Revolutionary Sisters จะหย่าอยู่แล้ว ถูกฆ่าตายก่อนซะงั้น!

ภาพจาก KBS

กำลังจะเข้าสู่ไตรมาสที่ 2 ของปีในอีกไม่กี่วัน เกาหลีก็เตรียมซีรีส์ล็อตใหม่ไว้เสิร์ฟแฟน ๆ เพียบ ซึ่งก็จะเริ่มทยอยออนแอร์ในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี่แหละ เท่าที่ไปส่องมา ล็อตนี้จะเบากว่าล็อตที่ออนแอร์ในช่วงนี้ เพราะซีรีส์ที่ออนแอร์ในช่วงนี้มันท็อปฟอร์มมากจริง ๆ เครียด ตื่นเต้น หดหู่ จิตตก ประสาทแ_ก แต่ถามว่าดูไหม ดู เพราะมันสนุกมาก แต่ในล็อตหน้า ทุกอย่างจะผ่อนคลายขึ้น โลกจะสว่างขึ้นมาอีกครั้ง

ซีรีส์สัปดาห์นี้เป็นแนวครอบครัว โรแมนติก ลึกลับ ตลก (ใช่ ในเรื่องเดียวนั่นแหละ) ชื่อเรื่องว่า Revolutionary Sisters ซีรีส์ยาว 50 ตอน (100 ตอนย่อย) ที่ค่อนข้างท้าทายการดูเป็นอย่างมาก เพราะซีรีส์ที่ผสมหลาย ๆ แนวเข้าด้วยกันแบบนี้มันดึงกลุ่มคนดูได้หลายกลุ่ม แต่คนที่ไม่ชอบบางแนวก็ต้องทนดูไป เพราะเรื่องมันดันขมวดปมน่าสงสัยที่ชวนให้ติดตามต่อไว้แล้ว และด้วยความที่เรื่องมันเป็นแบบ “ละครแม่บ้าน” มันอาจจะดูเชย ๆ ไปนิด แต่เพราะดึงเอา COVID-19 มาเล่นในเรื่อง มันก็ดูทันยุคทันสมัยได้มากขึ้นแล้ว

เรื่องราวหลักเป็นของครอบครัวหนึ่งที่ประกอบไปด้วยพ่อ แม่ และลูกสาวอีก 3 คน คนโตแต่งงานแล้ว คนกลางกำลังจะแต่งงาน ส่วนคนเล็กตั้งใจจะครองตัวเป็นโสดไปตลอดชีวิต

ซีรีส์เปิดมาด้วยการที่ผู้เป็นพ่อได้รับเอกสารบางอย่างจากภรรยา เมื่อเปิดดูก็พบว่ามันคือหนังสือฟ้องหย่าที่ความหนาแทบไม่ต่างจากหนังสือ ในนั้นระบุชัดเจนว่าภรรยาคือโจทก์ และแน่นอน คนที่ตกเป็นจำเลยก็คือสามี หลังจากที่เห็นเอกสารฉบับนั้น ฝ่ายสามีรีบบึ่งกลับบ้านเพื่อหวังเคลียร์กับภรรยาตัวเอง แต่ไม่ทันแล้ว เธอเก็บข้าวเก็บของออกจากบ้านไปแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น สภาพบ้านยังถูกปล่อยทิ้งไว้เละเทะไม่น่าดู ถ้ากินข้าวอยู่ขอให้กดข้ามไป

ภาพจาก KBS

พอไม่เจอภรรยา เขาจึงต้องไปถามหา (และขอความเห็นใจ) จากลูกสาวทั้ง 3 คน ทว่าลูกสาวทั้ง 3 กลับอยู่ข้างแม่ แล้วบอกให้พ่อหย่ากับแม่แต่โดยดี เพราะตลอด 40 ปีที่พ่อแม่ใช้ชีวิตคู่กันมา พวกเธอไม่เคยเห็นแม่มีความสุข ต้องทนเห็นแม่ทุกข์ใจ ร้องไห้ โวยวาย แล้วก็ชอบชวนลูก ๆ ตายไปด้วยกัน ความหนาของหนังสือฟ้องหย่าอธิบายได้ทั้งหมด ว่าพวกเธอเห็นว่าชีวิตแม่พวกเธอล่มจมแค่ไหน

