บ่อยครั้งที่การเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายมักมีสัญญาณเตือนให้รู้ล่วงหน้า แต่เนื่องจากเป็นอาการเล็กน้อย ๆ จึงทำให้หลายคนไม่ได้ใส่ใจ หรือมองข้ามไป และกว่าจะรู้ตัวว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นกับตัวเองก็อาจจะสายเกินแก้ เนื่องจากเข้าสู่ระยะสุดท้ายของโรคแล้ว
ดังนั้น หากหมั่นสังเกตสัญญาณเตือนต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกาย และรักษากับแพทย์ได้ทันท่วงทีก็จะช่วยลดความสูญเสียลงได้ และนี่คือสัญญาณเตือนที่ไม่ควรมองข้าม หากพบความผิดปกติอย่างต่อเนื่องให้รีบปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการวินิจฉัยโรคต่อไป
เจ็บหน้าอก
อาการเจ็บหน้าอกมักจะมีสาเหตุมาจากหลากหลายปัจจัย ทั้งที่เป็นอาการที่เกิดขึ้นจากการเจ็บกล้ามเนื้อไปจนถึงภาวะหัวใจวาย จึงควรสังเกตอย่างละเอียดว่าเป็นอาการที่เกิดขึ้นแบบใด ซึ่งถ้าเป็นนานเกิน 2-3 วันควรรีบพบแพทย์
ทั้งนี้ หากเป็นอาการของโรคหัวใจ จะรู้สึกเจ็บแน่นหน้าอก เพราะเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ โดยจะมีอาการเจ็บบริเวณกึ่งกลางหน้าอก และมีอาการแน่นเหมือนมีอะไรมากดทับหน้าอก
ปวดท้อง
อาการปวดท้องเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ จึงมักถูกมองข้าม เพราะหากรับประทานอาการผิดสำแดง ก็อาจทำให้ปวดท้องได้ แต่ถ้ามีอาการปวดท้องอย่างต่อเนื่อง อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าอาจป่วยด้วยโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร หรือเป็นโรคมะเร็งได้ จึงต้องหมั่นสังเกตว่าอาการปวดรุนแรงเพียงใด และเกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน
เหนื่อยล้าหรืออ่อนเพลีย
หากไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอก็อาจทำให้มีอาการเหนื่อยล้า หรืออ่อนเพลียได้ ซึ่งถ้าร่างกายได้หลับอย่างเป็นเวลาก็จะกลับคืนสู่ภาวะปกติได้ แต่ถ้าการพักผ่อนยังไม่ช่วยทำให้อาการเหนื่อยล้าหายไป ก็อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าอาจป่วยด้วยโรคหัวใจ, เบาหวาน หรือมีภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับ ทำให้เมื่อตื่นนอนแล้ว ร่างกายยังคงรู้สึกไม่สดชื่นหรืออ่อนเพลีย
น้ำหนักตัวขึ้น-ลงผิดปกติ
เมื่อน้ำหนักตัวมีความเปลี่ยนแปลงอย่างผิดปกติ ไม่ว่าจะน้ำหนักขึ้นหรือลด ก็มักจะเป็นสัญญาณเตือนว่ามีความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพ ซึ่งรวมถึงโรคเบาหวาน, ไทรอยด์ และภาวะหัวใจล้มเหลวได้ ซึ่งในกรณีที่น้ำหนักตัวลดลงอย่างฮวบฮาบ มักจะมีความเกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งต่าง ๆ ด้วย จึงไม่ควรนิ่งนอนใจ และรีบปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อเข้ารับการตรวจอย่างละเอียดต่อไป
ข้อเท้าหรือขาบวม
หากมีอาการข้อเท้าหรือขาบวมโดยไม่เกี่ยวข้องกับการบาดเจ็บใด ๆ อาจมีความเป็นไปได้ว่าเกิดการติดเชื้อที่ขา หรือระบบการไหลเวียนโลหิตไม่ดี นอกจากนี้ยังอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงภาวะหัวใจล้มเหลว, ไตวาย หรือตับวายได้ด้วย เพราะร่างกายจะมีอาการบวมจากปริมาณของน้ำหรือเลือดที่คั่งอยู่มากกว่าปกติ
ผิวเปลี่ยนสี
จากผลการศึกษาของกลุ่มแพทย์โรคผิวหนังพบว่าผิวสามารถบอกได้ว่าภายในร่างกายมีความผิดปกติใด ๆ เกิดขึ้นหรือไม่ ซึ่งการที่สีผิวเปลี่ยนไปจากเดิมจึงอาจเป็นสัญญาณว่ามีการติดเชื้อภายในร่างกายได้ เช่น ภาวะตัวเหลือง ที่อาจบ่งชี้ถึงอาการผิดปกติของตับซึ่งนำพาไปสู่โรคร้ายได้
ที่มา : hartigdrug.com