แม้รถซูเปอร์ไบค์จะมีราคาสูงระดับหลักแสนไปจนถึงเฉียดล้าน รวมถึงมีข่าวอุบัติเหตุเกิดขึ้นให้เห็นเป็นประจำ แต่ก็ยังเป็นรถสองล้อสมรรถนะสูงที่ใครหลายคนใฝ่ฝัน น่าสนใจว่าหากได้ครอบครองมันแล้ว คุณจะเอามันอยู่หรือไม่
‘เอารถให้อยู่’ หมายความว่าอย่างไร
หลังเกิดอุบัติเหตุทุกครั้งมักจะมีคำพูดว่า ‘เอารถไม่อยู่!’ ผุดขึ้นมา นั่นเป็นเพราะว่ารถในระดับเครื่องยนต์ขนาด 400 ซีซี หรือรถที่มีกำลังตั้งแต่ 47 แรงม้าขึ้นไป หากเกิดอุบัติเหตุย่อมสร้างความเสียหายให้กับทั้งผู้ขับขี่เองและคนรอบข้างมากกว่ารถจักรยานยนต์ทั่วๆไป เนื่องจากมีน้ำหนักและความแรงที่เพิ่มมากขึ้น
ปัจจุบันต้องยอมรับว่า ผู้ขับขี่บางคนซื้อเงินซูเปอร์ไบค์มาด้วยความชอบส่วนตัว และขับขี่เพื่อความโก้เก๋โดยที่ยังขาดความเข้าใจและความชำนาญในตัวรถ โดยอาการ ‘เอารถไม่อยู่’ เกิดขึ้นได้ในทุกๆช่วงความเร็ว ไม่เว้นแม้กระทั่งจอดอยู่กับที่ การที่รถมีน้ำหนักมากประกอบกับสรีระที่ไม่คุ้นเคย บางรายแค่จอดอยู่กับที่ แล้วถูกรถล้มทับก็มีให้เห็นมาแล้วเช่นกัน
เผยสมรรถนะ ‘ซูเปอร์ไบค์’ แรงกว่า ‘อีโคคาร์’
เหล่าไบค์เกอร์มักจะมีรถในฝันเป็นแรงบรรดาลใจ แต่หากไล่ดูรายชื่อรถซูเปอร์ไบค์ยอดฮิต คงหนีไม่พ้น 3 ยี่ห้อดังจากญี่ปุ่น ทั้ง ฮอนด้า ยามาฮ่า และคาวาซากิ โดยค่ายปีกนก ‘ฮอนด้า’ มี CBR650R เป็นตัวชูโรง ภายใต้เครื่องยนต์ 650 ซีซี มีแรงม้าสูงถึง 95.2 แรงม้า สนนราคาคันละ 320,000 บาท

ขณะที่ยามาฮ่า มี YZF-R6 รถสไตล์สปอร์ต 600 ซีซี หนึ่งในตระกูล R-ซีรีย์ ซึ่งถ่ายทอดเทคโนโลยีมาจากรถแข่งโมโตจีพี ที่ยามาฮ่าการันตีพละกำลังความแรงไว้ที่ 118.4 แรงม้า ราคาคันละ 549,000 บาท ส่วนคาวาซากิ ก็มีรถในตระกูล ‘นินจา’ อย่าง ZX-6R เครื่องยนต์ 363 ซีซี ความแรง 130 แรงม้า ราคาคันละ 459,000 บาท ซึ่งทุกรุ่นที่เอ่ยมา มีแรงม้าเหนือกว่ารถยนต์อีโคคาร์เครื่องยนต์ 1,200 ซีซีทั้งสิ้น
ขี่ ‘ซูเปอร์ไบค์’ จำเป็นต้องอบรมก่อนหรือไม่
คำตอบคือ จำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะหากเป็นมือใหม่ที่ไม่เคยผ่านการขี่รถสมรรถนะขนาดนี้มาก่อน เนื่องจากความรู้สึกจะแตกต่างออกไปจากรถมอเตอร์ไซค์ทั่วๆไป แม้กระทั้งเบสิคเบื้องต้น การจูงรถ หรือการขึ้นคร่อมรถเพื่อขับขี่ รวมถึงอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ต้องสวมใส่ทุกครั้งเมื่อขี่รถระดับนี้ หรืออาจกล่าวได้ว่า ‘ซูเปอร์ไบค์’ ไม่ใช่แค่ขี่ได้ แต่ต้องขี่ให้เป็นด้วย

ปัจจุบัน มีค่ายรถหลากหลายยี่ห้อที่เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายรถระดับซูเปอร์ไบค์ เปิดอบรมตั้งแต่ระดับเริ่มต้นไปจนถึงแอดวานซ์ อาทิ Honda Bigwing ของ เอ พี ฮอนด้า , Yamaha Riding Academy (YRA), Kawasaki Good Riders School ของคาวาซากิ ,Suzuki Riding School ของค่ายซูซูกิ รวมถึง Ducati Riding Experience ของดูคาติ
ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลของเหล่าไบค์เกอร์ที่ดี ที่ควรจะต้องตระหนักให้รอบคอบก่อนนำรถออกไปขี่บนท้องถนน เพราะเมื่อคุณรู้จักความแรงของมัน และรู้ลิมิตของตัวเองก็จะทำให้ความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุลดลง ไม่ต่างกับรถยนต์ซูเปอร์คาร์ ที่หากเราไม่ชำนาญหรือไม่รู้ลิมิตของตัวเองก็มีสิทธิ์ที่จะเอารถไม่อยู่ และเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้เช่นเดียวกัน