ส่วนผู้เป็นพ่อไม่ต้องการหย่า โดยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลที่เขาไม่ยอมหย่าก็เพราะเห็นแก่ตัวเองทั้งสิ้น อ้างว่าไม่ได้ทำผิดร้ายแรงถึงขั้นที่ต้องหย่าร้าง ที่สำคัญ คือ ไม่อยากเสียศักดิ์ศรี เพราเป็นลูกชายคนโตของบ้าน เขาไม่อยากให้ทุกอย่างในชีวิตที่สร้างมาถูกปฏิเสธและกลายเป็นสิ่งล้มเหลว สิ่งที่น่าสมเพชที่สุดสำหรับเขา คือ การเป็นผู้ชายที่ไม่ได้รับการยอมรับ! แต่หลังจากได้รับคำแนะนำจากลูกเขยคนโต ว่าถ้าไม่ไกล่เกลี่ยก็ต้องชนะคดีให้ได้เท่านั้น สถานการณ์ถึงจะเปลี่ยน เขาจึงเดินหน้าลุยสู้คดีกับภรรยา (และลูก ๆ ทั้ง 3)

แต่…เรื่องไม่ง่ายแบบนั้น ระหว่างที่คดีฟ้องหย่ากำลังดำเนินไป ภรรยาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ทางครอบครัวกำลังจะนำศพไปดำเนินการตามประเพณี ตำรวจก็มาขวางหน้าไว้พร้อมกับบอกว่าการตายของภรรยา (แม่) ไม่ใช่อุบัติเหตุ แท้จริงมันคือการจัดฉากฆาตกรรม! และฆาตกรก็อยู่ในนี้ ใครสักคนในครอบครัวนี้นี่แหละ!

เรื่องของพ่อแม่ ที่ลูกต้องรับกรรม

หลาย ๆ กรณี คนที่ต้องมารับเคราะห์รับกรรมจากการกระทำที่คิดบ้าง ไม่คิดบ้าง คิดไม่รอบคอบบ้างของพ่อแม่ก็คือ “ลูก” ถ้าคุณไม่พร้อม ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม อย่าคิดมีลูกเด็ดขาด สงสารเด็ก

ภาพจาก KBS

มีฉากหนึ่งที่พี่น้อง 3 สาวนั่งคุยกันเรื่องพ่อแม่ คนโตที่แต่งงานไปแล้วนำคำของแม่มาคิดอยู่เสมอ ว่า “อย่ามีลูกเด็ดขาด และให้มีชีวิตเป็นของตัวเอง ลูกก็เหมือนเจ้ากรรมนายเวร” จึงไม่แปลกใจที่หนุ่มสาวรุ่นใหม่ ๆ หลายคนอยากที่จะแต่งงานมีครอบครัวโดยไม่มีลูก พวกเขามองว่าเด็กไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรที่จะต้องเกิดขึ้นมาใช้ชีวิตอยู่บนโลกที่น่ากลัวแบบนี้ ยิ่งถ้าไม่มีความพร้อมใด ๆ รองรับ จะลำบากกันทั้งพ่อแม่ลูกนั่นแหละ

ดังนั้น ทุกเรื่องที่พ่อแม่เป็นคนก่อ ลูกจะเป็นคนที่รองรับไว้ทั้งหมด ถึงแม้ว่าคุณจะพยายามถนอมน้ำใจลูกมากแค่ไหน แต่สักวันเขาก็ต้องรู้อยู่ดี ใครที่กำลังจะแต่งงาน ขอให้พิจารณาและวางแผนการสร้างครอบครัวของตัวเองดี ๆ โดยเฉพาะครอบครัวที่วางแผนจะมีลูก คำนึงถึงเวลามีปัญหา เรื่องมันไม่ได้จบแค่คุณ 2 คน แต่รวมถึงลูก ๆ ของคุณเองด้วย “ไม่มีลูกที่ไหนที่อยากเห็นพ่อแม่หย่าร้างกัน” อยากให้คู่แต่งงานจำคำนี้ไว้ดี ๆ

