ทุกวันนี้การแข่งขันในการทำงานเรียกได้ว่าเป็นสนามที่ยากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะทุกคนต่างอย่างไปให้ถึงจุดที่สูงที่สุดในสายอาชีพของตนเอง บางคนสามารถทำได้ทุกวิถีทางเพื่อไปให้ถึงจุดนั้น บางคนยังสองจิตสองใจและยังสนุกกับเรื่องราวข้างทาง แล้ววิธีไหนละจะช่วยให้คนที่ตั้งใจในการทำงาน ประสบความสำเร็จได้อย่างที่หวัง และต่อจากนี้คือมุมมอง 5 ข้อ ของมืออาชีพที่จะช่วยให้คุณบินได้สูงตามที่ต้องการ
1. จงมองหาความสำเร็จแบบมืออาชีพในสายงานที่คุณเลือก มากกว่าจะมองหาความสุขที่จะได้จากงาน
เป็นคำแนะนำที่หลายคนอาจจะรู้สึกแปลก เพราะบรรดาไลฟ์โค้ช ทั้งหลายมักจะบอกให้คุณมีความสุขกับงานที่ทำ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว การหาความสุขจากการทำงานเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้เลย มันเป็นแค่คำพูดเพื่อให้คุณรู้สึกดีขึ้นเท่านั้น บริษัทจ้างงานคุณก็เพื่อให้เกิดผลผลิตจากการทำงานที่ดีที่สุดและวัดกันที่ผลงาน
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว จงมองหาความสำเร็จแบบมืออาชีพในงานที่ทำ เมื่อคุณประสบความสำเร็จในสายงาน คุณก็จะมีเงินมากขึ้น และจงนำเงินนั้นมาสร้างความสุขให้กับตนเอง ส่วนงานนั้นไม่ได้มีไว้สร้างความสุข แต่มีไว้สร้างความภูมิใจให้กับตัวคุณเองในการทำงานแบบมืออาชีพจนประสบความสำเร็จได้ด้วยฝีมือของคุณเอง
2. หมดยุคสมัยของการทำงานด้วยความภักดีกันแล้ว
คนในยุคเบบี้บูมนั้นจะมีความภักดีต่อองค์กรของตนเองเป็นอย่างยิ่ง และรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างองค์กรไปเลยด้วยซ้ำ แต่เมื่อถึงคนในรุ่นต่อมาทั้งเจเนอเรชั่นเอ็กซ์หรือวาย ต่างเห็นว่าผลของการภักดีต่อองค์กรจากคนในรุ่นพ่อแม่ตนเองนั้น คือ การถูกเลย์ออฟบ้าง หรือให้เออรี่ย์ รีไทร์บ้าง ซึ่งเรื่องดังกล่าวมาพร้อมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมที่เปลี่ยนไป องค์กรทั้งรัฐหรือเอกชน ต้องการคนที่สามารถสร้างผลผลิตให้กับพวกเขาได้
แต่ค่าตอบแทนหรือการดูแลตลอดชีวิตนั้นไม่เคยมีองค์กรไหนรับประกัน ดังนั้น การทำงานของคุณไม่จำเป็นต้องทำเพื่อใครทั้งนั้น แต่จงทำงานเพื่องาน หากมีโอกาสใหม่ที่จะทำให้คุณก้าวหน้าเจริญเติบโตได้ก็จงก้าวไปข้างหน้า จงซื่อสัตย์กับตนเองกับสถานของตนเอง เพราะต่อให้คุณภักดีกับองค์กรขนาดไหน สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม สิ่งที่องค์กรควรให้กับคุณ คือ ค่าตอบแทนที่สมราคากันไม่ใช่แค่คำชม หรือความพยายามจะทวงบุญคุณกับคุณในฐานะนายจ้าง
