ช่วงเวลาทรงคุณค่าบนเวทีมิสยูนิเวิร์ส กับการตอบคำถามภายใน 3 นาที
ใครดูประกวดนางงามจักรวาล 2017 หรือ มิสยูนิเวิร์ส เมื่อเช้าวันที่ 30 มกราคมกันบ้างคะ คนเขียนนี่เปิดทีวีตั้งแต่ 7 โมงเช้า ขณะที่โทรศัพท์กระชับอยู่ในมือตลอดเวลาเรียกว่า พร้อมโหวต พร้อมติดแฮชแทคเต็มที่ เรียกว่าเป็นการเชียร์ประกวดนางงามที่แตกต่างจากสมัยที่นั่งเชียร์อยู่กับน้าสาวเจ้าของร้านเสริมสวยอย่างสิ้นเชิง ชนิดตาดูมือพิมพ์หูฟัง ให้เป็นพัลวันไปหมด
ปีนี้มิสยูนิเวิร์ส จัดรูปแบบในการประกวดให้กองเชียร์ทั้งหลายร่วมโหวตกันได้เพื่อนำไปประกอบเป็นคะแนนการตัดสิน (ซึ่งไม่ใช่ทั้งหมด) และที่คนไทยลุ้นกันมากเพราะปีนี้นางงามเรา “น้องน้ำตามล สวย เลิศ องค์ประกอบเพอร์เฟ็คไปหมดละคุณขา ถูกสื่อนอกยกให้เป็นตัวเก็งด้วย มีรึ อดีตติ่งประกวดนางงามอย่างอิฉัน จะไม่นั่งดู
ต้องยอมรับว่าน้องน้ำตาลของไทย โดดเด่นจริง แม้ความสูงจะเป็นรองนางงามจากอเมริกาใต้หรือยุโรป แต่การพรีเซนต์ตัวเอง พรีเซนต์เสื้อผ้า ต้องบอกว่าเธอทำได้’เผ็ชช์’ มากคุณขา น้องน้ำตาล เข้าถึงรอบตอบคำถาม 6 คนสุดท้ายซึ่งเป็นรอบที่เรียกว่านอกจากวัดกึ๋น วัดสมาธิแล้ว ยังวัดด้วยว่าจะสามารถเรียบเรียงคำพูดภายในสามนาทีให้ออกมาสละสลวยได้อย่างไร (ขอร้องนะคะ พวกที่ไม่เคยพูดต่อหน้าคนเรือนพันเรือนหมื่นอย่าได้สะเออะวิจารณ์เลยทีเดียวเพราะของแบบนี้ไม่ง่าย ต่อให้จบมาระดับไหนก็ตาม)
ช่วงตอบคำถามของนางงาม เป็นช่วงที่เรียกว่าดูมีคุณค่าที่สุดของการประกวด ทีนี้เรามาดูกันว่านางงามแต่ละชาติที่เข้ารอบ 6 คนสุดท้ายตอบว่าอย่างไรกันบ้าง นางงามฟิลิปปินส์ ถูกเลือกให้ตอบคำถามคนแรก เธอถูกถามว่า “เหตุการณ์ใดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมาที่ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจและตื่นเต้นมากที่สุด” เธอตอบว่าการประกวด มิสยูนิเวิร์สคือเหตุการณ์ที่ทำให้เธอตื่นเต้นมากที่สุดเพราะทำให้คนทั้งประเทศมารวมกัน
จากนั้นเป็นนางงามจากเคนย่า คำถามของเธอนั้นต้องเรียกว่าหาคำตอบได้ยากที่สุด เมื่อพิธีกรอย่างสตีฟ ฮาร์วี่ย์ ถามว่า “การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯที่ผ่านมาอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกตื่นเต้น และ อะไรที่คุณรู้สึกกังวลใจมากที่สุดหลังโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกตั้ง” จังหวะการตอบของนางงามจากเคนย่า มีชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบว่า ทรัมป์ได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีจาการเลือกตั้ง แม้ว่าจะมีหลายคนไม่ยอมรับ แต่ถ้ามองโลกให้แง่บวกเราควรจะให้โอกาสเขาในการทำหน้าที่