เป็นพ่อเป็นแม่ อย่ารักลูก “ไม่เท่ากัน”

ประเด็นนี้มีให้เห็นบ้างในครอบครัวหลักของเรื่อง แต่ที่ชัดเจนที่สุดคือครอบครัวรอง ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานของคนพ่อ ที่แสดงออกชัดเจนว่าเขารักลูกชาย 2 คนไม่เท่ากัน เขาสนับสนุนลูกชายคนโต และยกย่องให้เป็นลูกผู้ประเสริฐ เป็นความภาคภูมิใจของบ้าน กลับกันกลายเป็นหนังคนละม้วนกับลูกชายคนเล็ก ที่พ่อเอาแต่ด่าว่าและดูถูกสารพัด เพียงเพราะเขาไม่ได้ดั่งใจที่พ่อต้องการ

ผู้ที่มารับบทลูกชายคนรองก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คือ พระรองแห่ง The King : Eternal Monarch ที่พลิกคาแรกเตอร์แบบหน้ามือเป็นหลังมือจากเรื่องนั้น จากตำรวจหนุ่มเย็นชาในวันนั้น สู่หนุ่มร็อกเกอร์ผมยาวสุดเซอร์ในวันนี้ เขาเป็นลูกชายที่ผู้เป็นพ่อออกปากว่าไม่ได้เรื่อง รู้สึกอายทุกครั้งที่มีคนพูดถึงลูกชายคนนี้ ทั้งที่ทุกวันนี้เขาคือคนที่อยู่ดูแลพ่อที่บ้าน คอยซื้อนู่นหานี่เข้าบ้าน และที่สำคัญ เขาคือคนที่ต้องเสียสละออกจากโรงเรียนกลางคันเพราะพี่ชาย

ภาพจาก KBS

จะเห็นว่าผู้เป็นพ่อแบ่งแยกลูกชาย 2 คนออกจากกันชัดเจน พ่อให้ลูกชายคนโตเต็มร้อย ส่วนคนเล็กเป็นศูนย์ ทำให้มาตรฐานค่าเฉลี่ยตกลงมา ทั้งที่ถูกพ่อดูถูกดูแคลนสารพัด แต่เขาก็ยังอยู่ดูแลพ่อ พร้อมกับการเดินตามความฝันที่อยากจะเป็นนักร้อง ถึงจะน้อยใจที่พ่อเอาแต่บ่นว่าว่าไม่ได้เรื่อง แต่ก็พยายามจะพิสูจน์ตัวเองให้ได้

สิ่งที่ทำร้ายคนที่เป็นลูกมากที่สุด คือการถูกเปรียบเทียบ ใครหลาย ๆ คนน่าจะเคยถูกนำไปเปรียบกับลูกบ้านข้าง ๆ เปรียบกับลูกของเพื่อนพ่อแม่ ที่หนักสุดคือการเปรียบเทียบกับพี่น้อง แล้วแสดงออกชัดเจนว่ารักลูกไม่เท่ากัน เพราะคนเราจะเจ็บที่สุดเวลาที่ถูกคนที่รักและไว้ใจทำร้าย ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อจิตใจของผู้ถูกกระทำ เพราะฉะนั้น หากคิดจะเป็นพ่อเป็นแม่คน และคิดจะมีลูกมากกว่าหนึ่ง อย่าหาทำเด็ดขาดกับการรักลูกไม่เท่ากัน อย่าลืมว่าลูกชังคนนั้นก็เป็นสายเลือดเหมือนกัน

