
ในสถานการณ์แบบนี้เหมือนอยู่บนขอบเหว หลายคำแนะนำบอกว่าอย่าไปกลัว เป็นแล้วเดี๋ยวก็หาย บางคำแนะนำก็บอกว่า มันมีโอกาสตายถึง 3% เลยนะ
มันก็เลยเป็นสถานการณ์ที่ชักเข้าชักออก ออกไปดี หรืออยู่บ้านดี ควรจะสู้หรือควรจะถอยดี ธุรกิจก็ต้องดำเนินต่อ ชีวิตก็ต้องรักษา เอาไงดีว้า….
ใช่ครับ…ที่ผมเอ่ยถึงก็คือสถานการณ์โรคระบาดในขณะนี้ แต่ในบทความนี้ผมจะไม่เอ่ยชื่อของไวรัส เพราะมันก็เป็นเหมือนฆาตกร เราไม่ควรให้ค่าแก่มัน ไม่ควรเอาชื่อมันใส่สมอง
แต่เราจำเป็นต้องศึกษามัน เราจะรับมือกับมันอย่างไร ถ้าออกไปสู้ก็ควรมีอาวุธครบมือ ระวังทุกฝีก้าว ถ้าจะถอย อันนี้ง่าย ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ แต่สำหรับบางท่านก็ต้องคิดเหมือนกัน เพราะมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ ทั้งเรื่องการเงินและการงาน จะมานั่งนอนเฉย ๆ ก็ไม่ได้
ดังนั้น เราก็ต้องศึกษาทั้งสองแนว ถ้าเราจะสู้ เราจะไปสู้พื้นที่ไหน คนแออัดมั้ย เสี่ยงมากก็อย่าไป เพราะถ้าเกิดไปในพื้นที่เสี่ยงแล้วได้รับเชื้อขึ้นมา 1 คน มันจะกระทบเป็นลูกโซ่ทั้งครอบครัว ไม่ใช่แค่เฉพาะคุณคนเดียว และยังกระทบเป็นวงกว้างไปถึงสังคมที่ทำงานของคนในครอบครัวอีกด้วยนะ
แต่ถ้ามีโอกาสที่จะถอย ตัวเลือกนี้เป็นสิ่งที่ปลอดภัยที่สุด และก็หาโมเมนต์แห่งความสุขของครอบครัวมาบรรเทาจิตใจ เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส
บางครั้งก็ต้องตัดสินใจ เร็ว ช้า หนัก เบา สั้น ยาว ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละคน แต่ถ้าไม่อยากคิดอะไรมาก ก็ถอยยาว ๆๆๆๆ
พูดถึงการถอยในวงการรองเท้าฟุตบอล ณ ตอนนี้ Supersport ใน กทม.ก็ปิดทุกสาขา เหลือแต่ออนไลน์ ร้าน Ari ก็ปิดทุกสาขา ยกเว้นออนไลน์ ร้านแถวหลังสนามศุภฯ ได้ข่าวมาว่าร้านนกแก้วก็จะปิด ทำให้เหลือแค่ร้านหลักแค่ร้าน FBT และร้าน SoccerStudio
ก็ต้องขอบคุณร้านต่าง ๆ ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง ที่เสียสละตัวเอง ในการช่วยปิดหน้าร้าน เพื่อลดปัญหา ไว้โอกาสหน้าฟ้าใหม่ ผมก็จะไปอุดหนุนทุกท่านเหมือนเช่น 10 ปีที่ผ่านมา
ส่วนผมเหรอ…ผมกะว่าจะถอยประมาณ 5 วัน ถึงแม้จะเป็นร้านออนไลน์แต่ดูสถานการณ์ไม่ค่อยเป็นใจ เพราะต้องส่งพนักงานไปรับของ และส่งของเหมือนกัน ถ้าดูสถานการณ์แล้วยังไม่อะไรดีขึ้นก็จะถอยต่อ แต่ถ้าประเมินแล้วไหว ก็จะกลับมาสู้ใหม่
เราจะสู้ไปด้วยกัน ชีวิตมันก็เท่านี้แหละ พบกันใหม่อาทิตย์หน้า สวัสดีครับ





























