
อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเลือกตั้งฝรั่งเศสรอบ 2 กันแล้ว ซึ่งผลสำรวจความนิยมล่าสุด ชี้ชัดว่า เอ็มมานูเอล มาครง นักการเมืองหนุ่มรุ่นใหม่ วัย 39 ปี มีคะแนนนำหาง มารีน เลอเปน อยู่ที่ 61 ต่อ 39 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว แม้ว่า นางเลอเปน วัย 49 ปี จะลงทุนลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคขวาจัด “แนวร่วมแห่งชาติ” เพื่อหวังโกยคะแนนในช่วงโค้งสุดท้ายก็ตาม
นอกจากคะแนนนิยมที่ทิ้งห่างแล้ว เรื่องส่วนตัวของมาครงก็ถือเป็นสีสันที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองเป็นพิเศษด้วย เผลอๆ จะมากกว่านโยบายทางการเมืองของเขาเสียด้วยซ้ำ นับตั้งแต่มีสื่อเล่นประเด็นที่มาครงแต่งงานกับคุณครูที่เขาหลงรักมาตั้งแต่อายุได้เพียง 15 ปี
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ชีวิตแต่งงานของเขากับภรรยา บริจิตต์ โทรนเญอซ์ กลายเป็นที่สนใจไปทั่วโลกมากกว่าเรื่องการเมืองนั้น เว็บไซต์ข่าว “CatchNews” วิเคราะห์ไว้ 2 ประเด็นด้วยกัน
อายุห่างกันมาก
ประเด็นแรกคือทั้งคู่มีอายุที่ห่างกันมาก และเป็นฝ่ายชายที่อายุน้อยกว่าถึง 25 ปี โดยมาครงมีอายุ 39 ปี ขณะที่บริดจิตต์มีอายุ 64 ปี อีกทั้งเป็นการพบรักในห้องเรียน สมัยที่มาครงในวัย 15 ปี เป็นนักเรียนไฮสคูลที่โรงเรียนเอกชนในเอเมียงส์ และบริจิตต์เป็นครูสอนการแสดง ซึ่ง ณ ตอนนั้น คุณครูสาววัย 40 ปี แต่งงานมีครอบครัว และลูกๆ ถึง 3 คนแล้ว
อย่างไรก็ตาม หลังจากครอบครัวของมาครงทราบเรื่องนี้ จึงตัดสินใจส่งเขาไปเรียนต่อที่กรุงปารีสตอนอายุ 17 ปี เพราะไม่เห็นด้วยกับความสัมพันธ์ของลูกชาย แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ เพราะเมื่อบริจิตต์หย่าขาดจากสามี ทั้งคู่ก็ตัดสินใจแต่งงานกันในปี 2007 โดยไม่มีทายาทแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ในหนังสือ Emmanuel Macron: A Perfect Young Man ที่เขียนโดยนักข่าวหญิง แอนนา ฟูลดา มีคำสัมภาษณ์ของคุณแม่มาครงด้วยว่า ในตอนแรกเธอเข้าใจว่าลูกชายชอบ “โลร็องซ์” ลูกสาวของบริจิตต์ที่เรียนอยู่ห้องเดียวกันสียด้วยซ้ำ ขณะที่คุณพ่อก็ดูจะช็อกไม่ต่างกัน แต่ดูเหมือนจะปลงได้มากกว่า โดยเผยว่าคอยบอกกับตัวเองถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า “แล้วทุกอย่างก็จะผ่านไป”
ตกเป็นเป้าดูถูกดูแคลน
ด้วยความที่เขามีภรรยาเป็นครูของตัวเอง นอกจากฝ่ายหญิงจะโดนดูถูกดูแคลนว่าเป็นพวก “โคแก่กินหญ้าอ่อน” หรือ “หลอกกินเด็ก” แล้ว สื่อดังบางฉบับก็ยังนำเรื่องนี้มาเขียนเหน็บอย่างสนุกปากทำนองว่า แม้บริจิตต์จะเป็นสตรีที่น่าทึ่ง แต่มาครงก็ไม่ควรนำภรรยาไปไหนด้วยทุกที่ เพราะเขาคงจะถูกปฏิบัติไม่ต่างจากเด็กที่ต้องอยู่ในโอวาทของภรรยาตลอดเวลา
นาทีนี้ คงต้องยอมรับว่าชื่อของ บริจิตต์ โทรนเญอซ์ มีอิทธิพลต่อว่าที่ผู้นำฝรั่งเศสคนที่ 25 อยู่ไม่น้อย ซึ่งหากเขาชนะการเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ขึ้นมาจริงๆ ก็คงต้องตามกันต่อว่าภรรยาผู้ผ่านชีวิตมามากกว่าจะมีบทบาทมากน้อยเพียงใด ในฐานะสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของฝรั่งเศส