ชีวิตหลังแต่งงาน ไม่ได้ง่าย

เรามักจะได้ยินกันอยู่เสมอ ว่าการแต่งงานไม่ใช่บทสรุปของความรัก แต่มันคือจุดเริ่มต้นต่างหาก ในวันแต่งงาน ไม่ว่าจะจากการทำพิธี จากการจดทะเบียนสมรส หรือจากการตกลงปลงใจที่จะใช้เตียงเดียวกัน เท่ากับวันนั้นเป็นวันที่คน 2 คนเปลี่ยนสถานะจากคนอื่นมาเป็นสามีภรรยา มาเป็นครอบครัวเดียวกัน ก็เท่ากับเป็นการเริ่มการปรับตัวที่จะเข้าหากัน ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ซึ่งมันต้องแตกต่างจากสถานะแฟนแน่ ๆ ที่ไปเที่ยวกันเสร็จก็แยกกลับบ้านใครบ้านมัน แต่การแต่งงาน คุณจะกลับบ้านเดียวกัน นอนเตียงเดียวกัน (น่าจะ) ตลอดชีวิต

ภาพจาก KBS

หลายคนถึงได้ออกมาสนับสนุนการอยู่ก่อนแต่ง เพราะการที่คุณต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันทั้งวันทั้งคืนตลอดชีวิตไม่ใช่เรื่องง่าย ขนาดพี่น้องพ่อแม่เดียวกันบางครอบครัวยังทำไม่ได้เลย นับประสาอะไรกับคนอื่น 2 คน การอยู่ก่อนแต่จึงน่าจะช่วยให้ทั้ง 2 ฝ่ายได้เรียนรู้ว่าจะปรับตัวอยู่ด้วยกันอย่างไร พยายามแล้วเข้ากันได้ไหม มีอะไรที่จูนกันไม่ติด เพราะถ้าอะไรก็เข้ากันไม่ได้ ปรับแล้วเปลี่ยนแล้วความเข้ากันไม่ได้ก็ยังก็เหมือนเดิม แต่ความรู้สึกมันไม่เหมือนเดิม มันเหนื่อย มันเบื่อ มันฝืน มันทรมาน และมันเสียเวลา

สุดท้ายพอถึงจุดหนึ่งที่ความอดทนสิ้นสุด เราก็ต้องโบกมือลาแยกทางกันอยู่ดี น่าคิดที่ว่าบางคู่แต่งงานใช้ชีวิตคู่กันมา 20-30 ปี แต่ท้ายที่สุดก็หย่าร้างแยกทางยังเกิดขึ้นมาแล้ว มันเกิดอะไรขึ้น อยู่กินกันมานานขนาดนั้นแต่สุดท้ายก็ทนไม่ได้อีกต่อไป

เพราะฉะนั้น ใครที่กำลังเตรียมตัวแต่งงาน ก็ขอให้พิจารณาและวางแผนการสร้างครอบครัวของตัวเองดี ๆ เวลามีปัญหา เรื่องมันไม่ได้จบแค่คุณ 2 คน แต่หมายถึงครอบครัวของทั้ง 2 ฝ่าย และ…ลูก ๆ ของคุณเอง

Revolutionary Sisters ถือเป็นซีรีส์แนวครอบครัวที่น่าสนใจอีกเรื่องของเกาหลี จุดขายของเรื่องไม่ได้เน้นไปที่เรื่องของการนอกใจ มากชู้หลายเมียหลายผัว (มีแหละ เพราะมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในครอบครัว) แต่เน้นไปที่ความเป็นปัจเจกของคนและการสร้างความสัมพันธ์ที่ดูหลวม ๆ หรือแน่นเกินไปจนหายใจไม่ออกต่างหาก ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้แตกต่างจากซีรีส์ครอบครัวเรื่องอื่น ๆ หากใครนึกภาพไม่ออกว่าละครแม่บ้านเป็นอย่างไร มันก็จะฟีลเดียวกันกับละครเย็นก่อนข่าวภาคค่ำบ้านเรานั่นแหละ แค่น่าดูกว่า ?