“เมื่อความจนเฆี่ยนตีผม” ประสบการณ์จากชีวิตจริง

ชีวิตคนเรามีประสบการณ์ที่ดีและร้ายแตกต่างกันไป หากแต่รอยโบยตีจากประสบการณ์ชีวิตคนหนึ่งคนนั้นสามารถเป็นบทเรียนสอนใจให้กับคนอื่นได้เสมอ เช่นเดียวกับหนังสือเล่มนี้ “เมื่อความจนเฆี่ยนตีผม” หนังสือที่เหมือนได้อ่านสารคดีชีวิตคน ที่กล้าใช้ชีวิตและสู้ชีวิตอย่างไม่ย่อท้อ ทำให้เราในฐานะคนอ่านได้เห็นว่าการที่เราจะก้าวไปสู่ความสำเร็จได้นั้น สิ่งสำคัญที่ต้องมีไว้ประดับกายและใจคือ ความอดทน

ถ้าคุณเป็นนักอ่านประจำของนิตยสารสารคดี ชื่อของ วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ น่าจะคุ้นตาในฐานะของอดีตบรรณาธิการ และถ้าคุณเคยอ่านข้อเขียนของเขา คุณจะวางใจได้ทันทีว่าหนังสือที่ คุณวันชัย เขียนเล่มนี้จะทำให้เราได้รู้มากกว่า ความสำเร็จของโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง แต่คนอ่านจะได้รู้ว่าระหว่างทางกว่าจะเป็นโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง ที่ปัจจุบันมีถึงสามสาขานั้นไม่ได้ง่ายดาย อย่างที่คนมีความคิดมักง่ายชอบพูดว่า “จะยากอะไรแค่เปิดร้านอาหาร”

“เมื่อความจนเฆี่ยนตีผม” เป็นเรื่องราวของ สุพจน์ ธีระวัฒนชัย ผุ้ร่วมก่อตั้งอาณาจักรโรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง เรื่องราวที่ย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นของผู้ชายที่ชื่อว่า สุพจน์ ธีระวัฒนชัย ชีวิตที่ผ่านความยากลำบาก ล้มแล้วลุกจนร่างกายเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นของประสบการณ์ เพราะความสำเร็จของคนหนึ่งคนนั้น ล้วนต้องผ่านบททดสอบ มิใช่ได้มาโดยง่าย และ เรื่องราวของ สุพจน์ ธีระวัฒนชัย ก็เป็นเช่นนั้น

จากเด็กที่ต้องดิ้นรนหาเงินทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือครอบครัว แต่ก็ยังไม่ทิ้งการเรียน ขณะเดียวกันใช้ความถนัดที่ตนมีในการสร้างธุรกิจของตนเอง กับแบรนด์เสื้อผ้าวัยรุ่นที่คนในวัย 40+ น่าจะคุ้นเคยอย่าง Yam and Yim ที่ปัจจุบันหายไปจากท้องตลาดแล้วหายไปเพราะความผิดพลาดใด เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ได้บอกเล่าถึงจุดที่ขึ้นสูงและลงมาต่ำสุดของเสื้อยืดยี่ห้อนี้เอาไว้อย่างชัดเจน และ เป็นกรณีศึกษาให้กับ SME ในปัจจุบันได้อย่างดีที่เดียว

กว่าบาดแผลจากกิจการเสื้อยืดจะตกสะเก็ด ชีวิตของ สุพจน์ ก็ต้องเข้าสู่ความท้าทายครั้งสำคัญ เป็นความท้าทายหลังจากที่เมืองไทยเพิ่งผ่านพ้นสภาวะต้มยำกุ้งได้เพียงแค่ 2 ปี กับการทำร้านอาหารที่มีถึง 1,000 ที่นั่งจำหน่ายเบียร์สดที่ใช้เตากลั่นจากเยอรมัน แกล้มกับอาหารอีสานและไทย พร้อมกับคำปรามาสที่ว่า ธุรกิจแบบนี้อยู่ได้ไม่เกินสองปี

แต่สุดท้าย “โรงเบียร์เยอรมันตะวันแดง” ยืนตะหง่านมาจนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลา 20 ปีจากที่แรกบนถนนพระราม 3 มาจนถึงสาขา เลียบทางด่วนเอกมัย – รามอินทรา และ สาขาที่สาม บนถนนแจ้งวัฒนะ อะไรคือความสำเร็จในการทำร้านอาหารที่มีอายุยืนมาถึง 20 ปี ถูกรวบรวมอยู่ในหนังสือเล่มนี้ และ น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีของคนที่จะเข้าสู่ธุรกิจร้านอาหาร ดังเช่นที่คุณสุพจน์ เล่าไว้ในหนังสือเล่มนี้ว่า

“ที่ผ่านมาเคยมีร้านอาหารบางแห่งมาซื้อพ่อครัวของโรงเบียร์ฯ แต่สุดท้ายร้านเหล่านี้ก็ปิดกิจการ เพราะเจ้าของร้านไม่รู้ว่ารสชาติของขาหมูอร่อยต้องเป็นอย่างไร…… เจ้าของร้านอาหารที่เก่งจึงเป็นนักชิมอาหารตัวจริง”

“เมื่อความจน เฆี่ยนตีผม” นับว่าเป็นหนังสือที่เข้ากับช่วงเวลาที่เศรษฐกิจกำลังตกสะเก็ตแบบนี้เป็นอย่างยิ่ง เพราะสิ่งที่คนอ่านจะได้คือ ความรู้จากประสบการณ์การทำงานของคนหนึ่งคนที่สามารถสร้างอาณาจักรด้วยสองมือของตัวเอง ขณะเดียวกัน ยังพลอยได้วิธีคิดทางธุรกิจ และ กำลังใจจากการต่อสู้ของคุณสุพจน์ ให้คุณได้ลุกขึ้นมาสู้ได้อย่างไม่ต้องสงสัยเลยทีเดียว