“เจ้ายุโรป”กับนัยการเปลี่ยนตัวคนที่ 3

ข้อเขียนประจำสัปดาห์นี้ขอเริ่มต้นด้วยการแสดงความยินดีกับเหล่าแฟนๆ “หงส์แดง” ในเมืองไทยด้วยครับ ที่ทีมสามารถผงาดง้ำค้ำโลก คว้าถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาครองได้สำเร็จ หลังจากรอคอยมานานถึง 14 ปี เล่นเอาฉลองกันไม่จบไม่สิ้น พลอยทำให้โลกโซเชียลถูกย้อมไปด้วยสีแดงอยู่นานหลายวัน

ปรากฏการณ์เที่ยวนี้ทำให้บางคนในทีมที่เคยรับบทรองแชมป์มาตลอด ตั้งแต่เฮดโค้ช เจอร์เก้น คล็อปป์ ไปจนถึงกัปตันอย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เพราะเขาทั้งคู่สู้ไม่คอยจนมาถึงวันนี้ จึงลบคำสบประมาททั้งมวลลงได้ โดยเฉพาะเฮนโด้ ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกฝ่ายบริหารทีมตีตราว่าเป็นการซื้อตัวที่ผิดพลาดของสโมสรเสียด้วยซ้ำ แต่มาวันนี้เขากลายเป็นคนเดินนำหน้าลูกทีม ขึ้นรับถ้วยอันยิ่งใหญ่ที่สุดของบรรดาสโมสรแห่งยุโรป

ในชัยชนะยังมีประเด็นที่น่าสนใจจากเกมนี้ คือช่วงท้ายซึ่ง ลิเวอร์พูล นำห่าง 2-0 เหลือโควตาสำรองอีกหนึ่งคน ทุกคนต่างคาดเดาว่าใครจะได้ลงเป็นคนสุดท้าย ผลปรากฏว่าในนาทีที่ 90 คล็อปป์ ตัดสินใจถอดซาดิโอ มาเน่ ออก แล้วชี้ให้ โจ โกเมซ ปราการหลังอนาคตไกลลงไปเล่นในตำแหน่งแบ็คขวา

เรียกว่าเมินตัวเก๋าอย่าง อดัม ลัลลาน่า, เดยัน ลอฟเรน และ ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ ไปเสียฉิบ เท่านี้ก็น่าจะบ่งบอกอนาคตของทั้งสามคนได้เป็นอย่างดี ว่าน่าจะมีโอกาสถูกปล่อยตัวไปสูงขนาดไหน รวมทั้งตัวอื่นๆที่มีข่าวอย่างก่อนหน้านี้อย่าง นาธาเนียล ไคลน์ กับ ซิมง มินโญเล่ต์ ด้วย

ส่วนในรายของ เซอร์ดาน ชากิรี่ กองกลางทีมชาติสวิตฯ ที่บอสส์เจเคไม่ค่อยยอมใช้งานระยะหลัง ยังลูกผีลูกคน ต้องรอดูกันต่อไปว่าจะเป็นอย่างไร

ความสำเร็จครั้งนี้อาจจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความเปลี่ยนแปลงของ ลิเวอร์พูล สู่ยุคใหม่ การเสริมทัพจะต้องเกิดขึ้นอีก แม้ คล็อปป์จะพูดว่าเที่ยวนี้อาจไม่มากเหมือนซัมเมอร์ที่แล้ว แต่ก็น่าสนใจว่าจะมีใครมาบ้าง โดยเฉพาะหนนี้ข่าวนักเตะตัวเป้าหมายดูเหมือนไม่ค่อยจะหลุดออกมาชัดเจนเหมือนปีก่อนๆ

เมื่อรวมกับนักเตะดาวรุ่งแจ้งเกิดไปแล้วอย่าง เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ รวมทั้งรอวันอย่าง นาธาเนียล ฟิลลิปส์, ราฟาเอล คามาโช่ และ ไรอัน บริวส์เตอร์ หน้าตาของทีมน่าจะเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร

ส่วนฝีมือแมวมองของ “หงส์แดง” จะฉมังเหมือนสองปีที่ผ่านมา ที่ได้ผู้เล่นอย่าง อลิสซอน เบ็คเกอร์, แอนดริว โรเบิร์ตสัน, เวอร์จิล ฟาน ไดค์, โมฮัมเหม็ด ซาลาห์, ฟาบินโญ่ ฯลฯ เรียกว่า “โดน” ทุกคน เข้ามาแล้วสร้างความแตกต่างและยกระดับทีมขึ้นมาได้

หนนี้พวกเขาจะทำได้อีกครั้งหนึ่งหรือไม่ และน่าสนใจจริงๆว่าการซื้อตัวอีก 1 ตลาดจะพาลิเวอร์พูลไปถึงจุดไหนในฤดูกาลหน้า บรรดาสาวกคงต้องตามลุ้นกัน.