วันที่ 10 ธันวาคม ไม่ใช่แค่ “วันรัฐธรรมนูญ” หรือ “วันสิทธิมนุษยชนสากล” แต่ยังเป็น “วันต่อต้านโรคมะเร็งแห่งชาติ” ด้วย และเพื่อให้รู้ถึงความสำคัญของวันต่อต้านโรคมะเร็งแห่งชาติ Tonkit360 มีเรื่องราวของวันนี้ มาฝากกันค่ะ
“วันต่อต้านโรคมะเร็งแห่งชาติ” เริ่มขึ้นเมื่อ
นับแต่ตั้งแต่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร หรือ ในหลวง รัชกาลที่ 9 ได้ทรงพระกรุณาเสด็จมาทรงกระทําพิธี เปิดอาคารหลังแรกของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2511 และ ณ โอกาสนั้น ฯพณฯ คุณบำราศนราดูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้กราบบังคมทูล พระกรุณา ขอบรมราชานุญาตพระราชทานถือเอา วันที่ 10 ธันวาคมของทุกปี เป็น “วันต่อต้านโรคมะเร็งแห่งชาติ”
ความสำคัญของ “วันต่อต้านโรคมะเร็งแห่งชาติ”
เนื่องจาก “โรคมะเร็ง” เป็นหนึ่งในปัญหาสาธารณสุขของประเทศไทย ซึ่งมีแนวโน้มอัตราการเกิดโรคเพิ่มขึ้นทุกปี แม้ไม่สามารถหาทางป้องกันโรคนี้ได้ 100% แต่ก็สามารถลดทอนอัตราการเกิดโรคในผู้ป่วยรายใหม่ได้ ดังนั้น ในทุกปี กรมการแพทย์ ได้จัดกิจกรรมสัปดาห์การป้องกันโรคมะเร็งแห่งชาติขึ้น เพื่อให้คนไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญในการดูแลสุขภาพ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และทัศนคติที่ถูกต้อง เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง
สถิติผู้ป่วยมะเร็ง ในประเทศไทย
อัตราเฉลี่ยผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่
ตามข้อมูลของ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ พบว่า ปัจจุบัน ประเทศไทย มีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ เฉลี่ยวันละ 336 คน หรือคิดเป็น 122,757 คน/ปี
*** ผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง เฉลี่ยวันละ 215 คน หรือคิดเป็น 78,540 คนต่อปี
โรคมะเร็งยอดฮิต ที่คุกคามชีวิตผู้ชาย
- มะเร็งตับและท่อน้ำดี
- มะเร็งปอด
- มะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง
- มะเร็งต่อมลูกหมาก
- มะเร็งต่อมน้ำเหลือง
โรคมะเร็งยอดฮิต ที่คุกคามชีวิตผู้หญิง
- มะเร็งเต้านม
- มะเร็งตับและท่อน้ำดี
- มะเร็งปากมดลูก
- มะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง
- มะเร็งปอด
สัญญาณอันตรายที่พึงระวังว่า คุณมีโอกาสเป็นโรคมะเร็ง ประกอบด้วย
(1) ระบบขับถ่ายอุจจาระ และปัสสาวะ มีการเปลี่ยนแปลง อาทิ ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำ หรือปัสสาวะเป็นเลือด
(2) มีอาการกลืนอาหารลำบาก หรือเกิดอาการจุกเสียดแน่นท้องเป็นเวลานาน
(3) มีอาการเสียงแหบ และไอเรื้อรัง
(4) มีเลือดออกผิดปกติจากทวารต่าง ๆ
(5) มีก้อนตุ่มขึ้นตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
(6) ไฝ หรือหูดตามร่างกาย มีการเปลี่ยนแปลง
(7) มีบาดแผล แต่รักษาไม่ยอมหาย
ทั้งนี้ สัญญาณที่กล่าวมาในข้างต้น หากมีอาการนานกว่า 2-3 สัปดาห์ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
วิธีปฏิบัติตัวเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง
(1) หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
(2) ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
(3) ตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี เพื่อค้นหามะเร็งระยะเริ่มแรก
(4) ลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
(5) ลดหรือหยุดสูบบุหรี่ และไม่สูดดมควันบุหรี่
(6) ไม่รับประทานอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ อาทิ อาหารที่มีราขึ้น หรืออาหารสุก ๆ ดิบ ๆ
(7) ไม่ควรตากแดดเป็นเวลานาน เพื่อลดความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง ฯลฯ
เพียงปฏิบัติตัวตามนี้ คุณก็สามารถใช้ชีวิตโดยห่างไกล จากความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งได้แล้ว
ข้อมูลจาก สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์