หลายคนอาจจะเคยผ่านตากับโพสต์คำถามบนโซเชียลมีเดียใจความประมาณว่า “หากได้เจอกับตัวเองตอนเด็ก อยากจะบอกอะไรกับเด็กคนนั้น” นัยหนึ่งคือเป็นการเปิดโอกาสในทุกคนได้เสมือนระบายความในใจสอนสั่งตัวตนของตนเองในอดีตว่าอย่าทำอย่างนั้นนะ เพราะจะอย่างนี้นะ สารพัดสารเพตามแต่เรื่องราวของชีวิตแต่ละคน
แต่สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ ความเสียดาย กล่าวคือ เสียดายกับสิ่งที่มองข้ามหรือไม่ได้เลือกตั้งแต่เมื่อครั้งอดีต เพราะในทุกจังหวะชีวิต มักมีสิ่งที่เป็นทางเลือกเดินหน้าเข้ามาหาเราอยู่ตลอดเวลาและแน่นอนว่าเรามักจะเลือกได้เพียงทางใดทางหนึ่งในช่วงเวลาต่าง ๆ เท่านั้น
ย้อนกลับได้จริง จะเลือกอีกทางจริงหรือ
มีแต่คนคิดว่า ถ้าได้ย้อนเวลากลับไปในช่วงที่ต้องเลือกอะไรสักอย่างระหว่าง A กับ B ก็คงเลือกอีกทางให้มันจบ ๆ ไป เพราะอาจเจ็บปวดหรือสาหัสกับทางเลือกในปัจจุบันอยู่ จึงมีความคิดว่าถ้าตอนนั้นเลือกอีกทางหนึ่งชีวิตคงไม่ลำบากเช่นวันนี้ เพราะคนเรามักพ่ายแพ้ให้กับคำว่า รู้อย่างนี้ เช่น รู้งี้อย่างนั้นดีกว่า รู้งี้อย่างนี้ดีกว่า เสมอ ๆ
แต่แน่ใจแล้วหรือ ว่าในอีกทางที่เรามองข้ามมาจะไม่พบกับความยากลำบาก เพราะทุกสิ่งทุกอย่างมีความยากลำบากในระหว่างเส้นทางอยู่แล้วล่ะ ไม่มีปลายทางใดที่สวยงามที่ไร้ซึ่งถนนที่ขรุขระ
อีกหนึ่งสิ่งที่ควรคิดก็คือ ตัวเราในอดีตที่ยังอยู่ในจุดที่ต้องเลือกทางเดินล้วนมีความคิดและประสบการณ์ที่ต่างจากเราในยามนี้ แล้วคิดหรือว่าตัวเราจะยอมเชื่อใครง่าย ๆ กับเรื่องการเลือกเส้นทางเดินในชีวิต
ดังนั้นจึงพึงระลึกไว้เถอะว่า สิ่งต่าง ๆ ในอดีตนั้นล้วนผ่านมาแล้วและมันไม่เคยเสียเปล่า เพราะเส้นทางที่เราต่างเคยย่ำกรายผ่านมาล้วนเพิ่มประสบการณ์ต่าง ๆ ให้เราได้เก็บเกี่ยวมามากมายแม้จะด้วยความไม่ตั้งใจก็ตาม สำหรับบางอย่างการรับมือของเราในตอนนี้อาจราบรื่นมากกว่าหากเทียบกับในอดีตที่ผ่านมา และอย่าจมกับความเสียดายที่เคยมองผ่านมาเพราะตลอดเวลาคือการเดินหน้าฝ่าฟัน และมั่นใจในสิ่งที่เคยเลือกเอาไว้กรุยทางต่อไปจนพบปลายทางที่แน่นอนว่ามันต้องสวยงาม เมื่อถึงวันนั้นหากได้มองย้อนกลับมาในวันที่ผ่านอีกรอบ ความภาคภูมิใจจะทำให้เรายิ้มได้เอง