ละครโทรทัศน์เกาหลี หรืออีกชื่อที่เรานิยมเรียกกันคือ “ซีรีส์เกาหลี” เป็นละครโทรทัศน์ที่ได้รับความนิยมไปทั่วทั้งเอเชีย ซึ่งมีหลากหลายแนวไม่ว่าจะเป็น พีเรียดย้อนยุค โรแมนติก ดราม่า คอมเมดี้ แฟนตาซี สืบสวนสอบสวน ทนายความ การแพทย์ หรือแม้กระทั่งเรื่องการเมือง ก็มีผลิตออกมาให้คนดูได้รับชมอย่างไม่ปิดกั้น และเพราะความกล้านำเสนอ นี่จึงถือเป็นเหตุผลข้อแรกๆ ที่ทำให้ซีรีส์เกาหลีแตกต่างจากละครไทยอยู่มาก
โดยสำหรับประเทศไทยนั้น เริ่มนิยมซีรีส์เกาหลีพร้อมๆ กับกระแสการมาของ K-POP ซึ่งหากย้อนกลับไปจะเห็นได้ว่า ซีรีส์เกาหลีถูกซื้อลิขสิทธิ์เข้ามาฉายในประเทศไทยตั้งนานแล้ว แต่ที่ทำให้เกิดปรากฎการณ์เกาหลีฟีเว่อร์จริงๆ ก็คงหนีไม่พ้นตอนที่เรื่อง “แดจังกึม” ถูกนำมาฉายแบบพากย์ไทยนั่นเอง ตอนนั้นเรียกได้ว่าฮอตฮิตกันทั้งบ้านทั้งเมือง
ต่อมาซีรีส์เกาหลีก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จนปัจจุบันคนไทยก็เริ่มมีการปรับเปลี่ยนการดูซีรีส์เกาหลี จากที่เคยดูแบบพากย์ไทยก็กลายเป็นมาดูแบบซับไตเติล เพราะได้อรรถรสมากกว่า แถมทุกวันนี้ช่องทางการรับชม ที่ถูกต้องตามลิขสิทธิ์ก็มีหลากหลายด้วย ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชั่น viu, netflix และ iflix ต่างก็มีซีรีส์เกาหลีทั้งเรื่องใหม่เรื่องเก่า อยู่ในแพลตฟอร์มแล้ว
ด้านเอกลักษณ์ของซีรีส์เกาหลี ที่ทำให้คนส่วนใหญ่อินไปกับเนื้อเรื่องและตัวละครนั้นๆ ก็ต้องยอมรับเลยว่าซีรีส์เกาหลี มีการผลิตที่ใส่ใจในรายละเอียดมากๆ ทั้งบทละคร การคัดเลือกนักแสดง สถานที่ ฉาก แสง เอฟเฟกต์ ซีจี การแต่งหน้าทำผม ชุดนักแสดง รวมถึงเพลงประกอบ ซึ่งถือเป็นองค์ประกอบโดยรวม ที่ทำให้ซีรีส์เกาหลีดูสมจริงมากขึ้น
สิ่งที่ทำให้ซีรีส์เกาหลีดูสมจริง
บทละคร
เนื้อหาเข้มข้น พล็อตเรื่องไม่ซ้ำซาก บทนางเอกส่วนมากไม่อ่อนแอ ทำให้ดูสมเหตุสมผล ว่าผู้หญิงไม่จำเป็นต้องคอยการช่วยเหลือจากผู้ชายอย่างเดียว นอกจากนี้ซีรีส์บางเรื่องที่นำเสนอเกี่ยวกับการแพทย์ ทนายความ หรืออาชีพอื่นๆ จะมีการนำเสนอการใช้ชีวิต การปฏิบัติงานจริงๆ ของอาชีพนั้นๆ แบบสมจริงด้วย ยกตัวอย่างเช่น ซีรีส์การแพทย์ ก็จะมีการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างจริงจัง หรือการผ่าตัดแบบเรียลๆ ให้ได้ชมภายในเรื่องแน่นอน
การคัดเลือกนักแสดง
