โสดก็เที่ยวได้ไม่เห็นแปลก ลองเที่ยว “เส้นทางคนโสด” ดูสิ!

ขึ้นชื่อว่า “คนโสด” ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือตอนนี้ก็มักจะแฝงมาด้วยความเจ็บนิด ๆ อยู่เสมอ แม้ว่าหลายคนก็ตั้งใจโสดด้วยตัวเอง แต่ต้องยอมรับว่าสายตาจากคนนอกที่มองมาที่เรานั้นมันก็ทำให้หมดความมั่นใจไปได้ในบางที บวกกับความเหงา ความต้องพึ่งพาตัวเอง ก็เลยทำให้รู้สึกว้าเหว่จนจิตใจหดหู่ได้เหมือนกัน อย่างเวลาวันรวมญาติ (ยิ่งถ้าอายุเข้าเลข 3) มักจะต้องได้ยินคำถามมากมายสารพัดว่าทำไมยังไม่มีแฟนบ้าง ทำไมแต่งงานบ้าง ซึ่งบางทีมันก็เป็นความสบายใจของเราแบบนั้น แล้วก็ไม่ได้รู้สึกอะไรที่ต้องโสด แต่ก็อึดอัดอยู่ดีที่จะต้องตอบคำถามนั้น

แต่ไม่ว่าคนโสดจะถูกมองในลักษณะไหนก็ตาม โชคดีของโลกที่มาไกลเกินความคิดความเชื่อเดิม ๆ ทำให้ตอนนี้คนโสดมีจุดยืนมากขึ้น เริ่มที่จะมีโอกาสอะไร ๆ บ้างอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นวันคนโสด ลดกระหน่ำฉลองความโสด หรือแม้แต่เส้นทางเที่ยวสำหรับคนโสด

เพราะไม่ว่าเราจะครองสถานะโสดแบบใดก็ตาม แบบไม่มีแฟน หรือโสดแค่ในบัตรประชาชน นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือเรื่องผิดปกติอะไรสำหรับคนยุคใหม่อีกต่อไปแล้ว สิ่งที่สำคัญก็คือ ไม่ใช่เราที่โสดอยู่คนเดียวเสียหน่อย ยังมีเพื่อนร่วมโลกอีกเป็นจำนวนมากที่ก็โสดเหมือนกัน เพราะมันเป็นสิ่งที่ใครหลายคนเลือกเอง และก็พอใจที่จะให้มันเป็นแบบนั้น

Waithood เป็นคำจำกัดความที่ใช้เรียกปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนรุ่นใหม่ ๆ มันคือภาวะของการรอคนรัก ไม่รีบมีแฟน ไม่รีบแต่งงาน หรือแม้กระทั่งจงใจไม่มีเองก็ตาม (หลายคนก็ไม่ได้ตั้งใจจะโสด) อย่างไรก็ดี ถึงมันจะเป็นภาวะที่ไม่ได้ผิดปกติอะไรในสังคมปัจจุบัน โดยเฉพาะสังคมเมือง แต่สายตาจาผู้ใหญ่ก็ยังมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยปกติอยู่ดี ผู้หญิงหลายคนก็มีเหตุผลดี ๆ ที่จะเลือกครองตัวเป็นโสด รวมถึงการที่พบเจอแต่ผู้ชายประเภทต้องร้องยี้ ก็ทำให้หมดศรัทธาในรักได้อยู่เหมือนกัน

เป็นโสดทำไม อยู่ไปให้เศร้าเหงาทรวง

คนรุ่นใหม่หลายคนมีทัศนคติในเรื่องความรักและการใช้ชีวิตคู่ที่ต่างออกไปจากคนสมัยก่อน ง่าย ๆ เลยก็คือ การมองว่าการแต่งงานเป็นการผูกมัด เป็นการเริ่มต้นชีวิตคู่ที่ดูขาดอิสรภาพ อีกส่วนหนึ่งก็เพราะมันจำเป็นต้องมีค่าใช้จ่าย ยิ่งถ้าหากมีลูกขึ้้นมา หลายคนตกอยู่ในสภาวะที่ยังเอาตัวเองแทบไม่รอด แม้ว่าจะเรียนจบมีงานทำแล้วก็ตาม คุณภาพชีวิตของเด็กที่เกิดมาย่อมไม่ต่างอะไรไปจากตัวพ่อแม่ รวมถึงไม่อยากแบกรับปัญหาของเรื่องคู่ ๆ ด้วย ความคิดเรื่องการมีคู่จึงถูกปัดตกไป