3. คนทำงานมืออาชีพต้องรู้จักใช้ Job Hunt อย่างมืออาชีพ
ถ้าคุณกำลังมองหางานใหม่ หรือหางานทำเป็นครั้งแรกในชีวิต จงใช้เว็บไซต์สมัครงาน หรือ Job Hunt ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะนั่นหมายถึงโอกาสในการสัมภาษณ์งานและได้งานใหม่หรือได้งานเป็นครั้งแรกในชีวิต สำหรับคนที่ต้องการเปลี่ยนงานและได้สัมภาษณ์งาน Job Hunt คือเครื่องมือชั้นดีในการสร้างโอกาสที่ดีกว่าในปัจจุบันให้กับตนเอง เพราะเหล่า Job Hunt มักเป็นเครื่องมือขององค์กรใหญ่ ๆ ในการหาพนักงานใหม่
และถ้าคุณได้โอกาสไปสัมภาษณ์งานสิ่งสำคัญสำหรับคนที่มีงานทำอยู่แล้ว จงอย่าได้แสดงความรู้สึกละล้าละลังให้ผู้จัดการฝ่ายบุคคลเห็น เพราะจะทำให้คุณดูเหมือนคนที่มีความตั้งใจต่ำ และถ้ากังวลเรื่องวันเริ่มงาน คุณสามารถคุยกับบริษัทที่คุณกำลังสนใจอยู่ได้ เพราะฝ่ายบุคคลที่สัมภาษณ์นั้นรู้ดีว่าการลาออกจากงานเก่าต้องมีเวลากำหนดในทุกบริษัท
4. จงรู้จักที่จะอ่านใจคน
ลองถามตัวคุณเองดูว่า คุณมีเพื่อนร่วมงานที่คุณไว้ใจได้บ้างกี่คน หรือมีผู้จัดการคนไหนบ้างที่คุณจะวางใจได้ว่าเขาจะไม่เอาผลประโยชน์ของตนเองมาก่อนลูกน้อง นี่เป็นคำถามเบื้องต้น สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มทำงาน และถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จลองดูคำถามด้านบนว่าคุณจะตอบอย่างไร เพราะแท้จริงแล้วในชีวิตการทำงานนั้นคุณแทบจะหาคนที่ไว้ใจไม่ได้เลย ทุกคนพร้อมที่จะทำเพื่อประโยชน์ของตนเองก่อน
ดังนั้น จงหัดที่จะอ่านใจคน และอย่าได้ไว้ใจในสัญชาตญาณของตนเอง เพราะถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจนั้น คุณต้องใช้เหตุและผลในการวิเคราะห์คนที่คุณทำงานร่วมด้วยมารองรับการตัดสินใจ
5. อย่าได้กลัวที่จะถูกไล่ออก
ข้อนี้อาจจะทำให้คุณรู้สึกแปลกใจ เอาเป็นว่าทำความเข้าใจกันก่อนว่า ถ้าคุณกลัวที่จะถูกไล่ออกคุณจะเป็นคนที่ยอมให้คนอื่นเอาเปรียบตลอดเวลา และในทุก ๆ สถานที่ทำงานล้วนมีการเมืองภายในออฟฟิศ เมื่อคุณตกเป็นเครื่องมือหรือหมากตัวหนึ่งของการเมืองออฟฟิศขอให้คุณถอนตัวออกมา เพราะมันไม่มีประโยชน์ต่อการทำงานแม้แต่น้อย
และถ้าคนที่อยู่ในตำแหน่งสูงกว่าขู่ว่าจะเอาคุณออก ถ้าไม่อยู่ในกลุ่มเดียวกับพวกเขา ก็จงอย่าได้กลัวหรือ โอนอ่อนตาม การเคารพในตนเองเป็นเรื่องสำคัญ ความเชื่อที่ว่า “สู้ไม่ได้ให้เข้าพวก” เป็นความคิดของคนขี้ขลาด ถ้าคุณคิดว่าตนเองมีความสามารถพอ งานที่ดีกว่าจะรอคุณอยู่ข้างหน้าเสมอ