ยงแบบนี้ คืออยากให้ประคองตัวอยู่ที่เดิมในแดนวิสกี้ สร้างผลงานแบบค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป รักษาโพรไฟล์เพื่อรอจังหวะกลับมารับงานในถิ่นแอนฟิลด์ ไม่ว่าจะในฐานะผู้ช่วย หรือผู้จัดการทีมในอนาคต

อีกฝ่าย แบบบู๊ ๆ หน่อย ชอบใจจะได้เห็น เจอร์ราร์ด ทุกสัปดาห์ในเวทีพรีเมียร์ลีก กับสโมสรที่เก่าแก่อย่าง แอสตัน วิลล่า พิสูจน์ฝีมือกันไปเลยว่า เอาเข้าจริงแล้วเขามีแววจะไปได้ไกลขนาดไหน

การมาคุม “สิงห์ผงาด” จะว่าเป็นงานหนักก็หนัก แต่ยังพอมีอนาคต อยู่อันดับ 16 อยู่เหนือโซนตกชั้น 2 คะแนน เป้าหมายไม่ได้สูงเว่อร์อะไรมากนักคือการหนีตกชั้นให้ได้ในปีแรก แถมเข้ามาแล้วได้เลือกทีมงานของตัวเองใหม่เองหมด ช่วงเปิดตลาดซื้อขายปีใหม่สโมสรไม่ได้มีปัญหาเรื่องการเงิน คงมีงบประมาณเจียดให้กุนซือคนใหม่ได้ลงทุนพอสมควร

นอกจากนั้นนักเตะที่มีอยู่หมดก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ ส่วนใหญ่เป็นกำลังหลักเดิมในฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งเคยมีเกมรับอันยอดเยี่ยม ด้วยประตูอย่าง เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ และกองหลังอย่าง ไทโรน มิงค์ส, เอซรี คอนซ่า, แม็ตธิว แคช และ แมตต์ ทาร์เกตต์

ตัวรุกยังมีผู้เล่นน่ากลัวอย่าง แดนนี่ อิงค์ส, โอลลี่ วัตกินส์ และลีออน ไบลี่ย์ 

ปัญหาเดียวของ วิลล่า คือพอเสีย แจ็ค กรีลิช แล้วไปไม่เป็น ชีวิตเคยแต่ฝากความหวังไว้กับซูเปอร์สตาร์ผู้นี้ 

แถมพอได้เงินมาจากค่าตัวที่ขายเขาไป 100 ล้านปอนด์ ให้แมนฯ ซิตี้ ก็ดันไปหว่านซื้อนักเตะเสียมากมายแล้วไม่ค่อยเข้าเป้า

ดีน สมิธ ใช้งบดึงผู้เล่นในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมานั้นมี แดนนี่ อิงค์ส 28 ล้านปอนด์จากเซาธ์แฮมป์ตัน, เอมิเลียโล่ บวนเดีย จากนอริช 35 ล้านปอนด์, ลีออน ไบลี่ย์จาก เลเวอร์คูเซ่น 30 ล้านปอนด์, แอชลี่ ยัง ฟรี, เอ็กเซล ตวนเซเบ้ ยืมตัว 

ดูเหมือนรายแรกรายเดียวน่าจะพอไปวัดไปวาได้เท่านั้น!

เจอร์ราร์ด เข้ามาต้องมาปลุกขวัญผู้เล่นเหล่านี้เหมือนสมัยที่เขาเป็นกัปตันทีมคนเก่ง รวมทั้งทำให้เด็กใหม่และเด็กเก่าเข้ากันให้ได้ ซึ่งทีมงานของ ดีน สมิธ อันไม่มี จอห์น เทอร์รี่ ไม่สามารถทำได้สำเร็จ เลยต้องถูกอัปเปหิออกไป

เวทีพรีเมียร์ลีกคือด่านทดสอบชั้นดี ซึ่ง “สตีวี่จี” ในบทบาทผู้จัดการทีมจะต้องผ่านไปให้ได้ และก็น่าชมเชยตัวเขาที่กล้าตัดสินใจ เพราะถ้าอยากเติบโตต่อไปบนเส้นทางสายนี้ความสำเร็จที่ผ่านมาในฐานะนักเตะไม่สามารถช่วยอะไรเขาได้ในตอนนี้ มันคนละเรื่องกันแล้ว แฟนบอลก็ต้องแยกแยะ ไม่เชื่อดูตัวอย่าง แฟรงค์ แลมพาร์ด กับงานเฮดโค้ชสโมสรที่เขารักอย่างเชลซี 

มาช่วยลุ้นผลงานของ “เจิด” กันดีกว่า เกมแรกวันที่ 20 พ.ย. นี้ เปิดตัวต่อหน้าแฟนบอลในวิลล่าพาร์ค และหลังจากนั้นไฮไลท์สำคัญคือวันที่ 11 ธ.ค. ที่เขาจะต้องพาทีมกลับไปเยือนรังเก่าอย่างแอนฟิลด์ เพื่อพบกับลิเวอร์พูลของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ต่อหน้าแฟนบอล “เดอะ ค็อป” ที่เขารักและรักเขา

งานดราม่าแบบนี้พลาดไม่ได้.