รางวัลแด่คนช่างฝัน ยังมีอยู่จริง
เคยฟังเพลง “รางวัลแด่คนช่างฝัน” ของคุณ”จรัล มโนเพ็ชร”กันไหมคะ ท่อนขึ้นที่ยังจำติดหูร้องว่า “อย่ากลับคืนคำ เมื่อเธอย้ำสัญญา อย่าเปลี่ยนวาจาเมื่อเวลาแปรเปลี่ยนไป ให้เธอหมายมั่นคง แล้วอย่าหลงไปเชื่อใคร เดินทางไปอย่าหวั่นไหวใครขวางกั้น”
เพลงนี้ถูกแต่งขึ้นมาเพื่อให้กำลังใจคนที่มีฝันแต่แรงน้อยให้ต่อสู้กับอุปสรรค เป็นเพลงที่นึกถึงทันทีเมื่อจะลงมือพิมพ์คอลัมน์วันนี้ เพราะจะขอชื่นชมคนช่างฝันสองคนที่ฟันฝ่าอุปสรรคจนมีวันแห่งเกียรติยศ
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาท่ามกลางกระแสความร้อนแรงของ #thefacethailand3 #เพลิงพระนาง #ธรรมกาย #ถ่านหินกระบี่ หรือแม้กระทั่ง #onet มีการประกาศผลรางวัลโทรทัศน์ทองคำประจำปี 2560 ซึ่งโดยปกติแล้วไม่ค่อยได้ติดตามเท่าไรเพราะรู้กันดีอยู่แล้วว่าเวทีนี้ใจดีแจกรางวัลเพื่อเป็นกำลังใจแก่คนทำงาน จะมีที่ลุ้นกันหน่อย ก็เจ้าแม่นาคี ที่พิชิต ผีคุณอุบลไปได้ (แหม#ทีมคุณอุบล)
แต่พอเลื่อนอ่านรายชื่อผู้ได้รับรางวัลแต่ละสาขาก็ให้สะดุดกับผลการประกาศรางวัลในสาขาผู้บรรยายกีฬาดีเด่น ที่ได้แก่ อัฐชพงษ์ สีมา และ ธีรยุทธ บัญหนองสา
พอเห็นชื่อทั้งสองท่านก็ให้รู้สึกยินดี เพราะเห็นกันมาตั้งแต่เริ่มจับคู่พากย์กันที่ True Sport จนมาเปิดวิกในช่อง ดิจิตอล วันนี้เลยขอเขียนแสดงความยินดีเปิดผนึกเพื่อเป็นเกียรติให้กับทั้งสองท่านที่เป็นคนทำงานจริงๆ และใช้งานเป็นธรรมในการฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆจนประสบความสำเร็จ
สำหรับวงการผู้บรรยายกีฬา (โดยเฉพาะฟุตบอล) เป็นที่รู้กันว่าพอมานั่งหน้าไมค์แล้ว มรสุมลูกแรกที่จะเจอคือ “คลื่นชีวิตเว็บบอร์ด” ที่คอยถาโถมด้วยโพสต์วิพากษ์วิจารณ์เวลาพากย์ไม่ถูกใจ ผู้บรรยายรายไหนรายนั้นได้เจอกันถ้วนหน้า “พี่หัง” (อัฐชพงษ์) ก็เช่นกันเรียกว่าผ่านมาหมดทุกรูปแบบ
แต่พี่หังไม่เคยเอาน้ำลายคนมาทำให้ตนเสื่อมลง “พี่หัง” พัฒนาตนเอง เตรียมตัวและทำการบ้านชนิดที่ภาพติดตา ของพี่หัง เวลาเจอกันที่ห้องพากย์ คือหนุ่มใหญ่ที่ชอบถือแฟ้มเล่มหนาอยู่เป็นประจำ
วันเวลาผ่านมาไป เมื่อประสบการณ์โบยตีจนแกร่งขึ้น ชื่ออัฐชพงษ์ สีมา กลายเป็นชื่อที่ติดปากแฟนบอล ข้อมูลที่แม่นแบบไม่ต้องเปิด Wikipedia หรือ search google ประกอบกับเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ และการเกิดขึ้นของวลีที่ทุกคนรู้ว่านี่คือ “อัฐชพงษ์” อย่าง “ลูกโค้งๆ” ทำให้ “พี่หัง” ดังทั่วบ้านทั่วเมือง แต่ “พี่หัง” ยังคงเป็นอัฐชพงษ์ สีมาคนเดิม เดินเจอกันที่ห้องพากย์ เคยกันทักทายเช่นไรก็ยังคงเป็นเช่นนั้น