ส่วนน้องน้ำตาล สาวงามจากประเทศไทย เธอต้องตอบคำถามที่ว่า “ผู้นำคนไหนในโลกนี้ที่เธอชื่นชมที่สุด”
น้องน้ำตาลตอบว่า ในหลวงของคนไทย เพราะในหลวงทำงานหนักเพื่อคนไทยทั้งประเทศ และพระองค์เปรียบเสมือนพ่อของคนทั้งแผ่นดิน (แน่นอนว่าทำเอาคนไทยทั้งประเทศรวมถึงอิฉันที่น้ำตาซึม)
ต่อด้วยนางงามจากประเทศฝรั่งเศส เธอถูกถามว่า “ถ้าประเทศของเธอมีสิทธิที่จะเปิด หรือ ปิด พรมแดนในการรับหรือไม่รับผู้ลี้ภัย เธอจะมีความคิดเห็นอย่างไร” ซึ่งนางงามฝรั่งเศสตอบว่า เรื่องการเปิดหรือปิดพรมแดนนั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทุกคนในประเทศ แต่ไม่ว่าจะเปิดหรือปิดพรมแดน ก็ใช่ว่าจะทำให้คนในประเทศปลอดภัยได้ซึ่งในความเป็นจริงแล้วทุกประเทศในยุโรปต่างเปิดพรมแดนถึงกัน และ เราควรจะเชื่อมต่อกันเพื่อให้คนจากแต่ละประเทศได้รู้จักและทำความเข้าใจกัน
นางงามจากเฮติเป็นรายที่ 5 ที่ต้องตอบคำถามเธอถูกถามด้วยคำถามที่ต้องใช้ความรู้รอบตัวไม่น้อย เมื่อสตีฟ ฮาร์วี่ย์ ถามว่า “การรวมพลังสตรี” หรือ The Women’s Marches ในสหรัฐอเมริกาที่ผ่านมาหากเธอได้มีโอกาสเข้าร่วมด้วยเธอจะพูดอะไรกับคนที่มาชุมนุม” นางงามจากเฮติ ตอบว่า “เราทุกคนต่างเป็นสปีชี่ส์หนึ่งบนโลกใบนี้ หากมีโอกาสได้เข้าร่วมจะขอให้ทุกคนเคารพซึ่งกันและกัน
และปิดท้ายด้วยนางงามจากโคลัมเบีย คำถามของเธอนั้นยากพอกับคนอื่น เธอถูกถามว่า ทำไมทุกวันนี้สังคมถึงนิยมใช้ความรุนแรง และเธอมีคิดว่าจะมีหนทางใดที่จะหยุดยั้งความรุนแรงได้บ้าง นางงามโคลัมเบีย ตอบว่า “ตัวเธอเองนั้นมาจากประเทศที่มีการใช้ความรุนแรงในสังคมอย่างแพร่หลาย เธอมีความคิดเห็นว่าหากต้องการแก้ปัญหาก็ควรต้องทำงานรวมกัน มีการรณรงค์อย่างเป็นรูปธรรม และสร้างความเคารพในความเป็นมนุษย์ให้แก่กัน” แม้ว่าจะเป็นการตอบผ่านล่าม แต่นางงามโคลัมเบียได้รับลุกขึ้นยืนปรบมือทั่วทั้งฮอลล์จัดการประกวดเลยทีเดียว
จะเห็นว่าคำถามทั้งหมดเป็นคำถามที่เกี่ยวข้อกับการเมือง และเป็นการถามสด ในช่วงเวลาที่พวกเธอทุกคนที่กำลังตื่นเต้นกับการประกวดต้องรวบรวมสมาธิในเวลา 3 นาทีเพื่อตอบคำถามชนิดที่อยากจะรู้เหมือนว่ากองประกวดจะหามิสยูนิเวิร์ส หรือ หาทูตสันถวไมตรี ให้สหประชาชาติ บอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย พอดูการประกวดจบพร้อมกับตำแหน่งมิสยูนิเวิร์ส ที่ตกเป็นของนางงามฝรั่งเศสก็ให้รู้สึกว่าอันที่จริงแล้วทั้ง 6 สาวงามคู่ควรกับตำแหน่งทุกคน เพราะพวกเธอต่างก็ทำดีที่สุดแล้วเช่นกัน