ขณะเดียวกัน ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทัศนคติต่อสภาพสังคมก็เป็นปัจจัยหลักปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อทัศนคติด้านความรัก กหลายคนมองว่าการเป็นโสดไม่ใช่เรื่องแย่ แต่การมีแฟนแล้วชีวิตแย่ลงต่างหากที่แย่ รวมถึงการมีคู่ การแต่งงาน การมีลูกไม่ใช่เป้าหมายในชีวิตของคนยุคนี้ ขนาดหลายคนแต่งงานแล้วก็ยังไม่อยากมีลูก เพราะรู้สึกว่าตัวเองยังไม่พร้อมและก็ไม่อยากให้ลูกเติบโตมาในสภาพสังคมเดียวกันกับที่ตัวเองเติบโตมาด้วย

รวมถึงแนวคิดแบบ “การเห็นคุณค่าในตัวเอง” ที่ทำให้เราสามารถใช้ชีวิตคนเดียวได้ หลายคนเริ่มเคยชินกับการไปไหนมาไหนคนเดียว ชินกับการเข้าร้านอาหารคนเดียว ไปเที่ยวไกล ๆ คนเดียว หรือแม้แต่การนั่งดูหนังดูซีรีส์อยู่บ้าน และติ่งดาราศิลปินต่าง ๆ ก็เป็นเรื่องที่เปิดกว้าง เพราะมันก็เป็นที่พึ่งทางใจได้ดีทีเดียว ผู้หญิงหลายคนจะรู้สึกโกรธมาก หากผู้ชายที่มีท่าทีเข้ามาจีบมีอคติทางลบกับผู้ชายในมโนของตัวเอง ไม่ใช่ว่าผู้หญิงเหล่านั้นเพ้อฝันจนไม่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง แต่มันเหมือนกับการดูถูกรสนิยมของเธอและการโอ้อวดตัวเองจนเกินงามของผู้ชายมากกว่า

โสดได้โดยไม่แคร์สายตาใครอีกต่อไป

“มีก็ได้ ไม่มีก็ไม่เป็นไร” เป็นความคิดของคนยุคใหม่ ทั้งหลายคนยังมีความคิดแบบติดตลกว่าไม่มีแฟนนั้นไม่ตาย แต่ไม่มีจะกินต่างหากที่จะตาย แรกเริ่มเดิมทีการทำอะไรคนเดียวแบบที่ไม่มีแม้แต่เพื่อนอยู่ด้วยก็อาจจะรู้สึกไม่มั่นใจหรือเขิน ๆ อยู่สักหน่อย แต่พอบ่อยเข้า รวมถึงเห็นว่าใคร ๆ ก็เดินไปไหนมาไหนคนเดียว ก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้น จะมีแฟนเดินเคียงข้างหรือไม่ ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนกลุ่มนี้โฟกัสอีกต่อไปแล้ว

ยกตัวอย่างการออกเที่ยวในช่วงเทศกาล หลายคนเลือกที่จะไม่ไปไหน เพราะการอยู่คนเดียวท่ามกลางคนที่อยู่กันเป็นคู่ อยู่กับครอบครัว มันก็อาจจะเหงาหรือว้าเหว่อยู่นิด ๆ เหมือนกัน แถมยังต้องไปแย่งกันกินแย่งกันใช้ให้ลำบากตัวเองอีก แต่อีกหลายคนก็ไม่แคร์ การไปเที่ยวคนเดียวก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร แถมยังมีข้อดีอยู่เหมือนกัน

ขณะนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ผุดโปรเจกต์ “เส้นทางคนโสด Single Journey” ขึ้นมา เพื่อแนะนำคนโสดให้ออกไปใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจ อยู่คนเดียวก็เที่ยวได้ก็เที่ยวสไตล์คนโสด แน่นอนว่ารัฐไม่สนับสนุนให้คนอยู่แบบโสด ๆ เพราะอัตราประชากรเกิดใหม่เทียบกับประชากรที่เข้าสู่วัยผู้สูงอายุมันไม่สมดุลกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นเป้าหมายการเที่ยวแบบโสด ๆ นี้มันก็่าจะมีเจตนาแอบแฝงอยู่แล้ว เพราะเขาคงอยากให้คนโสด 2 คนมาเจอกัน ได้ทำความรู้และสานสัมพันธ์กันต่อได้

