จากกรณีที่ทางการจีนพบผู้ป่วยโรคปอดที่เกิดจากการติดเชื้อในเมืองอู่ฮั่น โดยล่าสุดพบผู้ป่วยในประเทศจีนกว่า 44 รายแล้ว ทางการจีนกำลังเร่งวินิจฉัยเพื่อหาสาเหตุที่มาของโรคดังกล่าวซึ่งในขณะนี้ยังไม่พบ ทราบเพียงว่าไม่ใช่เชื้อไวรัสที่พบได้ทั่วไปหรือเป็นชนิดเดียวกับไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดนก และล่าสุดพบผู้ป่วยในสิงคโปร์แล้วหนึ่งรายหลังเดินทางกลับจากจีน
โดยในส่วนของการเฝ้าระวังของประเทศไทยนั้นกรมควบคุมโรคได้ดำเนินการเฝ้าระวังและตรวจเข้ม โดยเฉพาะคัดกรองผู้โดยสารนักท่องเที่ยวจากเมืองอู่ฮั่น ในสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินดอนเมือง สนามบินเชียงใหม่ และสนามบินภูเก็ต เพื่อเป็นการเก็บข้อมูลและเฝ้าระวังการระบาดของอาการปอดติดเชื้อนี้ การตรวจยังเข้มข้นไปจนถึงการเดินทาง ทางบก และทางเรือ นอกจากนี้เชื้อดังกล่าวยังเป็นที่เฝ้าระวังขององค์การอนามัยโลกอีกด้วย
ในเบื้องต้นภารกิจหลักของด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศเป็นการคัดกรองโดยแบ่งเป็นผู้เดินทางที่มาจากพื้นที่เขตโรค ซึ่งโดยปกติจะปฏิบัติตามกำหนดของกระทรวงฯ และครั้งนี้คือผู้เดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน แยกกับผู้เดินทางทั่วไป เฝ้าระวังพาหะนำโรคในช่องทางคัดกรองและระหว่างช่องทางคัดกรองอย่างน้อย 400 เมตร
โดยที่ด่านควบคุมโรคในสนามบินหลักดังที่กล่าวไปข้างต้น ได้ติดตั้งเครื่องเทอร์โมสแกน หรือ เครื่องวัดไข้ระบบอินฟาเรด เพื่อใช้ในการตรวจและเฝ้าระวังผู้โดยสารขาเข้าพร้อมกับเจ้าหน้าที่ดูและประจำจุดตลอด 24 ชั่วโมง โดยหากพบผู้เดินทางมีไข้เจ้าพนักงานสาธารณสุขประจำด่านควบคุมโรค ให้สวมหน้ากากอนามัย ซักประวัติและตรวจไข้ซ้ำด้วยอุปกรณ์วัดไข้ทางการแพทย์ หากพบมีไข้อุณหภูมิสูงกว่า 38 องศาเซลเซียส เจ้าพนักงานจะคัดแยกและคัดกรองผู้เดินทางเพื่อประสานส่งต่อโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้องและมีห้องคัดแยกตามมาตรฐานให้วินิจฉัย หลังจากนั้นจะมีการประเมินผู้สัมผัสที่มีความเสี่ยงสูงหรือความเสี่ยงน้อยต่อไป
อย่างไรก็ตามสถานการณ์ตอนนี้องค์การอนามัยโลกยังไม่มีประกาศห้ามเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงพบเชื้อ แต่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำเบื้อต้น คือ ไม่อยู่ในพื้นที่อากาศแออัดหรือมลภาวะเป็นพิษ ไม่ใช้ของใช้ร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าเช็ดตัว และดูแลร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