สำหรับคนเขียนนั้นประทับใจพี่หังมากที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องที่พี่หังให้เกียรติ กับงาน และ เคารพในงานของคนอื่น ไม่ว่าจะพากย์ดึกแค่ไหน คุณอัฐชพงษ์ มาเตรียมตัวก่อนเวลาเสมอ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ เจ้าหน้าที่คุมเสียงไม่ต้องมานั่งลุ้นว่าผู้บรรยายจะมาหรือไม่ เป็นการให้เกียรติคนที่ทำงานร่วมกัน และพี่หังให้เกียรติคนดูด้วยการเตรียมข้อมูลในคู่ที่ตนเองต้องบรรยายเป็นอย่างดี
มีอยู่ครั้งหนึ่ง เจอกันในร้านกาแฟ เห็นพี่หังกำลังง่วนอยู่กับแทปเลต และสมุดจด ก็เดินเข้าไปทักทายสิ่งที่เห็นในสมุดจดของพี่หังคือ แผนการเล่นของทีมที่ได้รับมอบหมายให้พากย์ ตัวผู้เล่นในแต่ละตำแหน่ง พี่หังจดไว้ราวกับว่า จะนำทีมลงเตะเลยทีเดียว!! และนี่คืออัฐชพงษ์ สีมา คนที่วันนี้เดินทางมาจุดที่ได้ประดับเกียรติยศในชีวิต
มาที่ คู่หูของ คุณอัฐชพงษ์ อย่าง ฟลุ๊ค ธีรยุทธ บัญหนองสา เรียกว่าเป็นการจับคู่ที่เคมีลงตัวของ True Sport จริงๆ ในยุคเริ่มต้นนั้น ฟลุ๊ค ก็เจอมรสุมนักพากย์ ไม่ต่างจากพี่หัง สักเท่าไรแต่ ฟลุ๊ค เป็นคนที่มีความเพียร และ เป็นคนที่พูดแล้วทำ (โดยปกติแล้วเรามักเจอคนที่พูดแล้วไม่ค่อยทำ) จนมาวันหนึ่งด้วยความที่ชอบในฟุตบอลไทยอยู่แล้ว เวลาของฟลุ๊คก็มาถึงยิ่งได้ร่วมงานกับพี่หัง ทำให้ฟลุ๊ค ได้พัฒนาตนเองมากขึ้น จากก้าวแรกในฐานะผู้บรรยาย ก็มาสู่ การเป็นผู้ประกาศ และ พิธีกร
ในสมัยที่ฟลุ๊ค มาอ่านข่าวให้กับรายการที่ บริษัทฯ ของคนเขียนผลิตนั้นนอกจากคำวิพากษ์วิจารณ์จากเว็บบอร์ดแล้วฟลุ๊ค ยังต้องเจอแรงกดดันจากพี่คนนี้อยู่บ่อยครั้งโดยเฉพาะเรื่องน้ำหนัก จนวันหนึ่ง ฟลุ๊ค บอกว่า “ผมจะลดแล้วพี่คอยดู!” หลังจากวันนั้น ฟลุ๊ค เข้ายิม กินอาหารคลีน ปรับปรุงบุคลิกภาพ จนกระทั่ง กลายเป็นซูเปอร์ฟลุ๊ค หล่อกันแบบไม่เกรงใจใคร
ฟลุ๊ค มาเล่าให้ฟังภายหลังจากประสบความสำเร็จจากการลดน้ำหนัก และ ติดการเข้ายิมจนกลายเป็นนิสัยว่า “อันที่จริงแล้ว ผมอยากลดมานานแล้วพี่ ยิ่งมีครอบครัวแล้วกลัวสุขภาพไม่ดี เลยบอกตัวเองต้องทำให้ได้ เพราะงานก็เยอะขึ้น ความรับผิดชอบก็เยอะขึ้นตาม” ได้ฟังที่ฟลุ๊ค บอกก็ให้ยินดีเพราะไม่เพียงแต่ออกกำลัง ปรับบุคลิกภาพ แต่ฟลุ๊ค ยังพัฒนาการทำงาน รู้จักเลือกข้อมูลเพื่อให้สิ่งที่เป็นประโยชน์กับคนที่ฟังการบรรยาย เห็นได้จากทวิตเตอร์ของน้องชายคนนี้ @theerayut b. มีแฟนบอลไทย และ เทศ ให้การติดตามมิใช่น้อย
เรื่องเล่าของคนสองคนที่ผ่านการทำงานกันมาแล้วกว่าครึ่งชีวิต ไม่ได้มีเพียงเท่านี้แต่ขอหยิบยกเอาเท่าที่พื้นที่อำนวยได้ และนำเอาสิ่งที่ตนเองประทับใจมาเล่าสู่กันฟัง เพราะทั้งสองคน คือคนที่ให้เกียรติในการงานของตนเอง แม้ว่าจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ขนาดไหน ก็ฝ่าฟันและแก้ไขจนลุล่วง เป็นคนทำงานที่เราควรนำมาเป็นแบบอย่างเพื่อเป็นกำลังใจให้รู้ว่ารางวัลแด่คนช่างฝันยังมีอยู่จริง.
A job isn’t just a job. It’s who you are (งานไม่ใช่แค่งาน แต่มันคือตัวคุณ) แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้าค่ะ