เส้นทางคนโสด Single Journey #อย่าล้อเล่นกับความเหงา

โครงการนี้มีขึ้นมาก็เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศสไตล์คนโสด หรือต่อให้ไม่โสดแต่ชอบท่องเที่ยวคนเดียว (Solo Traveler) ก็ได้เหมือนกัน ด้วยการเปิดสไตล์การท่องเที่ยวที่หลากหลายทั่วประเทศใน 9 เส้นทาง คือ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลพบุรี-สระบุรี อุดรธานี-เลย ชุมพร-สุราษฎร์ธานี ภูเก็ต พัทยา พระนครศรีอยุธยา และกรุงเทพมหานคร ซึ่ง ททท. เองก็มีพันธมิตรอย่าง Tinder ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันหาเพื่อน ให้ทุกคนได้หาเพื่อนใหม่ ๆ สร้างความสัมพันธ์ใหม่ ๆ จากกิจกรรมที่ชอบเหมือนกัน ได้ประสบการณ์ที่ดีจากการท่องเที่ยว โดยใช้การท่องเที่ยวเป็นสะพานในการเริ่มต้นมิตรภาพหรือความสัมพันธ์

แม้ว่าตอนนี้ โครงการนี้อาจต้องพับเก็บไปก่อนจากสถานการณ์ COVID-19 ที่เกิดขึ้น แต่ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีที่จะให้คนโสดได้มีโอกาสทำอะไรที่ตนเองไม่เคยทำร่วมกับคนโสดด้วยกัน มีกิจกรรมนำร่อง 3 เส้นทางให้เลือกเที่ยวสไตล์ใครสไตล์มัน เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงกลางเดือนธันวาคมนี้ยาวไปจนถึงมกราคมปีหน้า

โสดสายมู ล่องเรือ ไหว้พระ หารัก ส่วนหนึ่งเพื่อเอาใจคนที่ไม่ได้ตั้งใจโสดไปไหว้พระขอพรให้มีคู่กันได้ แต่ถ้าเป็นโสดแบบตั้งใจไม่แคร์ใคร จะไปไหว้พระขอพรเรื่องอื่น ๆ ก็ไม่ได้ผิดกติกา

โสดสายแซ่บ Secret Island เกาะลับไม่ห่างรัก คนโสดหลายคนโสดเพราะตัวเองเป็นสายแซ่บ ไม่ชอบผูกมัด และไม่อยากผูกมัดใคร ชอบอยู่แบบสนุก ๆ คนเดียว ก็ไปสนุกกับปาร์ตี้ริมทะเล ที่สามารถได้เพื่อนใหม่ ๆ หรือได้แฟนกลับมาก็ได้

โสดสายชิลล์ รถไฟขบวนสุดท้าย ชื่ออาจฟังดูหดหู่ไปหน่อยเหมือนคนกำลังจะโสดแบบขึ้นคาน แต่การเที่ยวในลักษณะนี้ก็ปลดปล่อยความเหงาได้ไม่เลว นั่งรถไฟชิลล์ ๆ ถ่ายรูป ชมวิว กินบรรยากาศได้อย่างแฮปปี้

แน่นอนว่าหลายคนอาจเปลี่ยนสถานะจากโสดสนิทเป็นมีคนคุย มีคนรู้ใจ หรือมีครอบครัวเลยก็เป็นได้ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของคนที่ไม่ได้ตั้งโสดจะกลายเป็นคนไม่โสดก็ได้เหมือนกัน หรืออีกหลายคนก็อาจจะได้มิตรภาพดี ๆ ที่ยาวนานกลับมา แต่ไม่ว่าต่อไปคุณจะยังโสดอยู่หรือไม่ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร และขอให้ภูมิใจว่า เราเองก็เป็นคนโสดที่มีที่ยืนในสังคมบ้างแล้วเหมือนกัน