เมื่อบริการจัดส่งพัสดุยังเป็นธุรกิจที่ยืนหยัดอยู่ได้ในช่วงวิกฤติ COVID-19 การปรับตัวของธรุกิจขนส่ง หรือ Logistic จึงถือเป็นสิ่งจำเป็น หากหวังจะอยู่รอดในสถานการณ์เช่นนี้
“ไปรษณีย์ไทย” ที่อยู่คู่คนไทยมายาวนานเกือบ 20 ปี ก็เป็นหนึ่งในองค์กรที่ถือโอกาสนี้ปรับเปลี่ยนระบบการจัดส่งพัสดุให้ตอบสนองผู้ใช้บริการให้มากยิ่งขึ้นเช่นกัน และดูเหมือนจะซื้อใจผู้บริโภคได้อยู่หมัดเสียด้วย และนี่คือบริการต่าง ๆ ที่ไปรษณีย์ไทยจัดหนักในช่วงนี้
บริการ Pick Up Service
การให้บริการรับฝาก ณ ที่อยู่ลูกค้า ซึ่งอยู่ในแคมเปญ “ไปรษณีย์ส่งให้ ชวนคนไทยอยู่บ้าน” ที่รณรงค์ให้ประชาชนอยู่ในที่พักอาศัย และลดการใช้พื้นที่ส่วนรวม เพื่อลดการแพร่ระบาดของ COVID-19
ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการสามารถฝากส่งสิ่งของในประเทศได้ไม่จำกัดจำนวนชิ้น ทั้งลูกค้ารายย่อยและรายใหญ่ โดยไม่คิดค่าเข้ารับสิ่งของ ซึ่งสามารถชำระเงินค่าฝากส่งกับบุรุษไปรษณีย์ในพื้นที่ทั่วประเทศ และรถยนต์ที่ให้บริการรับฝากสิ่งของที่มีสัญลักษณ์ Pick Up Service
บริการ ยิ้มสู้-19
การให้บริการส่งสิ่งของแบบเหมาจ่ายเพียง 19 บาท ราคาเดียว จนถึงวันที่ 30 เม.ย. 2563 เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการสั่งซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภคผ่านระบบออนไลน์ โดยรับฝากส่งสูงสุดไม่เกิน 1 กิโลกรัม/ชิ้น และจัดส่งสิ่งของถึงปลายทางภายใน 2-5 วันทำการ พร้อมทั้งสามารถติดตามสถานะสิ่งของได้
นอกจากนี้ ยังสามารถใช้งานร่วมกับบริการเก็บเงินปลายทาง (COD) ได้ด้วย โดยวงเงินเรียกเก็บ ณ ที่อยู่ผู้รับไม่เกิน 30,000 บาท/ชิ้น พร้อม SMS แจ้งผู้รับปลายทางได้ โดยคิดค่าบริการบวกเพิ่มอีก 10 บาท/ชิ้น ซึ่งจะเรียกเก็บจากสินค้าที่เก็บเงินได้แล้วเท่านั้น
จุดบริการส่งด่วน EMS ในประเทศ
การขยายจุดให้บริการส่งพัสดุด่วนหรือ EMS ในประเทศ ภายในเทสโก้โลตัส 1,573 สาขาทั่วประเทศตามเวลาเปิด-ปิดของสาขานั้น ๆ เพื่อช่วยเติมเต็มช่องทางการให้บริการแก่ผู้ค้าออนไลน์ และประชาชนทั่วไปในการส่งพัสดุด่วนได้ใกล้บ้านมากที่สุด โดยคิดค่าส่งในราคาประหยัดเริ่มต้นเพียง 30 บาท
ขณะที่เทสโก้ โลตัส ก็จัดแคมเปญพิเศษให้แก่ลูกค้าคลับการ์ด ด้วยการมอบส่วนลดท้ายใบเสร็จบริการส่งพัสดุด่วนมูลค่า 10 บาท สำหรับซื้อสินค้าภายในเทสโก้ โลตัส ตั้งแต่ 50 บาทขึ้นไป และยังได้รับแต้มพิเศษ 500 แต้มต่อใบเสร็จที่ใช้บริการส่งพัสดุด่วน ตั้งแต่วันนี้ – 31 พ.ค. 2563 ด้วย