ส่วนมากนักแสดงที่ถูกคัดเลือกมา จะมีคาแร็กเตอร์ที่ใกล้เคียงหรือตรงตามตัวละคร และก่อนถ่ายทำนักแสดงทุกคนจะต้องมาอ่านบทร่วมกัน โดยหากเปรียบกับฝั่งไทยก็เหมือนการบรวงสรวง ให้นักข่าวมาทำข่าวเพื่อประชาสัมพันธ์นั่นเอง แต่อย่างไรก็ดีการต่อบทของนักแสดง ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้แต่ละคนได้ส่งต่ออารมณ์ และทำให้รู้จังหวะกัน
ไม่เพียงเท่านี้เพราะหากในซีรีส์ ตัวละครหลัก เช่น พระเอกซึ่งอาจจะได้รับบทเป็นนักสืบ นักแสดงคนดังกล่าวจะต้องไปเรียนรู้จากนักสืบจริงๆ เป็นระยะเวลา 1-3 เดือนด้วย นั่นจึงทำให้เราเชื่อมากขึ้นไปอีก ว่าคนที่ได้รับบทเป็นนักสืบจริงๆ และท้ายที่สุดคนดูก็จะอินไปตามระเบียบ
เทคนิคพิเศษ
เทคนิคพิเศษที่พูดถึงก็คือพวก เอฟเฟกต์ กราฟฟิก ซีจี ซึ่งของซีรีส์เกาหลีทำออกมาได้ค่อนข้างสมจริง และยังทำให้เรื่องน่าดูมากกว่าเดิมอีกด้วย เรียกว่าจุดเล็กๆ น้อยๆ ใส่ใจหมด เพื่อให้ออกมาดูสมบูรณ์แบบที่สุด
สถานที่ถ่ายทำ
เรื่องสถานที่ถ่ายทำและฉากต่างๆ ซีรีส์เกาหลีก็ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่ว่าสร้างโรงถ่ายซีรีส์ไว้โดยเฉพาะเลยทีเดียว ซึ่งที่เราจะเห็นได้บ่อยๆ ก็คือจากซีรีส์เกาหลีแนวพีเรียดย้อนยุคนั่นเอง นอกจากนี้แล้วสถานที่อื่นๆ ที่ถูกนำมาเป็นหนึ่งในฉากของซีรีส์เกาหลี ยังสื่อถึงวัฒนธรรม ความเป็นอยู่ ของชาวเกาหลีอีกด้วย
แสง สี เสียง
เป็นอีกสิ่งที่ต้องยอมรับเลยว่า ซีรีส์เกาหลีนั้นมีการจัดแสงสีได้สุดยอดจริงๆ เห็นได้ชัดว่าเขาค่อนข้างจะให้ความสำคัญกับการให้ตัวละครเด่นมากกว่าฉาก ในกรณีที่เป็นมุมแคบซีรีส์เกาหลีจะเน้นการเบลอฉากหลัง เพื่อให้ผู้ชมโฟกัสอยู่กับการถ่ายทอดอารมณ์ของนักแสดงนั่นเอง นี่จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เราอินไปกับซีรีส์เกาหลี
และเชื่อจริงๆ ว่านักแสดงคือตัวละครนั้นจริงๆ มาถึงเรื่องเสียง ดนตรีประกอบ และเพลงประกอบกันบ้าง อย่างที่ทราบกันดีว่าซีรีส์เกาหลีจะมีการแทรกเพลงประกอบอยู่แทบตลอดเวลา และมีหลากหลายเพลงมากในหนึ่งซีรีส์ ซึ่งนั่นก็เพื่อการเพิ่มอรรถรส และสื่ออารมณ์ที่แตกต่างของตัวละครนั่นเอง
ชุดและการแต่งหน้าทำผม
ด้านชุดและการแต่งหน้าทำผมของนักแสดง ก็มีส่วนที่ทำให้คนดูเชื่อและอินไปกับบทที่นักแสดงได้รับ ซีรีส์เกาหลีจะมีการแต่งตัวที่สมจริง เข้ากับชีวิตประจำวันอย่างที่คนเกาหลีเป็น เรียกง่ายๆ ว่าไม่เยอะเกินไปหรือไม่น้อยเกินไป นอกจากนี้ที่เราจะสังเกตได้อีกก็คือ การแต่งหน้าทำผม ซึ่งนักแสดงแทบจะไม่ได้แต่งหน้าอะไรมากมายเลย นั่นยิ่งทำให้เรารู้สึกเข้าถึงตัวละครได้ง่ายมากขึ้นด้วย (ยกตัวอย่างรูปภาพด้านล่างป่วยคือป่วยจริง)