ปลายสัปดาห์ที่แล้วมีประเด็นลูกหนังขึ้นมา เมื่ออดีตนักเตะ “หงส์แดง” อย่าง ฟิล ธอมป์สัน ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การขายช่วงสุดท้ายก่อนตลาดปิดของทีมว่าทำได้ไม่ค่อยดีนัก เพราะไปตัดสินใจปล่อย “เด็กปั้น” อย่าง ริยาน บริวส์เตอร์ ออกจากทีม แต่ขณะเดียวกันตัดสินใจเก็บ ดิว็อค โอริกี้ ซึ่งระยะหลังฟอร์มตกไปเยอะ
เรื่องนี้อาจจะไม่ได้มีอะไรซับซ้อนไปกว่าโอกาสเลือกไม่ได้อยู่ในมือของลิเวอร์พูล เพราะมีแต่ทีมสนใจจะดึงตัว บริวส์เตอร์ ไม่เห็นได้ยินข่าวว่าใครอยากจะได้ “เทพกี้” ไปปัดฝุ่น
เอวัง มันก็ต้องขาย เพราะความจำเป็นในการนำเงินเข้ามาทดแทนรายจ่ายที่ทุ่มซื้อ ดิเอโก้ โชต้า และติอาโก้ อาคันทาร่า และอีกอย่าง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ให้ราคาดีเสียด้วยสิ สโมสรไม่ต้องการลงทุนอะไรมากนักในช่วงที่ต้องเสี่ยงกับโควิดแบบนี้
สรุปเลยต้องเป็นการขายแบบอาลัยอาวรณ์ เพราะเสียเวลาทำข้อตกลงปลีกย่อยในสัญญาเสียมากมาย โดยเฉพาะเรื่องของการซื้อตัวกลับได้ภายใน 3 ปี หากทีมต้องการ
ปล่อยไปแล้วต้องยอมรับสภาพว่าชุดใหญ่จะไม่มีศูนย์หน้าตัวเป้าในสไตล์โป้งปิดบัญชีเอาแม้แต่คนเดียว เพราะทั้ง ฟีร์มีโน่ และ มินามิโนะ ก็ไม่ใช่ “เทพกี้” เองระยะหลังลงทำหน้าที่บริเวณริมฝั่งซ้ายเสียมากกว่า
ถามว่า “เทพคล็อปป์” เอ๊ย ไม่ใช่ เจอร์เก้น คล็อปป์ แคร์แดมอะไรหรือไม่ ก็คงไม่ เพราะถ้าแคร์ก็คงไม่ขาย คำตอบมันก็ง่าย ๆ แค่นั้น
ถ้าคุณน้า “ธอมป์โม่” บ่นขิงบ่นข่าอะไรมาก อยากจะย้อนไปในวันที่น้ายังเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีม แต่ได้คุมงานข้างสนาม เนื่องจากมีช่วงหนึ่งที่ เชราร์ อุลลิเย่ร์ กุนซือฝรั่งเศสป่วยเป็นโรคหัวใจช่วงประมาณปี 2001-2002 แล้วมีการยืมตัว นิโกลาส์ อเนลก้า มาลงเตะให้ “หงส์แดง”
อุตส่าห์โชว์ฟอร์มเสียเลิศหรู ตัวน้ากลับไม่สามารถกล่อมหรือแสดงความเชื่อมั่นกับเจ้านาย อุลลิเย่ร์ ให้รีบเซ็นสัญญาถาวรกับ อเนลก้า เอาไว้ ลองคิดดูว่าให้ยืนจับคู่เล่นกับไมเคิ่ล โอเว่น ไปยาว ๆ กองหลังทีมไหนบ้างจะไม่กลัว
ที่ไหนได้พอไม่เซ็น อเนลก้า ดันไปเลือกซื้อ เอล ฮัดจิ ดิยุฟ กองหน้าเซเนกัลมาแทนเสียอย่างนั้น โชว์ฟอร์มได้คนละเรื่อง เอาแต่ถ่มถุย พูดแล้วยังเสียดายไม่หาย หลังจากนั้นก็กลายเป็นปัญหาระยะยาวต้องไปดึง มิลาน บารอส ตามด้วย ฌิบริล ซิสเซ่ ลงเขาไปเรื่อย ๆ
ส่วน อเนลก้า ไประเบิดฟอร์มให้กับ แมนฯซิตี้ และ เชลซี ซึ่งเขาเล่นเป็นตัวชงด้านซ้ายให้กับ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ได้อย่างยอดเยี่ยม ประสบความสำเร็จมากมายกับ “สิงโตน้ำเงินคราม” โดยเฉพาะแมทช์ที่พาเชลซีกลับมาเอาชนะ ลิเวอร์พูล ในเอฟเอ คัพไฟนอล ปี 2012
เรื่องแบบนี้ตาดีได้ตาร้ายเสีย คนที่พูดอยู่วงนอกกับคนที่ทำงานและต้องตัดสินใจมันเจอสถานการณ์คนละเบอร์กัน
เพราะฉะนั้นขอให้เชื่อการตัดสินใจของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ซึ่งอยู่ใกล้ชิดและรู้ข้อมูลดีที่สุด และหากไม่เจ๋งจริง คงพา “หงส์แดง” ประสบความสำเร็จระดับนี้ไม่ได้หรอกครับ.