จากที่เมื่อปีก่อน Environmental Working Group (EWG) องค์กรด้านสิ่งแวดล้อมของสหรัฐอเมริกา เผยรายงานประจำปีเกี่ยวกับสารตกค้างจากยาฆ่าแมลงที่มีอยู่ในผักผลไม้ ซึ่งพบว่า “สตรอว์เบอร์รี่” ครองอันดับ 1 ที่มียาฆ่าแมลงตกค้างมากที่สุด โดยพบว่า 98 เปอร์เซ็นต์ของผลไม้ชนิดนี้ มียาฆ่าแมลงตกค้างถึง 40 เปอร์เซ็นต์
ในปีนี้ EWG เปิดเผยรายงานประจำปีออกมาแล้วเช่นกัน ซึ่งปรากฏว่า สตรอว์เบอร์รี่ ยังคงครองแชมป์ มียาฆ่าแมลงตกค้างมากที่สุดอีกครั้ง จากจำนวนผักผลไม่ที่ไม่ใช่พืชออร์แกนิค 48 ชนิด จาก 36,000 ตัวอย่างที่ส่งเข้าประกวด
โดย EWG นำข้อมูลจากการทดสอบ โดยกระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกา และองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ มาเปรียบเทียบกัน ซึ่งในสตรว์เบอร์รี่ พบยาฆ่าแมลงตกค้างอย่างน้อย 20 ชนิด ขณะที่ผักขม ซึ่งอยู่อันดับ 8 เมื่อปีที่แล้ว แซงหน้าผักผลไม้ชนิดอื่นๆ ขึ้นมารั้งอันดับ 2 เป็นที่เรียบร้อยในปีนี้ ตามมาด้วยอันดับ 3 ลูกท้อ, อันดับ 4 แอปเปิล, อันดับ 5 ลูกพีช, อันดับ 6 ลูกแพร์, อันดับ 7 เชอร์รี่, อันดับ 8 องุ่น, อันดับ 9 ผักขึ้นฉ่าย และอันดับ 10 มะเขือเทศ
แม้จะเป็นผลทดสอบในสหรัฐฯ แต่ก็สามารถนำมาเปรียบเทียบกับผักผลไม้ในบ้านเราได้เช่นกัน เพราะใน 10 อันดับ มีหลายชนิดที่เป็นผักผลไม้ยอดนิยมในบ้านเรา โดยเฉพาะสตรอว์เบอร์รี่ที่มักนำมาใช้ตกแต่งในขนม ไอศกรีม และของหวานต่างๆ รวมถึงกินกันแบบสดๆ ชนิดที่เด็ดกันจากต้นเลยด้วย
ดังนั้น ก่อนจะรับประทานผักและผลไม้อะไร ก็ควรล้างให้สะอาดเสียก่อน เพื่อลดปริมาณสารเคมีที่ตกค้าง ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข แนะนำให้ แช่น้ำ 10-15 นาที และล้างผ่านน้ำไหลอีก 2 นาที ซึ่งเป็นวิธีง่ายๆ ที่สะดวก และประหยัด และจากการศึกษาของกรมวิชาการเกษตร ก็พบว่าวิธีนี้สามารถลดสารเคมีที่เกาะติดตามผิวของผักผลไม้ได้มากที่สุดถึง 92 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว