ปัจจุบันห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่นในไทย มีทั้งหมด 4 แห่งคือ 1.โตคิว (Tokyu) ที่เอ็มบีเค เซ็นเตอร์ 2.อิเซตัน (Isetan) ที่เซ็นทรัลเวิล์ด 3.สยาม ทาคาชิมายะ (Siam Takashimaya) ที่ไอคอนสยาม และ 4.ดอง ดอง ดองกิ (Don Don Donki) ที่ทองหล่อ ซึ่งพึ่งเปิดใหม่ได้ไม่นานจึงยังจะต้องรอกระแสตอบรับในช่วงระยะหนึ่งก่อน
โดยสำหรับปัจจัยที่ทำให้โตคิวและอิเซตัน ยังสามารถดำเนินธุรกิจมาได้จนถึงทุกวันนี้ ประการแรกมาจากโลเคชั่น ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญอันดับหนึ่งของการทำธุรกิจค้าปลีกแบบ brick-and-mortar ประการที่สองคือทั้งสองห้างอยู่กับศูนย์การค้าโครงการใหญ่ ประการที่สามคือมีจุดขายและ Target Market ชัดเจน
ส่วนสยาม ทาคาชิมายะ (Siam Takashimaya) สาขาแรกในไทย ที่เป็นการผสมผสานระหว่างห้างสรรพสินค้าไทย และทาคาชิมายะของญี่ปุ่นเข้าไว้ด้วยกัน เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00-22.00 น. มีทั้งหมด 7 ชั้น ได้แก่ ชั้น G : Taka Marche ซูเปอร์มาร์เก็ตอาหารและขนมคุณภาพเยี่ยม, ชั้น UG : ขนมและสินค้านำเข้าจากญี่ปุ่น, ชั้น M : เคานท์เตอร์แบรนด์สินค้าและบริการด้านความงาม, ชั้น 1 : ชุดชั้นใน เสื้อผ้า และเครื่องประดับของผู้หญิง, ชั้น 2 : กระเป๋า เครื่องประดับ นาฬิกา และรองเท้าของผู้หญิง, ชั้น 3 : เสื้อผ้า และกระเป๋าของผู้ชาย, ชั้น 4 : สินค้าตกแต่งบ้านและสินค้าเด็ก + โซน Rose Dining รวมร้านอาหารจากญี่ปุ่น
ด้วยเหตุนี้สยาม ทาคาชิมายะ (Siam Takashimaya) จึงเป็นที่น่าจับตามองมาก ว่าจะสามารถเป็นห้างสรรพสินค้าระดับพรีเมี่ยมจากญี่ปุ่น ที่ตีตลาดกลุ่มลูกค้าคนไทยและต่างชาติ พร้อมดำเนินธุรกิจได้นานเหมือนกับโตคิวและอิเซตันหรือไม่? แต่เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา ผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งได้ทวีตข้อความระบุว่า “เมื่อคืนไปเดิน Takashimaya แล้วเห็นเลยว่าเงียบมาก บางชั้นไม่มีคนเลย ห้างญี่ปุ่นยังคงเข้าไม่ถึงพฤติกรรมคนไทยจริงๆ ที่ทำได้ดีมีแค่โซนร้านอาหาร แต่โซน Department Store นี่โจทย์ยากมาก”
จากทวีตดังกล่าวก็ทำให้รู้สึกว่า สยาม ทาคาชิมายะ (Siam Takashimaya) เป็นห้างที่ใครก็ต่างรอคอยและตื่นเต้นอยากที่จะไป ไฉนกลับกลายมาเป็นห้างที่เริ่มเงียบ ไม่มีคน คนน้อยลงภายในเวลาเปิดตัวยังไม่ถึงครึ่งปีดีแบบนี้ โดยจากการวิเคราะห์และอ่านข้อมูลในอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีผู้ใช้บริการได้เดินทางไปที่สยาม ทาคาชิมายะ (Siam Takashimaya) ด้วยตัวเองแล้ว Tonkit360 ก็พอจะสรุปสาเหตุได้ดังนี้
- โลเคชั่นที่ตั้งของห้างอยู่ไกล ทำให้เดินทางไม่สะดวก ต้องนั่งรถต่อเรือกันให้วุ่น และการจราจรก็ค่อนข้างติด (แต่สำหรับคนบ้านใกล้ก็คงไม่มีปัญหา)
- ราคาอาหารค่อนไปทางแพง เมื่อบวกกับค่าเดินทางแล้วจึงไม่ค่อยคุ้ม แต่ถ้าไปเอาบรรยากาศก็ถือว่าพอใช้ได้อยู่
- นอกจากโซนของกินชั้น G และ UG แล้ว คนก็แทบไม่เดินชั้นอื่นเลย เพราะจุดประสงค์ของคนที่ไปห้างนี้ส่วนใหญ่ คือเน้นไปกินและถ่ายรูปมากกว่าช้อปปิ้ง
- อย่างที่ทราบกันดีว่านอกจากโซนของกินแล้ว ชั้นอื่นๆ ก็แทบไม่ต่างจากห้างทั่วไปเลย